25 พ.ย. 2022 เวลา 10:14 • หุ้น & เศรษฐกิจ
สรุปประเด็น บิ๊กล็อตหุ้น MAKRO กับสิ่งที่นักลงทุนต้องรู้
เมื่อช่วงเย็นไม่กี่วันก่อน มีข่าวว่าบริษัทเจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง (CPH) ได้ทำการขายหุ้น MAKRO ออกมาเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน จำนวน 160 ล้านหุ้น (คิดเป็น 1.5% ของหุ้น MAKRO) โดยมีราคาขายเฉลี่ยที่ 37.75 บาทต่อหุ้น
ส่งผลให้ CPH ถือหุ้น MAKRO อยู่ 16.2% ในขณะที่ทางฝั่ง CPALL และ CPF ยังคงถือหุ้นอยู่เท่าเดิม
จริงๆถ้าใครตามประเด็น MAKRO จะพบว่าปัญหาเพียงอย่างเดียวสำหรับหุ้น MAKRO คือ ฟรีโฟลตของหุ้นต่ำเกินไป ทำให้มักไม่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนสถาบันขนาดใหญ่
โดยนักลงทุนสถาบันมักจะมีกฏเกณฑ์ว่าห้ามซื้อหุ้นที่มีฟรีโฟลตต่ำกว่า 15% ในขณะที่ MAKRO มีฟรีโฟลตอยู่ราวๆ 13.53%
แต่การขายบิ๊กล็อตครั้งนี้ทำให้ MAKRO มีฟรีโฟลตมากกว่า 15% จะส่งผลดีอยู่ 2 ประการ คือ
1. ฟรีโฟลตผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำที่ 15% อาจจะตกเป็นเป้าของนักลงทุนสถาบันขนาดใหญ่
2. มีแนวโน้มจะเข้าดัชนี Index ใหญ่ๆ เช่น MSCI หรือ FTSE
ยิ่งไปกว่านั้น นักลงทุนอาจจะไม่รู้ว่าหุ้นขนาดใหญ่ พื้นฐานดี อย่าง MAKRO ไม่ได้ติดแม้กระทั่ง SET100 หรือ SET50 เลย เป็นเพราะว่าฟรีโฟลตไม่ถึงตามที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนด อย่างน้อย 20%
ดังนั้น การขายครั้งนี้อาจจะเป็นการเปิดทางเข้าดัชนี SET50 ได้ในอนาคต
อ่านมาถึงตรงนี้ นักลงทุนอาจจะสงสัยอยู่ 2 เรื่องด้วยกัน คือ
 
1. แล้ว CPF กับ CPALL จะขายเพื่อเพิ่มฟรีโฟลตออกมาด้วยไหม
2. แล้วการเพิ่มฟรีโฟลต จะส่งผลกระทบต่อพื้นฐานหุ้นอย่างไรบ้าง
คำถามแรก คือ CPF และ CPALL จะขายหุ้นออกมาหรือไม่ ?
คำตอบ คือ มีความเป็นไปได้น้อยเพราะช่วงปลายปี 2564 ทั้งสองบริษัทมีการเพิ่มทุน พร้อมกับนักลงทุนรายย่อยให้กับ MAKRO เพื่อนำไปซื้อ Lotus's ครับ ที่ราคา 43.5 บาทต่อหุ้น
และถ้าขายตาม CPH ที่ราคา 37.75 บาท นั้นหมายความว่าทั้งสองบริษัท "ขาดทุน" และอาจจะมีการบันทึกขาดทุนในผลประกอบการรอบถัดไป ได้ครับ
ดังนั้น เชื่อว่า มีความเป็นไปได้น้อย ....
คำถามข้อที่สอง คือ การเพิ่มฟรีโฟลตจะส่งผลกระทบต่อพื้นฐานหุ้นอย่างไรบ้าง ?
คำตอบ คือ การเพิ่มฟรีโฟลต คือการเพิ่มสภาพคล่องของหุ้น ให้ซื้อขายได้ง่ายขึ้น เป็นมหาชนที่นักลงทุนสามารถเข้ามาถือหุ้นเป็นเจ้าของร่วม และสามารถขายส่วนหนึ่งของธุรกิจได้ง่ายขึ้น
ซึ่งเป็นแรงจูงใจของนักลงทุนสถาบันที่เข้ามาซื้อหุ้นจำนวนมาก และสามารถขายออกได้เมื่อถึงเวลาจำเป็น
ดังนั้น การเพิ่มฟรีโฟลต จะไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นฐานหุ้น
และยังมีแง่ดีอีกประเด็นคือ ราคาหุ้นจะสะท้อนมูลค่าที่มันควรจะเป็นมากที่สุดครับ
โฆษณา