30 พ.ย. 2022 เวลา 06:28 • ความคิดเห็น
เรื่องราว ของคำว่า ไสยศาสตร์..ศาสตร์ แห่งการทำให้จิตหลับไหล หลงใหล ..ด้วยอิทธิฤทธิ์ อิทธิเดช..คาถาอาคม เวทมนต์ ที่เกิดจากจิต..ของผู้ที่ที่ต้องฤทธิ์เดช..มีความโลภ เป็นทุนเดิม ..มีความหลงใหลใน รูปรสกลินเสียงสัมผัส..ก็กระทำการ ..เอาคำ..ต่างๆ มาบริกรรม .
จนเกิดเป็นสมาธิมิจฉาทิฐิ..หลงใหลว่าตนเอง..มีสิ่งที่อำนาจพิเศษ มีของวิเศษ
1
..เมื่ออยากได้..มายาโลกของความโลภโกรธหลง ..เค้าพร้อมส่งเสริม อุปโลกน์ให้เป็นไป ..อยากได้กรรม…ก็ส่งเสริมให้มีกรรม..ต้องทุกข์ทรมาน .ไป..จิตออกจากร่างเมื่อไหร่ ..สิ่งที่หลงใหลทำ .มีแต่กรรม ปักจิตลงอเวจี
เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที ได้กายพ่อแม่ครบอาการสามสิบสอง ..เค้าให้มาพร้อม..พร้อมให้มาใช้ แก้ไขทำดี .ทำสิ่งที่ดีงาม…เมื่อมีชีวิต มีอารมณ์..อยากได้อยากมี .มันไม่ได้ดังใจ ..ก็ทะเยอทะยาน สรรหา เสาะหาตัวช่วย ..สิ่งที่มองไม่เห็น ..ใครบอกว่า..ทำอย่างนี้ดี ไปทำอย่างนี้ดี ..ไปเจอะเจอ ..คนเค้าบอกว่า ..ไปทำแบบนี้จะมีเสน่ห์ ..ทำให้คนที่พบเห็น หรือคนที่เราหมายตา นั่นหลงใหล..เราก็เชื่อ..ไม่รู้ไม่เห็นในสิ่งที่เป็นมายา .
เพราะจิตเราไม่อาจจะไปสัมผัส เรื่องราวนี้ได้ ว่าเรื่องราวเล่านี้ แท้จริงมันทำให้เกิดอะไรขึ้น ซึ่งยากมากๆที่จิตจะเรียนรู้ในสิ่งเหล่านี้ เพราะการที่จิตเราไม่ได้ฝึกหัดปฏิบัติธรรมอยู่ในรอยทั้งสี่ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า รอยของการสร้างบุญกุศลบารมี หนีกรรม.
เมื่อเราไม่รู้จักกรรม ..เราก็ไม่เกรงกลัวกรรม ..หลงไปกระทำ ..ไปยึดถือในเรื่องราวของไสยศาสตร์ .จิตก็ต้องถูกปกปิด ปกคลุมในเรื่องราวเลานั้น นิสัยที่ดีๆ ก็เปลี่ยนแปลงไป .
สิ่งที่เคยเห็นว่าดี ก็วิปริตเกิดเป็นเห็นไม่ดี ..
แล้วยังมีเรื่องราวของกลิ่น..กลิ่นที่ออกมาจากตัวของผู้ที่เกี่ยวข้องไปทำในเรื่องราวไสยศาสตร์ ..เค้าเหล่านั้น จะไม่สามารถ เข้าไปพระที่ประพฤติปฏิบัติดีๆได้เลย สร้างบุญกุศล..ก็เรียกร้องหากรรม .ทำอะไรก็จะเหน็ดเหนื่อย ขี้เกียจ ..กลางวันชอบนอน ..กลางคืนค่อยออกหากิน ดึกๆดื่นๆ นอนไม่หลับ จะไปหลับก็ตีสามล่วงไปแล้ว สติปัญญาก็ค่อยๆฟั่นเฟือนไป..หลงลืม..เรื่องนั้นเรื่องนี้ ..เป็นมากๆ ประกอบทั้งกรรมเก่ามาร่วมด้วยช่วยกัน ความวิปริตวิปลาส ก็เกิดขึ้น..เร่ร่อนไปตามท้องถนน
มีพระท่านบอกว่า ..ผู้ที่ไปยึ่งเกียวเรื่องราวไสยศาสตร์ จุดจบก็เป็นมะเร็งตาย ไปถามผู้ที่รู้จัก เรื่องนี้ ก็บอกว่า เป็นมะเร็งตาย ..มะเร็งลุกลามเร็วมาก ..ตาย
ถามว่าบางคน ไปยุ่งเกียวไสยศาสตร์ ไม่เห็นเป็นอะไร ..ท่านยอกว่า กรรมเค้าส่งเสริม ..ให้ทำให้มากๆ จะได้ลงนรกให้ลึกๆ ไม่ต้องกลับมาโลกมนุษย์อีกเลย ไปจากโลกมนุษย์หายลับยาวนานๆ
หากเราสัมผัส..ทุกข์ ทุกข์ที่เกิดจากเรื่องราวเหล่านี้ได้ ..เราจะเกรงกลัว ตาก็ไม่อยากมอง..ให้เสียลูกตา ..มันน่ากลัวจริงๆ แต่นั่นแหละ เพราะคนเรามีกรรม มันก็เห็นกงจักร เป็นดอกบัวไปเรียกร้องผีสาง ผีตายโหง ผีตายห่า ผีเร่ร่อน เปรต อสุรกาย ที่เค้าถูกคาถาอาคม ล่ามโซ่ มาผูกตรึงอยู่กับกายของผู้ที่ อยากได้ อยากมีเสน่ห์..ผีก็อุปโลกน์มายาให้..ไม่เขื่ออย่าลบหลู่…เค้ามักว่ากันอย่างนั้น ..
ที่เขียนมานี้..ไม่ยอกให้เชื่อ..บอกให้เราใช้เหตุผล ..ในเรื่องที่มองไม่เห็น เราควรใช้เหตุผลมากๆ ..ชีวิตมีการมนุษย์ไม่ยาวนาน ..อย่าไปยุ่งเกี่ยว จะทำให่กายเราเสีย จิตเราเสีย ด้วยเหตุ..ไปเรียกผีมาเกาะกินน้ำเลือดน้ำนอง..ในกายที่พ่อแม่อนุเคราะห์ให้จิตเราอาศัย.. เราไปเอาเห็บมัดเข้ามา กายเราก็แย่ ..เท่านั้นเอง
..สร้างบุญกุศลในรอยคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าดีที่สุด เกิดกุศลบารมี อย่าไปทะเยอทะยานอาศัยสิ่งเหล่านั้นที่เป็นเรื่องราวไสยศาสตร์มาช่วยเลย..กรรมทั้งนั้นที่เราจะได้รับ ความเดือดร้อนทำลาย แม้กระทั่งญาติสนิทมิตรสหาย ทั้งคนที่เรารัก แล้วก็ทำลายตัวเอง..จิตวิญญาณของตัวเอง
เรื่องพวกนี้ แม้คนที่กระทำ..เค้าก็ปกปิดไม่ให้รู้จัก..เค้าจึงกล้าทำ ..ถ้าเค้ารู้จักจริงๆ .มีแต่จะรีบทิ้งขว้างหนีให้ไกลเท่านั้นเอง เพราะความไม่รู้นั้นแหละ ..พระท่านบอกว่ารู้ไม่จริง จึงกล้ากระทำทำลายจิตวิญญาณของตนและผู้อื่น
โฆษณา