25 พ.ย. 2022 เวลา 06:55 • กีฬา
คำพูดปลุกใจ ถ้าหยิบมาใช้อย่างถูกจังหวะ อาจทำให้นักเตะวิ่งกันจนลืมตาย จนถึงขั้นสร้างประวัติศาสตร์ขึ้นมาได้ เหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นกับ แอร์กเว่ เรอนาร์ และทีมชาติซาอุดิอาระเบีย
3
เรอนาร์ โค้ชของซาอุฯ อาจจะไม่ค่อยมีคนรู้จักมากนัก แต่ในข้อเท็จจริงแล้ว เขาก็ดังเหมือนกัน
1
อย่างแรกเลย เรอนาร์กับ ดิดิเยร์ เดส์ช็องส์ โค้ชทีมชาติฝรั่งเศส เป็นเพื่อนกัน
ทั้งคู่ถูกเรียกตัวเข้าแคมป์เยาวชนทีมชาติฝรั่งเศส ในปี 1984 ตอนอายุ 16 ปี อย่างไรก็ตาม เด็กๆ จากทีมเยาวชนชุดนั้น มีแค่สองคนที่ก้าวไปติดทีมชาติฝรั่งเศสชุดใหญ่ นั่นคือเดส์ช็องส์ และ มาร์กแซล เดอไซญี่
ส่วนเรอนาร์ ไม่สามารถแจ้งเกิดได้ พอโตขึ้น เขาพเนจรไปหลายทีม ส่วนใหญ่อยู่ลีกล่าง ก่อนจะแขวนสตั๊ดในวัย 30 ปีเท่านั้น โดยไม่ใกล้เคียงกับการติดทีมชาติ
เมื่อเลิกเล่น เรอนาร์ ขอผันตัวไปทำงานโค้ช เขาไปเรียนวิชาจาก กีย์ สเตฟาน สุดยอดโค้ชชาวฝรั่งเศส ที่ปัจจุบันเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมชาติ หรือมือขวาของเดส์ช็องส์นั่นเอง
1
หลังคุมทีมไปสักพัก เรอนาร์ค้นพบว่าสไตล์ของตัวเอง เหมาะกับการคุมทีมชาติมากกว่า เขาพบว่า บอลทีมชาติ มันไม่กดดันเท่าฟุตบอลสโมสรที่ต้องการความสำเร็จโดยทันที
คือมันก็มีโค้ชประเภทนี้อยู่ พวกที่ชอบคุมทีมชาติเป็นหลัก เช่น โบร่า มิลูติโนวิช (คุม 8 ทีมชาติ), คาร์ลอส อัลแบร์โต้ เปเรยร่า (6 ทีมชาติ) หรือ บรูโน่ เม็ตซู (4 ทีมชาติ)
1
แอร์กเว่ เรอนาร์ ก็เป็นหนึ่งในนั้น เขาคุมทีมชาติมาแล้ว 5 ประเทศ (แซมเบีย, อังโกล่า, ไอวอรีโคสต์, โมร็อกโก, ซาอุดิอาระเบีย) และผลงานรวมๆ ก็ใช้ได้ พาแซมเบีย และ ไอวอรีโคสต์ คว้าแชมป์แอฟริกันเนชันส์คัพได้สำเร็จ คืออาจจะไม่ใช่โค้ชที่โด่งดังอะไร และไม่ได้คว้าแชมป์โลกแบบเดส์ช็องส์ แต่ความสำเร็จนั้นจับต้องได้
ในปี 2019 เรอนาร์ เข้ามาคุมซาอุดิอาระเบีย และพอคุมได้สักพัก เขาก็เห็นปัญหาคือ กลุ่มนักเตะซาอุฯ ไม่ค่อยมีแรงกระตุ้น โดยเฉพาะหากเทียบกับผู้เล่นชาติอื่นๆ
เรอนาร์เล่าว่า "ซาอุดิอาระเบียมีทุกอย่างที่พร้อมอยู่แล้ว พวกเขามีสนามซ้อม และสนามฟุตบอลที่ทันสมัยมาก แต่นักเตะทีมชาติซาอุฯ จะไม่ย้ายไปเล่นต่างแดน เพราะพวกเขาหาเงินได้เยอะที่นี่ และมีชีวิตที่ดีอยู่แล้ว"
ผู้เล่นซาอุฯ มีร่างกายที่แข็งแกร่ง เพราะความรู้เรื่องโภชนาการ และเครื่องอำนวยความสะดวกทุกอย่างพร้อมหมด แต่บางครั้ง ที่ทีมชาติไปไม่สุด เพราะยังขาดเรื่อง Passion ในแง่ว่าพวกเขาไม่ต้องลำบากอะไร ไม่ได้มีแบ็กกราวน์ปากกัดตีนถีบ ไม่ต้องไปเผชิญกับสิ่งแวดล้อมที่โหดร้ายในต่างแดน พวกเขาเล่นฟุตบอลได้อย่างมีความสุขในบ้านตัวเอง
3
ดังนั้นเรอนาร์มองว่า นักเตะที่ใช้ชีวิตสบายๆ แบบนี้ คุณต้องใช้กลวิธีการพูด เพื่อสร้างความฮึกเหิม สร้างความปลุกใจ และทำให้ตัวนักเตะมีใจที่จะต่อสู้กับคู่แข่งในสนามฟุตบอล
ก่อนลงสนามเจอกับอาร์เจนติน่า ในเกมแรกของฟุตบอลโลกกลุ่ม C มีการประเมินว่า ซาอุฯ คงจะรอดยาก เพราะก่อนหน้านี้ สองทีมจากเอเชีย แพ้มารวด กาตาร์แพ้ 2-0 ส่วน อิหร่านแพ้ 6-2
1
แล้วคู่แข่งของซาอุฯ คือเต็ง 2 ของฟุตบอลโลก อาร์เจนติน่า ที่มีลีโอเนล เมสซี่ เจ้าของบัลลงดอร์ 7 สมัยลงเล่นอยู่ และเป็นทีมที่ไม่แพ้ใครมา 36 เกมติดต่อกัน ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมาแพ้ในนัดนี้
ในสภาวะที่นักเตะอาจจะหวาดหวั่น ไม่มั่นใจ กลัวลงไปแล้วโดนถล่ม เรอนาร์ตัดสินใจเรียกประชุมในช่วงเช้าก่อนแข่ง
เหตุผลแรกคือการประกาศไลน์อัพ 11 คนที่จะลงเล่นในเกมนี้ และเหตุผลที่สอง คือเขาจะถือโอกาสนี้ปลุกใจนักเตะ ให้เชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้นอีกหน่อย
เรอนาร์พูดในห้องมีทติ้งว่า "ลองมองไปที่เพื่อนร่วมทีม ที่นั่งอยู่ข้างๆ นายสิ นายมั่นใจในตัวพวกเขาไหม?"
1
"แล้วนายคิดว่าพวกเขามั่นใจในตัวนายได้ใช่ไหม?"
"ใช่ นายมั่นใจในตัวเพื่อนๆ ได้ เพราะนายรู้ว่าทุกคน จะทำทุกอย่างเพื่อนายในสนาม"
1
"และใช่ เพื่อนๆ ก็มั่นใจในตัวนายได้ เพราะพวกเขารู้ว่านายจะทุ่มเทพลังทั้งหมดในสนามเหมือนกัน"
"สำหรับคนที่ไม่ได้ลงเล่น มันไม่ง่ายที่จะต้องเป็นตัวสำรอง แต่เวลาแค่ไม่กี่นาทีที่ได้ลง อาจสร้างความแตกต่างได้ ดังนั้นเตรียมตัวให้พร้อมซะ จงเชื่อใจเพื่อนที่ได้ลงเล่น และคนที่ได้เล่นก็จงเชื่อใจเพื่อนที่จะถูกเปลี่ยนเป็นตัวสำรองด้วย"
3
"ก่อนเดินลงสู่สนาม ฉันอยากให้นายมองหน้ากันและกันเข้าไว้ แล้วบอกเพื่อนๆ ทุกคนว่า 'ฉันมั่นใจในตัวนาย' เราทุกคนต้องมั่นใจไปพร้อมๆ กัน เชื่อมั่นเข้าไว้ว่าเราทำได้"
"หลังจากวันนี้ผ่านไป 20 ปี นายจะจดจำฟุตบอลโลกครั้งนี้ไม่ลืมและบางที อาจจะมีใครสักคนที่เดินตามท้องถนน ทักนายขึ้นมาว่า 'ผมจำแมตช์นี้ได้ เกมนี้มันสุดยอดไปเลย' คิดดูว่ามันยอดเยี่ยมขนาดไหน"
6
"เช้าวันนี้ มีประชาชนซาอุดิอาระเบีย 35 ล้านคน ตื่นมาภาวนาให้พวกนาย บางครอบครัวซื้อตั๋วมาเชียร์บนสแตนด์ และอีกหลายๆ คนก็นั่งดูอยู่หน้าจอทีวี"
1
"เวลา 13.00 น. ที่ลงแข่งขัน นาฬิกาที่ซาอุดิอาระเบียจะหยุดเดิน และทุกคนในประเทศจะมองมาที่พวกนาย ในสนามแข่งขัน"
"ลองนึกภาพตามสิ มีคนคอยให้กำลังใจพวกเรามากขนาดนั้น แล้วเราจะยอมก้มหัว ยอมแพ้ตั้งแต่ก่อนเกมเริ่มหรอ ไม่มีวัน"
2
นี่คือคำกระตุ้นที่ปลุกพลังนักเตะจนให้มีไฟลุกโชน อับเดล อัล-มาลิกี้ กองกลางซาอุฯ ให้สัมภาษณ์ว่า "ผมสาบานได้เลยว่า ผมน้ำตาไหลตอนที่โค้ชพูดกระตุ้นเรา ผมอยากจะลงเล่นมันตอนนั้นเลยด้วยซ้ำ คือมันไม่สามารถบรรยายความรู้สึกได้เลยจริงๆ"
นักเตะพร้อม แท็กติกพร้อม การแข่งขันกับอาร์เจนติน่าเริ่มต้นขึ้น
ซาอุฯ สู้อย่างเต็มที่ ด้วยแท็กติก High Line แผงหลังดันสูง กล้าเช็กล้ำหน้าฝั่งอาร์เจนติน่าอย่างไม่เกรงกลัว และนั่นทำให้อาร์เจนติน่าล้ำหน้าไป 7 ครั้งในครึ่งแรก ในฟุตบอลโลกที่รัสเซีย อาร์เจนติน่าลงเล่น 4 เกม ยังล้ำหน้ารวมกันไม่ถึง 7 ครั้งด้วยซ้ำ
1
แต่แม้จะเช็กล้ำหน้าได้ดี พวกเขาก็ตามหลัง 1-0 อยู่ดี จากจุดโทษของเมสซี่ หลายคนอาจจะพอใจที่เห็นสกอร์ตามหลังแค่เม็ดเดียว แต่เรอนาร์ไม่พอใจ เขากล่าวว่า "ในครึ่งแรก เรายืนรอจังหวะมากเกินไป กองหน้าเราไม่ยอมเพรสซิ่งใส่คู่เซ็นเตอร์แบ็กและปาเรเดส มากพอ ดังนั้นผมจำเป็นต้องกระตุ้นนักเตะในช่วงพักครึ่ง"
2
เมื่อนักเตะเข้าห้องแต่งตัวมาครบ เรอนาร์ เปิดฉากใส่ยับทันทีด้วยความกราดเกรี้ยวอย่างมาก
"ฉันไม่รู้ว่าทีมเราเล่นอะไรกัน นี่พวกนายรู้ไหมว่าเรามาทำอะไรที่นี่ แล้วนี่คือการเพรสซิ่งของเราหรอ? ตอนเมสซี่ได้บอลอยู่กลางสนาม พวกนายทำอะไร พวกนายยืนเฉยๆ ปล่อยเขาเล่นง่ายๆ เลย"
1
"พวกนายลงเล่นเกมนี้เพื่อเตรียมขอถ่ายรูปกับเมสซี่หรอ งั้นควักมือถือออกมาถ่ายเลยไหม"
5
"ไม่สิ ไม่ พวกนายต้องทุ่มเทพลังทั้งชีวิตลงไปสนาม เพราะนี่มันฟุตบอลโลกนะ!"
1
"พวกนายไม่คิดบ้างหรอ ว่าถึงโดนนำ แต่เราจะคัมแบ็กกลับมาได้ ไม่รู้สึกกันสักนิดเลยหรอ ถึงเล่นกันแบบผ่อนคลายขนาดนี้"
2
"ไม่เอาน่า ไม่เอา นี่คือฟุตบอลโลก ใส่พลังทั้งหมดสิ ไม่ใช่ยืนนิ่งขาตาย ตื่นตัวหน่อย มีสมาธิหน่อย เอาหน่อยทุกคน เอาหน่อย!"
2
การกระตุ้นของเรอนาร์ สร้างบรรยากาศอันคึกคักในห้องแต่งตัว ซาอุฯ รวมสติได้ เพราะจะว่าไปแล้วพวกเขาก็ตามหลังอาร์เจนติน่าแค่ลูกเดียวเองนะ
2
เมื่อกลับลงสู่สนาม นักเตะซาอุดิอาระเบียเล่นดีขึ้นกว่าเดิมอย่างชัดเจน พวกเขาเพรสซิ่งใส่อาร์เจนติน่าอย่างหนัก จนทีมฟ้าขาวตั้งตัวไม่ติด และได้ประตูแรก ตีเสมอ 1-1 ตามด้วยประตูที่สอง พลิกขึ้นนำ 2-1
2
อาร์เจนติน่าไปไม่เป็นเลย เมสซี่ ที่ครึ่งแรกดูจะอิสระ คราวนี้โดนบังทางตลอดเวลาจนเล่นยากมาก ดูเหมือนคำสั่งให้วิ่งเพรสซิ่งเข้าหาของโค้ชเรอนาร์จะได้ผลจริงๆ
1
และสุดท้ายเกมการแข่งขันก็จบลง ซาอุดิอาระเบีย คว้าชัยชนะนัดประวัติศาสตร์ เหนือทีมเต็งแชมป์อย่างอาร์เจนติน่า ด้วยสกอร์ 2-1 นี่คือวันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการฟุตบอลซาอุฯ มันมหัศจรรย์จริงๆ
1
แน่นอน แท็กติกที่ถูกต้องมีผลมาก แต่การกระตุ้นให้นักเตะสู้สุดใจของโค้ชเรอนาร์ ก็เป็นจิ๊กซอว์สำคัญในเรื่องนี้เช่นกัน โดย อัล-มาลิกี้ กองกลางของซาอุฯ กล่าวว่า "เรามีโค้ชที่บ้าคลั่งสุด ที่ออกคำสั่งเรา และกระตุ้นพวกเราอย่างแรงในช่วงพักครึ่ง!"
3
หลังจบเกม โค้ชเรอนาร์ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า จุดแพ้ชนะในเกมนี้ คือทัศนคติของนักเตะอาร์เจนติน่า ที่อาจจะไม่กังวลทีมที่อันดับโลกต่ำกว่าอย่างซาอุดิอาระเบีย และเมื่อไหร่ก็ตามที่มีช่องของความประมาทเกิดขึ้น ก็มีช่องให้ซาอุฯ ชนะในเกมนี้
2
เรอนาร์กล่าวว่า "เมื่อคุณมาเล่นในฟุตบอลโลก คุณต้องมั่นใจในตัวเอง เชื่อเอาไว้ ว่าทุกอย่างเกิดขึ้นได้ในโลกฟุตบอล บางครั้งคู่แข่งของคุณอาจจะไม่มีแรงกระตุ้นที่ดีพอ นี่ก็เป็นกับเราเหมือนกัน เวลาเราเจอทีมที่มีอันดับโลกต่ำกว่า"
2
"คุณลองคิดดูนะ ว่าลีโอเนล เมสซี่ เมื่อต้องเล่นกับซาอุดิอาระเบีย เขาก็ต้องพูดนั่นแหละว่า 'อยากออกสตาร์ตให้ดีและชนะให้ได้' แต่คุณรู้อยู่แล้ว ว่าแรงกระตุ้นของเขาในการลงเล่นเจอกับซาอุฯ คงไม่ตื่นตัว เท่าเวลากำลังจะลงเล่นเจอบราซิลหรอก นั่นเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว"
1
"ก่อนเกมผมย้ำกับนักเตะในทีมว่า วันนี้มีแฟนบอล 35 ล้านคนกำลังเชียร์พวกนายอยู่ที่บ้านนะ และพวกเขาก็อยากเห็นสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้น"
2
"สุดท้ายแล้ว เราได้สร้างประวัติศาสตร์ให้วงการฟุตบอลซาอุฯ และสิ่งนี้จะอยู่กับเราไปตลอดกาล"
1
ไม่รู้ว่าซาอุดิอาระเบีย จะเข้ารอบน็อกเอาต์หรือไม่ เพราะอีกสองเกมต่อไป กับ เม็กซิโก และ โปแลนด์ ก็ไม่ใช่งานง่าย แต่ผลงานมาสเตอร์พีซ ที่เกิดขึ้นในเกมกับอาร์เจนติน่า จะไม่ถูกลบเลือนง่ายๆ อย่างแน่นอน
2
ในฟุตบอลโลกนั้น เรื่องฝีเท้าต่อให้จะเสียเปรียบ แต่ถ้าคุณค้นพบแท็กติกที่ถูกต้อง ก็จะทำให้เกมสูสียิ่งขึ้น
และถ้าบวกด้วยมีแรงกระตุ้นที่เหมาะสม มีโค้ชที่รู้จักพูด รู้จักใช้คำเพื่อดึงพลังใจของนักเตะออกมา มันก็อาจส่งผลให้ทีมที่ดูเป็นรอง เป็นฝ่ายพลิกเอาชนะได้อย่างสะเทือนโลกแบบนี้
#TEAMTALKMASTER
โฆษณา