26 พ.ย. 2022 เวลา 23:59 • ธุรกิจ
รัสเซีย

Mark Zuckerberg แห่งรัสเซีย “พาเวล ดูรอฟ” ผู้ก่อตั้ง Telegram และ VK

Mark Zuckerberg แห่งรัสเซีย “พาเวล ดูรอฟ” ผู้ก่อตั้ง Telegram และ VK
Source : Getty Images
“พาเวล ดูรอฟ” เกิดวันที่ 10 ตุลาคม ปี ค.ศ 1984 ที่ประเทศรัสเซีย แต่เขาใช้ชีวิตในวัยเด็กส่วนใหญ่ที่เมืองตูริน ประเทศอิตาลี เนื่องจากพ่อของเขาทำงานเป็นแพทย์อยู่ที่นั่น เมื่ออายุ 17 ปีเขาย้ายกลับไปประเทศรัสเซีย
ในปี ค.ศ. 2006 เขาสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และในปีเดียวกันนั้นเอง เขาได้ร่วมกับพี่ชายของเขา “นิโคไล ดูรอฟ” ก่อตั้งเว็บไซต์โซเชียลเน็ตเวิร์ก “VK” หรือชื่อเต็มคือ “Vkontakte” ซึ่งกลายเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในฐานะ “Facebook สัญชาติรัสเซีย” นั่นจึงทำให้ “พาเวล ดูรอฟ” ได้รับฉายาว่าเป็น “Mark Zuckerberg แห่งรัสเซีย”
VK เปิดให้ใช้งานในวันที่ 10 ตุลาคม ปี ค.ศ. 2006 ซึ่งเป็นวันครบรอบวันเกิด 22 ปีของเขาพอดี
VK ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ฟรี และสามารถใช้ได้อย่างง่ายดาย ทำให้ผู้คนสนใจเข้ามาเล่น VK กันอย่างมหาศาล ผ่านไปไม่กี่อาทิตย์ VK จึงต้องขยายพื้นที่เซิฟเวอร์เพิ่มขึ้น จนกระทั่งผ่านไป 3 เดือน VK ได้เป็นหนึ่งใน 50 เว็บไซต์ชื่อดังของรัสเซีย
ในปี ค.ศ. 2021 “VK” เป็นเว็บไซต์ที่มีผู้เยี่ยมชมมากที่สุดอันดับที่ 19 ของโลก โดยมีผู้ใช้งานประมาณ 1.8 พันล้านคนต่อเดือน
ในช่วงแรกที่ VK เปิดตัวได้ไม่นาน ดูรอฟทดลองใช้โมเดลหารายได้หลายแบบ เช่น การขาย SMS ให้คนซื้อเพื่อเพิ่มเรตติ้งโปรไฟล์ใน VK ต่อมาได้มีการขายของขวัญใน VK ที่ผู้ใช้สามารถซื้อเป็นเหรียญในเกมส์ที่เล่นใน VK และส่งให้กันได้ และสุดท้ายในปี ค.ศ. 2009 VK ได้เริ่มใส่โฆษณาเข้าไป และหักส่วนแบ่งจากการโฆษณา ทำให้ตั้งแต่นั้นมา VK มีรายได้หลักจากการโฆษณา
ดูรอฟให้ความสำคัญอย่างมากกับความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลผู้ใช้งาน ในปี ค.ศ. 2013 หน่วยงานความมั่นคงของรัสเซีย “FSB” ต้องการข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน VK ในยูเครนที่ประท้วงประธานาธิบดีรัสเซีย แต่ดูรอฟปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลเหล่านั้นกับทางการรัสเซีย เพราะมันหมายถึงการทรยศต่อผู้ใช้งาน VK ชาวยูเครน
หลังจากนั้นในวันที่ 1 เมษายน ปี ค.ศ. 2014 ดูรอฟถูกบังคับให้ลาออกจาก VK ซึ่งเป็นบริษัทที่เขาก่อตั้งขึ้นมาด้วยตัวเอง และเขายังถูกบังคับให้หนีออกจากรัสเซีย ประเทศบ้านเกิดของตนเองอีกด้วย
หลังจากลาออกจาก VK ดูรอฟขายหุ้น VK ออกทั้งหมดในราคาที่ไม่เปิดเผย แต่เชื่อกันว่าน่าจะเป็นจำนวนเงินหลายล้านดอลลาร์
หลังจากลี้ภัยออกมาจากประเทศรัสเซีย ดูรอฟได้รับสัญชาติ “เซนต์คิตส์และเนวิส” ซึ่งเป็นประเทศเล็ก ๆ ในหมู่เกาะทะเลแคริบเบียน ดูรอฟได้รับสิทธิ์ให้เป็นพลเมืองของสหพันธรัฐเซนต์คิตส์และเนวิส (Saint Kitts and Nevis) จากการซื้อสัญชาติโดยการบริจาคเงินจำนวน 250,000 ดอลลาร์ให้แก่มูลนิธิการกระจายความเสี่ยงของอุตสาหกรรมน้ำตาลของประเทศ และการนำเข้าเงินสดจำนวน 300 ล้านเหรียญดอลลาร์ผ่านธนาคารสวิสหลายแห่ง
หลังจากที่ดูรอฟได้รับสัญชาติ “เซนต์คิตส์และเนวิส” แล้วระหว่างนั้นสองพี่น้องดูรอฟยังคงเร่ร่อนต่อไป พวกเขายังหาที่อยู่เป็นหลักแหล่งไม่ได้ แต่ในที่สุดสองพี่น้องดูรอฟก็เลือกประเทศดูไบ ในการลงหลักปักฐานเพื่อเป็นที่อยู่ของพวกเขามาจนถึงปัจจุบัน และในปี ค.ศ. 2021 ดูรอฟยังได้รับสัญชาติฝรั่งเศส เพิ่มมาอีกหนึ่งสัญชาติ
หลังจากนั้น ดูรอฟก็ทุ่มเทเวลาให้กับโครงการใหม่ของเขา นั่นคือ “Telegram” ซึ่งเป็นแอปที่ใช้รับส่งข้อความแบบเข้ารหัส
Telegram สามารถรับส่งข้อความ ภาพ ไฟล์ โทรด้วยเสียง และวิดีโอคอลได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ต่างจากว็อตสแอป (WhatsApp) ไลน์ (LINE) เฟซบุ๊กเมสเซนเจอร์ (Facebook Messenger) หรือแม้แต่สแลค (Slack) แต่จุดเด่นหลักอยู่ที่เทคโนโลยีการเข้ารหัสพิเศษที่คิดค้นโดยพี่ชายของเขา “นิโคไล ดูรอฟ”
“Telegram” เปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 2013 โดยมีจุดเด่นคือเป็นแอปที่มีการเข้ารหัสเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของข้อมูลผู้ใช้งาน และผู้ใช้งาน Telegram สามารถตั้งกลุ่มแชทในหัวข้อที่ตนเองสนใจได้ นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นเมื่อสิบปีที่แล้ว Telegram ประสบความสำเร็จในการพัฒนาให้เป็นหนึ่งในแอปผู้ให้บริการส่งข้อความที่ใหญ่ที่สุดในโลก
จุดเด่นของ Telegram ที่โด่งดังมาถึงเมืองไทยในช่วงวิกฤตการเมือง นั่นคือเรื่อง Data Encryption ที่มีการรักษาความปลอดภัยซ้อนทับกันหลายชั้น จนไม่ต้องห่วงว่าข้อมูลผู้ใช้งานจะรั่วไหล
ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่แค่ในเมืองไทยที่ผู้คนหันมาใช้ Telgram ในช่วงที่มีประเด็นทางการเมือง แม้แต่ในรัสเซียเองก็เช่นกัน หลายครั้งที่รัฐบาลรัสเซีย พยายามที่จะแทรกแซง Telegram ด้วยการเอา Encryption Key ไปเพื่อที่จะล้วงข้อมูลการแชทของผู้ใช้งาน แต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะ Telegram ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงเพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูล
แน่นอนว่าการที่ดูรอฟปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลผู้ใช้งาน VK แก่รัฐบาลรัสเซีย ทำให้ Telegram ถูกโจมตีจากรัฐบาลรัสเซียอย่างหนัก เช่นการโจมตีว่า Telegram เป็นแหล่งศูนย์รวมของการปล่อยข่าวสำหรับผู้ก่อการร้าย หรือ Telegram เป็นแหล่งรวมของแก๊งค์ค้ายาเสพติด และต่อมาในเดือน เมษายน ปี ค.ศ. 2018 ทางรัฐบาลรัสเซียได้แบนและบล็อค Telegram อย่างเป็นทางการ
แต่ถึงอย่างไรก็ตามในช่วง ปี ค.ศ. 2018 Telegram ก็สามารถระดมทุน ICO ได้มากเป็นประวัติศาสตร์ การระดมทุนครั้งนี้ได้เงินทั้งสิ้นจำนวน 2.7 พันล้านดอลลาร์ และยิ่งไปกว่านั้นชาวรัสเซียจำนวนมากก็ยังคงนิยมใช้ Telegram กันมาจนถึงปัจจุบัน ถึงแม้ว่า Telegram จะถูกแบนจากรัฐบาลรัสเซีย แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะชาวรัสเซียสามารถใช้ Telegram ผ่าน VPN
นอกจากในประเทศรัสเซียแล้ว Telegram ยังสร้างความเดือดดาลให้กับฝ่ายกุมอำนาจในประเทศอื่นด้วย จากการชุมนุมประท้วงรัฐบาลจีนในฮ่องกง ผู้ประท้วงใช้ Telegram ในการส่งข่าวการชุมนุม ความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และรหัสเข้าอาคารถึงกัน
กลุ่มผู้ประท้วงชื่นชอบ Telegram เพราะไม่โชว์ไอพีแอดเดรส และผู้ใช้งานสามารถอำพรางหมายเลขโทรศัพท์มือถือของพวกเขาได้ด้วยการหลบเลี่ยงไปใช้บัญชีอวตาร
ในเดือนมิถุนายน ปี ค.ศ. 2015 Telegram ถูกโจมตีจากแฮคเกอร์ในเอเชียแปซิฟิก ซึ่งดูรอฟเชื่อว่าเป็นการโจมตีจากประเทศจีน และต่อมา Telegram ถูกแบนและบล็อคในประเทศจีน
ในเบลารุสไม่ค่อยมีใครสนใจ Telegram มากนัก จนกระทั่งมีการชุมนุมประท้วงครั้งล่าสุด Telegram จึงได้เข้ามามีบทบาทสำคัญ เมื่อต้นเดือนสิงหาคม รัฐบาลเบลารุส ภายหลังการโกงเลือกตั้ง ได้สั่งปิดอินเทอร์เน็ตเพื่อตัดช่องทางการรับรู้ข่าวสารของประชาชนจากโลกภายนอก มีการสั่งปิดโซเชียลมีเดียต่าง ๆ รวมถึง Telegram แต่ก่อนที่รัฐบาลเบลารุสจะเริ่มปฏิบัติการ Telegram ก็ได้เปิดใช้เครื่องมือสกัดการเซ็นเซอร์ในเบลารุสได่สำเร็จทำให้ Telegram สามารถเข้าถึงผู้ใช้งานส่วนใหญ่ในเบลารุสได้
Telegram ได้รับการขนานนามว่าเป็นแอปที่เติบโตเร็วที่สุดในปี ค.ศ. 2021 เนื่องจากความสำเร็จครั้งสำคัญในเดือนตุลาคม ปี ค.ศ. 2021 ภายในวันเดียวมีการดาวน์โหลดแอป Telegram จากผู้ใช้งานใหม่กว่า 70 ล้านคน
ความสำเร็จอย่างมหัศจรรย์ของ Telegram ทำให้มูลค่าสินทรัพย์สุทธิของดูรอฟ อยู่ที่ประมาณ 15.1 พันล้านดอลลาร์ ในปี ค.ศ. 2021 Forbes ได้จัดอันดับให้เขาเป็นบุคคลร่ำรวยที่สุดอันดับที่ 112 ของโลก
ในปี ค.ศ. 2017 ดูรอฟได้รับรางวัลจากสหภาพนักข่าวแห่งคาซัคสถาน ในฐานะ “ผู้ที่มีจุดยืนต่อต้านการเซ็นเซอร์และการแทรกแซงการติดต่อทางออนไลน์ของพลเมือง”
และในปี ค.ศ. 2018 ดูรอฟได้รับการเสนอชื่อโดยนิตยสาร Fortune ให้เป็นหนึ่งในบุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปี ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในธุรกิจ
พาเวล ดูรอฟ เคยบริจาคเงินจำนวนหนึ่งล้านดอลลาร์ให้กับเว็บไซต์ Wikipedia เขาเคยตกเป็นข่าวฮือฮาเมื่อเขากับทีมงานช่วยกันพับเครื่องบินกระดาษด้วยธนบัตร 5,000 รูเบิล หรือราว 1,550 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 58,000 บาท แล้วปาออกทางหน้าต่างจากสำนักงานใหญ่ VK สร้างความโกลาหลวุ่นวายบนท้องถนน เหตุการณ์นี้ทำให้เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่มอนุรักษ์วัฒนธรรมและการเมืองของรัสเซีย
ดูรอฟให้สัมภาษณ์ว่าการโปรยเงินที่เกิดขึ้น ทำไปเพื่อต้องการสร้างบรรยากาศรื่นเริงและไม่มีเจตนาที่ชั่วร้าย โดยระบุว่าตัวเขาเห็นความประหลาดใจและความสุขบนใบหน้าของผู้คน ซึ่งเขามีความสุขที่ได้เห็น และเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะท้าพิสูจน์ความสำคัญหรือความมั่งคั่งของตัวเองแต่อย่างใด
เป็นเวลาสิบกว่าปีแล้วที่ “พาเวล ดูรอฟ” เลิกดื่มกาแฟ เขาไม่กินเนื้อสัตว์ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ไม่กินอาหารจานด่วน จั๊งค์ฟู๊ด
ช่วงต้นปี ค.ศ. 2019 ดูรอฟเปิดเผยว่าเขาจำกัดอาหารตัวเองไว้ที่ปลาและอาหารทะเล แต่แล้วในเดือนมิถุนายน ปี ค.ศ. 2019 เขาก็ประกาศเขาไม่กินอาหารและอดน้ำเป็นบางวัน ดูรอฟบอกว่าเขารู้สึกดีมาก เพราะการอดอาหารมีส่วนช่วยเพิ่มความชัดเจนทำให้ความคิดของเขาฉับไวขึ้น
“พาเวล ดูรอฟ” เคยให้สัมภาษณ์และบอกถึงสิ่งที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จ ดังนี้
ข้อที่ 1. คุณต้องเก่งในสิ่งที่คุณชอบ แล้วคุณจะทำมันด้วยความสุข
ข้อที่ 2. หลีกเลี่ยงอาหารจั๊งค์ฟู๊ด อย่าเชื่อเรื่องเวทมนต์ในการลดความอ้วน เพียงแค่คุณกินผัก, ผลไม้ และดื่มน้ำสะอาด นั่นก็เพียงพอแล้ว
ข้อที่ 3. เป็นคนกินแต่มังสวิรัติ ไม่ใช่ว่าจะเป็นกุญแจที่ทำให้คุณประสบความสำเร็จ รวมถึงเรื่องการไม่ดื่มแอลกฮอลด้วย มันไม่ใช่เรื่องงด แต่เป็นเรื่องที่คุณต้องรู้ลิมิตของตัวเอง
ข้อที่ 4. เรียนภาษาที่ 3 แล้วความคิดของคุณที่มีต่อโลกจะเปิดกว้างไปอีก และมันยังช่วยให้คุณได้พัฒนาตัวเองมากขึ้น และช่วยเพิ่มโอกาสในการทำธุรกิจ
ข้อที่ 5. อ่านหนังสือที่เกี่ยวข้องกับสายงานของคุณ เพื่อพัฒนาตนเอง ถ้าคุณขี้เกียจอ่านหนังสือ อาจใช้เป็นการฟัง Audio Book แทนก็ได้
ข้อที่ 6. ใช้เวลาว่างในวันหยุดให้เกิดประโยชน์ เช่น การใช้เวลาอยู่กับครอบครัว ไปโรงหนัง ปิกนิก กินอาหารกลางวันกับเพื่อน ๆ พยายามออกไปใช้ชีวิต เปิดโลกให้กว้าง
ข้อที่ 7. อะไรที่คุณเขียนไป อย่าไปสนใจว่าจะมีคนอ่านหรือเปล่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คุณได้เรียนรู้ในการคุยกับตัวเอง
ข้อที่ 8. เขียนเป้าหมายของคุณไว้ใน สมุด, ไดอารี่ หรือในบล็อคของคุณ ซึ่งมันจับต้องได้, วัดได้, และควรตั้งกำหนดเวลาในการถึงเป้าหมายไว้ด้วย
ข้อที่ 9. พยายามเรียนรู้ในการพิมพ์โดยการไม่มองที่คีย์บอร์ด เพราะเวลาคือสิ่งที่มีค่ามากที่สุดสำหรับคุณ ดังนั้นคุณควรเอาเวลาไปนั่งคิดกับการที่จะทำอะไรกับชีวิต ดีกว่าการเสียเวลาหาตำแหน่งตัวอักษรบนคีย์บอร์ด การตัดสินใจของคุณต้องรวดเร็ว และต้องลงมือทำทันที อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง
ข้อที่ 10. พยายามใช้เวลาให้น้อยที่สุดกับการนั่งดูทีวี, เล่นเกมส์ เล่นอินเทอร์เน็ต รวมถึงการเล่นโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ด้วย
โฆษณา