30 พ.ย. 2022 เวลา 02:35 • ความคิดเห็น
ทุกคนชอบคิดถึงแต่เรื่องจะเปลี่ยนนั่นเปลี่ยนนี้บนโลก แต่ไม่มีใครคิดจะเปลี่ยนตัวเอง
3
Leo Tolstoy นักปราชญ์ชาวรัสเซีย มีประโยคทองที่เคยกล่าวขึ้นต้นไว้ว่า...
2
Everyone Thinks of Changing The World, …
Leo Tolstoy
9
กว่าผมจะเข้าใจประโยคนี้ครบถ้วนก็ผ่านชีวิตที่ทุกลักทุเลพอสมควรครับ...
2
ในช่วงหนุ่มๆห้าวคะนองที่คิดว่าตัวเองก็แน่ไม่เบานั้น เวลาเริ่มทำงานแล้วประสบความสำเร็จบางอย่าง เริ่มมีตัวตน เริ่มคิดว่าตัวเองนั้นมีความสำคัญชนิดที่องค์กรขาดไม่ได้ ผมเริ่มเห็นอะไรก็ไม่ถูกใจไปหมด อยากเปลี่ยนโน่น แก้นี่ ไม่พอใจวิสัยทัศน์ของหัวหน้า ไม่ชอบใจเพื่อนร่วมงานที่คิดว่า “ตาม” เราไม่ทัน มีความใจร้อน เริ่มแซะ เริ่มพยายาม “ชน” กับคนอื่น ในใจก็คิดว่าตัวเองถูก เล่าให้ตัวเองฟังว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นเพื่อองค์กร ในการกระทำที่อาละวาดที่ร้ายๆนั้นก็เพราะอยากให้คนอื่นเปลี่ยนเพื่อองค์กรจะได้ดีขึ้น
3
ผมเคยถึงขนาดไม่พอใจที่มีหัวหน้าใหม่มาแล้วเขาไม่เก่ง อยากให้เจ้านายใหญ่เปลี่ยนหัวหน้าออกไป (เอาจริงๆก็คือคิดว่าเรานี่แหละเหมาะสมสุดในตำแหน่งนั้น) จนอีโก้เบ่งบานในวัยยี่สิบปลายเลยลาออกจากบริษัทอันเป็นที่รักไปอยู่ช่วงหนึ่ง ถึงเริ่มเข้าใจว่าพอออกไปแล้ว เราไม่ได้มีความสำคัญขนาดนั้น
3
บริษัทก็ยังเดินหน้าต่อเป็นปกติ ยังโชคดีที่ได้กลับเข้ามาทำงานใหม่หลายเดือนถัดมา พอกลับมาก็เลยเริ่มรู้สึกถึงตัวที่เล็กลง รู้ว่าตัวเองไม่ได้สำคัญอย่างที่คิด และเริ่มรู้สึกว่าถ้าอยากจะเปลี่ยนอะไรนั้น เราน่าจะลองพยายามปรับตัวอะไรหลายอย่าง เปลี่ยนตัวเองก่อนน่าจะดีกว่า
8
ผมมาคิดว่าผมเข้าใจเรื่องการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นเมื่อตอนที่อยู่ดีแทคและได้อยู่ในช่วงที่ดีแทคต้องต่อสู้ดิ้นรนแทบเอาตัวไม่รอด ดีแทคในตอนนั้นต้องปรับตัวเองเยอะมากในฐานะมวยรองในตลาดตอนนั้น เราต้องเปลี่ยนวิธีการค้าขายใหม่หมดเพราะสู้แบบวิธีเดิมก็สู้เอไอเอสไม่ได้เลย เราเลยต้องเดินเยี่ยม เดินหาร้านค้ารายย่อยที่อยู่ไกลๆ
4
แทนที่จะพึ่งพาดีลเลอร์รายใหญ่เหมือนคนอื่นเพื่อให้ตัวเองมีที่ยืน ทำแบบนั้นไปสี่ห้าปี ร้านย่อยก็คุ้นชินกับบริการแบบถึงลูกถึงคนของเรา ก็เริ่มขายเราดีขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เรารอดและลืมตาอ้าปากมาได้
1
มีวันหนึ่ง ผมกับคุณซิกเว่เจ้านายฝรั่ง ไปเยี่ยมร้านค้าเหมือนเคย ไปหยุดที่หน้าร้านหนึ่งที่อิมพีเรียล สำโรง (ผมเคยเล่าเรื่องนี้ไปอย่างละเอียดให้บทความชื่อบริหารงานด้วยตีน) แล้วร้านนั้นมีเจ๊ที่ภาษาอังกฤษไม่ได้ดีนัก ผมเลยเป็นล่ามให้คุณซิกเว่ ร้านนั้นเดิมขายเราไม่ดี จนเรามาเยี่ยมมาดูแลดีเป็นเวลาหลายปีจนร้านรักเลยเชียร์เลยขายเรามาขึ้นแบบผิดหูผิดตา ผมแปลให้ซิกเว่ฟังไม่ทันจบดี ซิกเว่ใจร้อนเลยรีบถามเจ๊เจ้าของร้านว่า...
6
Why you change?
2
เจ๊เจ้าของร้านตอบช้ามากด้วยการชี้ที่ตัวเองก่อน แล้วชี้ไปที่ซิกเว่ว่า...
3
“ I..change…because….you ..change”
5
ประโยคของเจ๊ทำให้ผมรู้สึกบรรลุถึงหลักการของการเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่เราอยากจะเปลี่ยนโลกโดยที่ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางนั้น ถ้าเราลองเปลี่ยนตัวเองดูก่อน คนอื่นจึงจะเปลี่ยนตาม เป็นปรัชญาแรกๆของการเปลี่ยนแปลงที่เรียนรู้จากเจ๊ที่สำโรงในวันนั้น
3
หลังจากนั้นเวลาอยากจะเปลี่ยนใคร เปลี่ยนอะไร ผมก็พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองก่อน ซึ่งก็ได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้าง ตอนที่ได้ผลก็ดีไป แต่ตอนที่ไม่ได้ผลก็กลับเกิดความทุกข์ขึ้นมา แถมเอาเข้าจริงๆ ก็ได้ผลไม่ได้บ่อยนัก เช่นผมอยากให้ลูกซึ่งตอนนั้นยังเล็กอยู่กินผัก ออกกำลัง ก็พยายามทำให้ดูเป็นตัวอย่าง เขาก็ทำบ้างไม่ทำบ้างตามประสาเด็ก พอเขาไม่ทำเราก็รู้สึกหงุดหงิดเพราะเราอุตส่าห์ทำเป็นตัวอย่างให้แล้ว
1
หรือในที่ทำงาน พออยากให้ลูกน้องขยัน อยากให้เจ้านายเปลี่ยน เราพยายามเปลี่ยนตัวเองก่อน ทุ่มเทใช้พลังงานอย่างมาก สิ่งที่ได้รับกลับไม่ได้มากเท่าที่คิด ก็เลยเกิดความทุกข์เพราะพยายามเข้มงวดกับคนอื่นเกินไป
1
จนมาช่วงหลังๆที่ผมรู้สึกว่าสุขภาพผมดีขึ้นมากจากการออกกำลังกายและกินอาหารที่ดี และเริ่มพยายามลองหาวินัยใหม่ๆให้กับตัวเอง ลองทำอะไรหลายอย่างที่ไม่ได้สนใจว่าจะเปลี่ยนคนอื่นมากนักเพราะเริ่มเข้าใจรางๆแล้วว่าการเปลี่ยนคนอื่นนั้นไม่ง่าย
1
พอเริ่มปล่อยวางจากการเปลี่ยนคนอื่นให้ได้ดั่งใจแล้วหันมามีวินัยกับตัวเอง หาเรื่องท้าทายตัวเองแทน ชีวิตก็ดีขึ้นและสงบขึ้นด้วย ความอยากเปลี่ยนคนอื่น ความไม่ได้ดั่งใจก็ยังคงมีอยู่ แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสเหมือนเมื่อก่อน และเริ่มมาสนุกกับการลองอะไรใหม่ๆที่ไม่ได้คาดหวังนักว่าจะมีผลอะไรต่อคนอื่นหรือไม่ ผิดถูกก็ล้มลุกเรียนรู้กันไป
3
ซึ่งประสบการณ์เหล่านั้นทำให้ผมถึงเริ่มเข้าใจถึงประโยคของ Leo Tolstoy ที่กล่าวไว้ว่า "Everyone Thinks of Changing The World, … But no one thinks of changing himself" มากขึ้นมาก
8
ผมได้เคยไปให้สัมภาษณ์ในรายการ Coming Of Age ของทาง The Clouds เป็นรายการที่เขาจะไปถามคนหลากหลายอายุว่าถึงอายุขนาดนี้ มีบทเรียนชีวิตอะไรที่อยากจะบอกบ้าง ผมก็นึกครึ้มๆว่าถ้าโดนถามประโยคนี้ ผมจะตอบว่าอย่างไรดี ผมก็เลยเตรียมไปตอบจากบทเรียนเรื่องการพยายามเปลี่ยนคนอื่นโดยไม่เปลี่ยนตัวเอง มาถึงการพยายามเปลี่ยนตัวเองเพื่อคนอื่นจะได้เปลี่ยน จนมาถึงว่าเราเปลี่ยนตัวเองโดยไม่ได้คำนึงถึงคนอื่นว่าจะเปลี่ยนหรือไม่
5
ผมได้ประโยคตกผลึกแบบ Coming Of Age นี้มาจากสุภาษิตจีนโบราณ ผมเคยอ่านเจอในนิยายกำลังภายในตอนเด็กๆ แต่ในตอนนั้นก็ไม่ได้เข้าใจอะไรมากมาย ถ้าถูกถาม ผมก็คงจะตอบว่าบทเรียนชีวิตที่ผมเรียนรู้ในวัย 53 ปี ก็น่าจะเป็นสุภาษิตจีนประโยคนี้ที่สรุปการเดินทางค้นหาความเข้าใจเรื่อง Change ลองผิดลองถูกในชีวิตผมได้เป็นอย่างดี สุภาษิตจีนนั้นกล่าวไว้ว่า …
2
จงเข้มงวดกับตัวเอง แต่ผ่อนปรนกับผู้อื่น
สุภาษิตจีนโบราณ
10
เป็น Coming of Age ของผมในวัย 53 นี้ครับ...
บทความ "บริหารงานด้วยตีน" อ่านได้ที่ : https://www.blockdit.com/posts/62d129f910566ba8135b028d
โฆษณา