29 พ.ย. 2022 เวลา 08:01 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
"ฆาตกรต่อเนื่อง" อาจพ้นคุกเพราะวิทยาศาสตร์!!
คุณเป็นแม่ลูก 4 ...
ลูกคนสุดท้องยังนอนแบเบาะ เป็นทารกที่ร้องไห้เสียงดัง
คืนนั้น คุณป้อนนมและกล่อมลูกจนหลับ
เช้ามืด คุณตื่นขึ้นมาดูว่าลูกยังหลับสนิทไหม...
ลูกของคุณตัวเย็นเฉียบ คุณช็อค
ทารกน้อยหมดลมหายใจไปแล้ว
คุณถูกนำตัวขึ้นศาล ด้วยข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา...
...ลูกของคุณเอง
และไม่ใช่แค่ลูกคนนี้
สามคนก่อนหน้านั้น ก็ตายไปด้วยฝีมือของคุณ
คุณเป็นแม่ใจยักษ์ที่เอามืออุดจมูกทารกจนตาย... ทีละคน... ทีละคน... ถึงสี่คน
ทุกคนเสียชีวิตปริศนาก่อนที่จะอายุถึง 2 ขวบ!!
นี่คือฝันร้ายของ Kathleen Folbigg แม่ชาวออสเตรเลีย
แม้ว่าเธอยืนยันปฏิเสธมาตลอดว่า เธอไม่ได้เป็นคนฆ่าลูกของเธอ
แต่อัยการบอกว่า เด็กทั้ง 4 คนเสียชีวิตในลักษณะเดียวกัน
ถ้าหนเดียวก็อาจจะเป็นเหตุบังเอิญ... สองหนน่าสงสัย... สามหน... นี่ก็มั่นใจได้ว่าไม่มีใครอีกแล้วที่ทำให้เด็กตายได้
แต่นี่เกิดขึ้นถึง 4 ครั้ง
มีแต่แม่จริง ๆ เท่านั้น และก็มีเธอเท่านั้นที่อยู่กับลูกในที่เกิดเหตุ
Kathleen Folbigg
เธอถูกพิพิากษาจำคุกเป็นเวลา 40 ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ. ​2003 จนถึงทุกวันนี้
สื่อมวลชนให้ฉายาเธอว่า มารดาจอมโหด ฆาตกรเลือดเย็น ฯลฯ
ต่อมาโทษต้องขังถูกลดลงเหลือ 30 ปี และอนุญาตให้ทำทัณฑ์บนได้ใน 5 ปีหลัง
มาดูเหตุผลที่ศาลตัดสินให้เธอเป็นฆาตกรต่อเนื่อง...
(คำว่า serial killer ถูกใช้ใต้ชื่อของเธอที่ปรากฏใน Wikipedia)
แม้ว่าไม่มีหลักฐานโดยตรงว่าแม่ทำร้ายลูก และไม่มีร่องรอยบาดเจ็บที่ตัวของเด็กเลย
แต่อัยการรู้สึกว่า "ฆาตกรรมต่อเนื่อง" แบบนี้ ยังไงก็ไม่สามารถปล่อยคนผิดให้ลอยนวลได้
อย่างที่บอก คือไม่มีคนอื่นอีกแล้วที่อยู่ในที่เกิดเหตุ
อีกทั้งคำให้การของสามี รวมทั้งบันทึกประจำวันของเธอเอง ก็บ่งชี้ไปในทางลบ เป็นพยานหลักฐานแวดล้อมที่ชวนให้เชื่อว่า Kathleen Folbigg มีความรู้สึกผิดที่เป็นเหตุให้ลูกของตัวเองเสียชีวิต
Kathleen Folbigg กับลูก ๆ ของเธอ Source: https://www.lawyersweekly.com.au/, ภาพจากบทความโดย  Naomi Neilson, 2021
เธออยู่ในคุก... ผ่านมาเกือบยี่สิบปี
ปรากฏว่าหลังจากมีการพิพากษาคดีนี้ ความก้าวหน้าทางพันธุศาสตร์กลายเป็นชนวนให้มีการเปิดการสอบสวนโดยศาลเพิ่มเติมอีก ถึงสองครั้ง
ความก้าวหน้าที่ว่านี้ เริ่มทำให้เกิดความเป็นไปได้ว่า เด็กทั้งสี่คนอาจเสียชีวิตด้วยกล้ามเนื้อหัวใจเต้นผิดปกติ
ซึ่งเป็นสาเหตุทางธรรมชาติ ไม่ใช่การฆาตกรรม!
การสอบสวนครั้งแรกไม่สามารถหักล้างคำตัดสินของศาลได้...
แต่ในเดือนพฤศจิกายน ปีนี้ (2022) ที่เมืองแคนเบอร์รา ออสเตรเลีย กำลังมีการนำเรื่องนี้ขึ้นมาสอบสวน... อีกครั้ง
ที่บัลลังก์ของศาล มีรายงานที่รวบรวมจากนักวิทยาศาสตร์จำนวน 90 คน ที่ยื่นอุทธรณ์การตัดสินก่อนหน้านี้ของศาล และระบุว่า Folbigg ​อาจจะเป็นผู้บริสุทธิ์ก็ได้
หลักฐานชิ้นสำคัญมาจากวิทยาศาสตร์สาขา "พันธุศาสตร์" เช่นเดิม
ข้อมูลของนักวิทยาศาสตร์และบุคลากรทางการแพทย์กลุ่มนี้ ได้มาจากผลงานวิจัยที่มีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ เกี่ยวกับผลของพันธุกรรมที่อาจมีต่อสาเหตุการตายของเด็กทารก
โดยเฉพาะงานวิจัยชิ้นใหม่ของทีมนักวิทยาศาสตร์จากหลากหลายประเทศจำนวน 27 คน ที่ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการนานาชาติที่มีผลกระทบสูง
และการลงนามร่วมอุทธรณ์ของ Professor John Shine ประธานบัณฑิตยสภาวิทยาศาสตร์แห่งออสเตรเลีย
"ยีนผ่าเหล่า (mutation)" ที่พบในจีโนมของ Folbigg และลูก ๆ อาจเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของเด็ก ๆ ในครั้งนี้หรือไม่?
1
มียีนอยู่สามตัวในจีโนมที่ผลิต "คัลโมดุลิน (calmodulin)" โปรตีนที่ทำหน้าที่ควบคุมสวิทช์เปิด-ปิด ให้แคลเซียมอิออนจากนอกเซลล์ ไหลเข้ามาในเซลล์ของร่างกาย
ระดับหรือปริมาณของแคลเซียมนี่เอง ที่มีผลต่อกลไกการทำงานของเซลล์ หากมากหรือน้อยเกินไป ก็จะเป็นอันตราย
นักวิทยาศาสตร์สามารถค้นพบและระบุ ยีนผ่าเหล่าหรือ variant ที่พบในจีโนมของ Folbigg มีชื่อว่า CALM2 G114R
เพราะว่าผลการวิจัยในช่วงหลังพบว่า การผ่าเหล่านี้มีผลต่อความสามารถของคัลโมดุลินที่จะเข้าไปจับที่ช่องเปิดที่เป็นทางเข้าของแคลเซียมไอออนในเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ
ดังนั้น ยีนนี้จึงอาจมีผลต่อระดับของไฟฟ้าในหัวใจ และอาจนำไปสู่การเสียชีวิตก็เป็นได้
ขณะนี้คดียังอยู่ในระหว่างสอบสวนเพิ่มเติม
และความเห็นของผู้เชี่ยวชาญเองก็ไม่ได้ไปในทางเดียวกันทั้งหมด
แต่อย่างน้อยเราจะได้เห็นความเป็นวิทยาศาสตร์ที่มากขึ้นของกระบวนการยุติธรรม
หลักฐานทางวิทยาศาสตร์น่าจะถูกนำมาพิจารณาอย่างจริงจัง ในกระบวนการยุติธรรม
แทนที่จะตัดสินพิพากษาจากพยานหลักฐานแวดล้อม (สมุดบันทึก ฯลฯ) แล้วสรุปเอาจากความเชื่อว่า "มันต้องไม่ใช่เหตุบังเอิญ ดังนั้นคนเดียวที่อยู่ในเหตุการณ์จะต้องเป็นฆาตกร"​ เพียงอย่างเดียว
การสอบสวนนี้ยังไม่เสร็จสิ้น ต้องติดตามกันต่อไป
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
โฆษณา