28 พ.ย. 2022 เวลา 14:02 • ปรัชญา
การเรื่องราวของกาย เวทนา จิต ธรรม ..กรรม อารมณ์ นั่น คนเราล้วนเกิดมา ก็ต้องเรียนรู้กันใหม่ มี่พ่อแม่..ให้กายมา ..ก็ยังไม่รู้จักพระคุณของพ่อแม่ที่ให้เรือนกายมา ก็เรียกพ่อเรียกแม่ ตามที่เค้าบอก แต่ก็ไม่รู้อะไรลึกซึ้งมาก ก็ค่อยๆเรียนรู้ รู้จักพระคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มีพระคุณอย่างไร ได้มีโอกาส พบพระที่ท่านชี้แนะให้ ..ค่อยบอกมา..ให้ไปฝึกหัด หัด เดิน หัดคลานไป
..ท่านบอกให้ไปทำมาเหมือนเป็นการบ้าน ..ไม่ให้เห็นใครเค้าผิดเลย..ไม่ให้เรามีอารมณ์พอใจไม่พอใจ ไม่ไปติเตียนคนนั้นคนนี้ นอบน้อมถมตน กับทุกคน ..ไม่มีชนชั้นวรรณะ ไม่เห็นตัวเองดีแล้ว ไม่ยิ่งยโส ทรนงตน ..ไม่เห็นแก่ได้ ไม่เห็นแก่ตัว ..ไม่เห็นว่าเรามีความสำคัญ (เพราะวันหนึ่งกายนี้เป็นขี้เถ้า).....มีความเห็นอกเห็นใจ ซึ่งกันและกัน เอื้อเฟื่อเกื้อกูลกันไป
..นั่นก็เป็นเรื่องราวที่ต้องฝึกหัด สำรวจ กายอารมณ์จิตของตนเอง..ที่ภายในกายภายในจิต..ยังมีเรื่องราวมากมายที่ต้องสะสางออกไป..ที่จิตน้อยๆ ยึดหลงใหลเป็นอัตตา..ให้มีการกระทำ..คล้องกรรมกับสิ่งที่มีชีวิตไม่มีชีวิต.. ยึดอยู่กับมายาของโลก ..หนีโลกไม่ได้เลย ..มีทั้งกรรมอดีตที่ทำมา กรรมปัจจุบันที่เพิ่มทับถมลงไปๆ ..จิตมันก็จมลงไปๆ ..ไปสู่สถานที่ทุกข์ เพราะเรามัวใช้แต่อารมณ์..เป็นทาสอารมณ์ ..อารมณ์ก็คือกรรม รับใช้อารมณ์ ..ก็รับใช้กรรม ..
จะเห็นอารมณ์เป็นกรรมได้ ก็ต้องประพฤติปฏิบัติธรรมขึ้นมา..สติของจิต ..จึงจะตื่น..สติเข้มแข็งขึ้น ..ขึ้นมาเห็นอารมณ์นั่นเป็นกรรม..มีลักษณะอย่างไร จิตจะค่อยรู้จักขึ้น..
ให้จิตเรารู้จักเมตตากรุณามุทิตาอุเบกขา ..ว่าจะใช้แบบไหน ในลักษณะที่เกิดเป็นสันติธรรม ในการอยู่ร่วมกัน..เพราะเค้าก็มีกรรม เราก็มีกรรม แค่ก็พยายามปฏิบัติธรรมลดละกรรม ลดละอารมณ์ ก็ทำไปเทาที่มีสติปัญญา สร้างบุญกุศลไป ..เรื่อง สลัดกรรม สลัดอารมณ์ ออกไปจากจิต นั่นยากมาก เพราะเราก็ไม่รู้จักคำว่าจิต ไม่รู้จักอารมณ์ แล้วจะไปสลัดอารมณ์ทิ้งได้อย่างไร..
ถ้าไม่เจอะผู้ที่กระทำได้ ค่อยแนะนำให้ทำ ..แต่นั่นแหละ มันก็ยาก ..เพราะคนเราส่วนมาก เชือ่..อารมณ์ของตน เชื่อกิเลสในตน จึงยากที่จะนำกายวาจาใจมาฝึกหัดปฏิบัติ เหมือนเห็นโลก ดีกว่าธรรม หากินอยู่กับโลก มีกรรมเป็นมายาให้อยู่สุขสบาย ไปหาธรรม มันต้องฝืน..ฝืนอารมณ์..ฝืนอะไรหลายๆอย่าง ที่จะเป็นอุปสรรคขัดขวาง
เหมื่อนเรากินเหล้ามานาน เหมือนมึนเมาอยู่กับอารมณ์ในกายตน .. พอหยุด..เพื่อนฝูงก็บอกเอ็งเป็นอะไร ..มันว่าเราไม่ปกติเสียอีก แต่เวลาเมาเหล้า..มันเหมือนว่าเราปกติ มันกลับกัน ..เรื่องราวที่เป็นนามธรรม นั้นต้องอาศัย ผู้ที่กระทำได้จริงๆ ช่วยแนะนำ ..ไม่งั้นมันก็ไปได้ไม่ถึงไหน หลงวนเวียนอยู่ในเขาวงกตไม่รู้ตัว
เรื่องคำว่า ติเตียน..เรายังใช้ กายวาจาใจ ..ติเตียนคนนั้นคนนี้..เมื่อเราจะไปหาธรรม เรายังมีอารมณ์ติเตียนอยู่ …ก็เหมือนเรายังเป็นผู้ที่ติเตียนเยียดหยามสัตว์โลก..นั่นแหละ ..จะเป็นเหตุให้เรากลายเป็นผู้ไม่มีธรรม..เดินไปหาธรรมไม่ได้เลย .มันก็เลยต้องอยู่กับกรรม ยินดีที่จะใช้กายวาจาใจ ไปติเตียน..อยู่..
ที่เค้าให้สร้างคำว่า สติสัมปชัญญะ..เค้าสร้างสติสัมปชัญญะของจิต.ให้รู้จักอารมณ์ รู้แล้วละอารมณ์ที่เกิดขึ้นนั้นไป
เราอยากมีธรรม เป็นที่พึ่ง แต่เราไม่สละเวลา มาประพฤติปฏิบัติธรรม จิตเรามันจะมีธรรมได้อย่างไร..เพื่อชีวิตมีแต่อารมณ์โลภโกรธหลงตลอดเวลา ..เราแบ่งเวลา ..เข้าไปหาธรรม..มันเลยต้องจมอยู่กับอารมณ์ที่โลกเค้ามีให้หลงใหล..
โฆษณา