ที่ผ่านมาเราไม่ค่อยเข้าใจคำนิยามของคำว่า”จิต”สักเท่าไหร่ซึ่งมันก็คงเป็นไปตามระดับปัญญาที่เรามี
เราสงสัยว่า การที่เราเข้าใจตัวตนภายในมากขึ้นจากการตกผลึกด้านความคิด ตามประสบการณ์ที่เราสะสมมาเรื่อยๆจากการใช้ชีวิต มันทำให้เรามองเห็นตัวตนภายในของเรา
ที่มีความชัดเจนมากขึ้นเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน..
เราสามารถมองเห็นกายหยาบของเราชัดเจนขึ้น..
เราสามารถมองเห็นความจริงของตัวตนมากขึ้น..
หากการมองเห็นของเรานี้ เป็นการใช้”จิต”มอง
เราก็คงต้องยกให้”จิต”เป็นอาจารย์ หรือ เป็นตัวเอกของเรื่องแล้วล่ะ..
หากอาจารย์”จิต”สามารถมองเห็นตัวตนภายในของเราอย่างทะลุปรุโปร่งจริงๆแล้วละก็….
อาจารย์”จิต”ก็คงจะเป็นคนที่รู้จักตัวตนของเราดีที่สุด..
ด้วยความที่อาจารย์”จิต” ท่านเป็น”ที่ตั้ง”ที่อยู่เหนือสิ่งอื่นใด..
ท่านได้ออกคำสั่งให้เราตระหนักรู้ภายในเพื่อผลักดันให้เกิดการตื่นรู้ภายใน..และท่านก็ออกคำสั่งอีกว่าให้เราทำความเข้าใจกับโลกอีกใบที่ถูกซ่อนไว้ภายในตัวเรา….
และบอกกับเราอีกว่า”จงหามันให้เจอด้วยปัญญา”
“จิต”ที่ปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระจากร่างกาย หลังจากที่ตกเป็นเมืองขึ้นของร่างกายมานาน…ตอนนี้กลับหักหลังไม่ยอมยึดติดกับสิ่งใดๆ..แถมยังยืนอยู่เหนือสภาวะอารมณ์ข้างใน เพื่อสั่งให้ถ่ายทอดอารมณ์ออกไปอย่างชาญฉลาด..
”จิตฝึกจิต” ผ่านการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่ง อย่างจดจ่อ เช่น การนั่งสมาธิ หรือ การเขียน การวาดภาพ การฟังเพลง หรือกิจกรรมอื่นๆตามความชอบ ตามจริตของแต่ละคน..
เพื่อให้สะท้อนความเป็นตัวตน เข้าใจตัวตน มองเห็นข้อดีข้อเสียของตน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาความเป็นมนุษย์ และเพิ่มศักยภาพให้กับตัวตน และส่งมอบความสัมพันธ์ที่ดีให้กับผู้อื่นเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขในสังคม..
ที่มารูปภาพ: https://wallpapercave.com/
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
