27 พ.ย. 2022 เวลา 07:38 • ประวัติศาสตร์
สาเหตุที่ "วินสตัน เชอร์ชิลล์ (Winston Churchill)" แพ้การเลือกตั้งปีค.ศ.1945 (พ.ศ.2488)
ในช่วงระหว่างค.ศ.1940-1945 (พ.ศ.2483-2488) "วินสตัน เชอร์ชิลล์ (Winston Churchill)" อดีตผู้นำอังกฤษ ได้รับคะแนนนิยมท่วมท้นจากสาธารณชน ได้รับเสียงชื่นชมและสนับสนุนมากกว่านายกรัฐมนตรีคนใดที่ผ่านมา
ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ.1945 (พ.ศ.2488) ซึ่งเป็นช่วงเวลาไม่กี่สัปดาห์ก่อนการเลือกตั้ง และจากโพลล์สำรวจความเห็นของประชาชน ก็พบว่าชาวอังกฤษกว่า 83% ยังคงเทคะแนนให้เชอร์ชิลล์ ทำให้ค่อนข้างเป็นที่มั่นใจว่าเชอร์ชิลล์จะนำพาชัยชนะมาสู่พรรคอนุรักษ์นิยม (Conservative Party) แน่นอน หากแต่เมื่อผลการเลือกตั้งออกมา ผลปรากฎว่าผู้ชนะคือพรรคแรงงาน (Labor Party) ซึ่งเป็นการพลิกโพลล์ไปอย่างสิ้นเชิง
พรรคอนุรักษ์นิยมสอบตกอย่างไม่ทันตั้งตัว ซึ่งคนก็มองว่าบุคคลสำคัญที่ต้องรับผิดชอบก็คือเชอร์ชิลล์ ซึ่งคุณสมบัติการเป็นผู้นำที่ดีของเชอร์ชิลล์ในช่วงสงคราม ก็ไม่ใช่สิ่งที่ชาวอังกฤษคิดว่าจะเหมาะสมในการนำพาประเทศในช่วงเวลาที่สงบ ซึ่งอาจจะพูดได้ว่า ความสำเร็จในฐานะนายกรัฐมนตรีอังกฤษในช่วงสงครามของเชอร์ชิลล์ คือสิ่งที่ทำให้เชอร์ชิลล์สอบตกในการเลือกตั้งครั้งนี้
2
ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สิ่งแรกที่เชอร์ชิลล์ทำคือการเชิญผู้นำพรรคการเมืองหลักของอังกฤษทั้งสาม นั่นคือ พรรคแรงงาน (Labor Party) พรรคอนุรักษ์นิยม (Conservative Party) และพรรคเสรีนิยม (Liberal Party) มาพูดคุยเพื่อร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลผสม
2
วินสตัน เชอร์ชิลล์ (Winston Churchill)
การพูดคุยตกลงกันจัดตั้งรัฐบาลของพรรคการเมืองทั้งสาม ทำให้ในช่วงเวลาของสงคราม อย่างน้อยทางการเมืองก็ยังมีความมั่นคง ซึ่งก็อาจจะเรียกได้ว่านี่คือผลงานของเชอร์ชิลล์
ในช่วงสงคราม เชอร์ชิลล์คือผู้นำที่ยอดเยี่ยม โดยเป้าหมายสำคัญของเชอร์ชิลล์ นั่นคือการเป็นผู้ชนะในสงคราม และปัญหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ในสายตาของเชอร์ชิลล์
ดังนั้นเมื่อสงครามจบลง การเมืองของอังกฤษก็เริ่มกลับมาเป็นดังเดิม ดังนั้นเชอร์ชิลล์อาจจะไม่สามารถตอบโจทย์ได้อีกต่อไป
เชอร์ชิลล์ได้ขึ้นมามีอำนาจในพรรคอนุรักษ์นิยมเมื่อปีค.ศ.1940 (พ.ศ.2483) และสำหรับเชอร์ชิลล์ พรรคการเมืองก็เป็นเพียงสิ่งที่คอยสนับสนุนตนเท่านั้น ทำให้เขาค่อนข้างจะเพิกเฉยต่อข้อเสนอแนะและความต้องการของพรรคในช่วงสงคราม
1
ในขณะเดียวกัน พรรคแรงงานก็ได้จัดทำโปรแกรมหนึ่งขึ้นมา ซึ่งเป็นการโฆษณาชวนเชื่อ กล่าวหาว่าก่อนสงคราม สมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยมได้มีความผิดฐานออกนโยบายที่ล้มเหลว อีกทั้งยังล้มเหลวในการฟื้นฟูกองทัพ แสดงให้เห็นว่ายุค 30 (พ.ศ.2473-2482) อังกฤษเต็มไปด้วยผู้คนที่ตกงาน และความยากจนก็แผ่ซ่านไปทั่วประเทศ
แต่เชอร์ชิลล์ก็เพิกเฉยและไม่สนใจที่จะทำการปฏิรูปนโยบาย โดยเขาคิดว่าเรื่องของการปฏิรูปนั้น ค่อยทำหลังจากสงครามจบลงก็ได้ ดังนั้นเมื่อสงครามจบลง ประชาชนจำนวนมากจึงหันไปหาพรรคการเมืองที่มุ่งเน้นการปฏิรูปในสิ่งที่จำเป็นและมุ่งเน้นไปที่ปากท้องของประชาชน
2
สิ่งที่พรรคอนุรักษ์นิยมทำในการแก้เกม ก็คือการออกมาสนับสนุนว่าไม่เพียงแค่เชอร์ชิลล์จะเป็นผู้นำที่เก่งกาจในช่วงสงครามเท่านั้น หากแต่ยังเป็นรัฐบุรุษที่สามารถทำให้การเมืองมีความมั่นคงในช่วงเวลาสันติอีกด้วย ในขณะที่พรรคแรงงาน ได้มุ่งเป้าไปยังการแปรรูปอุตสาหกรรมต่างๆ เป็นของรัฐ รวมทั้งมุ่งไปยังเรื่องสวัสดิการของประชาชนและการให้คนมีงานทำ
1
หนึ่งในความผิดพลาดอีกข้อหนึ่งของเชอร์ชิลล์ คือการหาเสียงโดยมุ่งเน้นไปที่ความจำเป็นในการเอาชนะญี่ปุ่น ทำให้ประชาชนเห็นว่าสิ่งเดียวที่เชอร์ชิลล์สนใจก็คือสงคราม นอกจากนั้น ยังมีข่าวลือว่าเชอร์ชิลล์กำลังวางแผนจะทำสงครามกับรัสเซีย
1
ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ทำให้เชอร์ชิลล์ซึ่งกำลังมาแรงในตอนนั้น ต้องพ่ายแพ้ไปอย่างไม่น่าเชื่อ
โฆษณา