1 ธ.ค. 2022 เวลา 04:55 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
Hansan: Rising Dragon (2022)
อีซุนซิน มังกรผงาด
อีซุนซินคือยอดขุนพลทางเรือในประวัติศาสตร์เกาหลีใต้ ความถนัดของเขาคืออาศัยทหารและเรือรบที่มีจำนวนน้อยกว่าเอาชนะข้าศึกที่มีจำนวนเรือรบมากกว่าหลายเท่าตัวได้ เขาเป็นคนช่างสังเกต ศึกษาธรรมชาติ รู้จักสภาพร่องน้ำสภาพเกาะแก่งต่างๆ ใน่านน้ำเกาหลีเป็นอย่างดี และอาศัยความชำนาญในพื้นที่ธรรมชาติมาเป็นอาวุธร่วมกับกองเรือของเขา
อีซุซินคิดค้นเรือรบพิเศษขึ้นมาที่เขาขนานนามว่าเรือเต่า ซึ่งเป็นเรือรบที่เป็นเหมือนเรือประจัญบาน ทุกด้านปิดสนิท มีเพียงช่องที่จำเป็นสำหรับให้อากาศถ่ายเทและลำเลียงกำลังพล ทั้งบนดาดฟ้าเรือ สะพานเรือ และกราบเรือหุ้มไว้ด้วยโลหะจึงทำให้เรือเต่าแข็งแกร่งมาก สามารถพุ่งชนเรือรบศัตรูให้หักเป็น 2 ท่อนได้อย่างง่ายดาย ได้รับการบันทึกว่าเป็นเรือรบหุ้มเกราะลำแรกของโลก ความสำเร็จในการรบทางเรือของอีซุนซินนั้นยิ่งใหญ่มาก ยิ่งใหญ่เสียจนไม่มีแม่ทัพนายเรือคนใดของเกาหลีได้รับเกียรติสูงสุดอย่างเขามาก่อน
ผู้กำกับคิม ฮาน-มิน ตั้งใจที่จะสร้างหนังเกี่ยวกับยีชุนชินขึ้นมาทั้งหมด 3 ภาคด้วยกัน กินความตั้งแต่การเริ่มไต่เต้าเป็นทหารไปจนถึงชัยชนะครั้งสุดท้ายของสิงห์ทะเลเฒ่าคนนี้ แต่ผู้กำกับรอดูว่าหนังเรื่องแรกของอีซุนซินนั้นจะประสบความสำเร็จสักแค่ไหน
หนังภาคแรกคือThe Admiral: Roaring Currents ประสบความสำเร็จทันทีที่ออกฉาย มีสถิติผู้ชมสูงสามารถขายตั๋วไปได้ถึง 17.6 ล้านใบ และทำรายได้ทั่วโลกมากกว่า 138.3 ล้านเหรียญ ปีนี้ผู้กำกับคิม ฮาน-มินได้นำ Hansan: Rising Dragon หนังภาค 2 ของอีซุนซินออกฉาย ถึงแม้จะไม่ประสบความสำเร็จเท่าภาคแรกเนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดรวมไปถึงสภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่เข้าที่เข้าทาง แต่หนังเรื่องนี้ก็ยังทำรายได้ไปเกือบ 60 ล้านเหรียญ
ในภาคแรกนั้นเล่าเรื่องราวในเหตุการณ์ปี 1957 อีซุนซินนำกองทัพเรือโชซอนที่มีเพียงแค่ 13 ลำสามารถเอาชนะกองเรือของพลเรือเอกโทดะของญี่ปุ่นที่มีแสงยานุภาพมากกว่าหลายเท่า ประกอบไปด้วยเรือต่างๆ รวมกันกว่า 300 ลำ เขาเอาชนะด้วยการอาศัยการสังเกตทิศทางลมและธรรมชาติจนกลายเป็นกลยุทธ์ศึกทางทะเลที่ยิ่งใหญ่
ส่วนสาเหตุของสงครามในครั้งนั้นมันก็คือการรุกรานเกาหลีของญี่ปุ่นที่เกิดขึ้นในช่วงระหว่างปีคริสตศักราช 1592 ถึง 1598 โดยฝ่ายญี่ปุ่นเข้ามารุกรานโดยการนำของโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ ไดเมียวคนสำคัญในยุคนั้น ซึ่งเป็นยุคที่ญี่ปุ่นเพิ่งจะรวมกันเป็นปึกแผ่นหลังจากผ่านสงครามกลางเมืองที่เรียกกันว่ายุคเซ็นโกกุที่กินระยะเวลาหลายสิบปี โดยสงครามการรุกรานเกาหลีของญี่ปุ่นนั้นแบ่งออกเป็น 2 ครั้ง ครั้งแรกระหว่างปี 1592 -1953 ส่วนครั้งที่ 2 ก็คือปี 1957 -1598
โดยที่การบุกครั้งแรกนั้น ญี่ปุ่นเป็นการหวังผลไปไกลมากกว่ายึดเกาหลี ญี่ปุ่นต้องการที่จะรุกเข้าไปถึงราชวงศ์หมิงเสียด้วยซ้ำ ส่วนการบุกครั้งที่ 2 นั้นเป็นการลดทอนเป้าหมายจากครั้งแรกลงไปเหลือเพียงแค่แก้แค้นต่อเกาหลี
ในหนัง Hansan: Rising Dragon จับเอาเหตุการณ์ในช่วงการรุกเกาหลีครั้งแรกของญี่ปุ่น (เกิดขึ้นก่อนเนื้อหาในหนังภาคแรก) โดยเริ่มในปีคริสต์ศักราช 1952 กองกำลังญี่ปุ่นได้เข้ามารุกรานภายใต้การนำของแม่ทัพวากิซากะ ซึ่งได้รุกไล่ขับกองทัพเกาหลีจนกษัตริย์ต้องหนีออกจากเมืองหลวง มีเพียงกองกำลังของอีซุนซินเท่านั้นที่ป้องกันพื้นที่ทางทะเลและต่อสู้เอาชนะทัพเรือญี่ปุ่นได้ แม้ว่าเขาจะได้รับการบาดเจ็บในการรบก็ตาม
วากิซากะแม่ทัพใหญ่ของญี่ปุ่นหวังจะพิชิตศึกได้ในคราวเดียว เขารวบรวมกองกำลังเรือพร้อมทั้งส่งสายลับเข้าไปสอดแนมฐานทัพเรือของอีซุนซิน ส่วนจารชนฝ่ายเกาหลีก็ปฏิบัติการในพื้นที่ยึดครองของญี่ปุ่นเช่นกัน อีซินซุนมีเวลาเพียง 5 วันที่จะวางแผนวางกลยุทธ์เอาชนะกองเรือญี่ปุ่นที่มีจำนวนเรือเข้าสู่สมรภูมิมากกว่าทัพเรือของเกาหลีหลายเท่า
ในหนังภาค 2 นี้ได้เริ่มต้นที่การเล่าเรื่องผ่านตัวแม่ทัพญี่ปุ่นวากิซากะเป็นผู้เล่าเรื่องทั้งหมด เมื่อแม่ทัพเดินทางไปดูซากเรือรบญี่ปุ่นที่พ่ายแพ้จากสมรภูมิรบกับเรือเต่าของอีซุนซิน ซึ่งหนังจะเปรียบเทียบให้เห็นการบัญชาการรบระหว่างแม่ทัพทั้งสอง ในขณะที่อีซุนซินบัญชาการรบอยู่กลางมหาสมุทรนั้นเขาทำทุกอย่างเพื่อชัยชนะ แต่ก็คำนึงถึงชีวิตของลูกน้องเป็นหลัก ต่างกับวากิซากะที่เป็นแม่ทัพประเภทมองเป้าหมายที่ชัยชนะโดยไม่สนใจวิธีการ เพียงแค่ฉากเปิดเรื่องนี้ก็สรุปความแตกต่างระหว่างชายทั้งสองคนได้เป็นอย่างดี
หนังจะเดินเรื่องเปรียบเทียบกันระหว่าง 2 แม่ทัพใหญ่ของสองชาติเป็นพื้นหลัง ทำให้ในหนึ่งชั่วโมงแรกของหนังเราจะเห็นภาพอีซุนซินพยายามดิ้นรนทุกวิถีทางที่จะหายุทธวิธีที่เหมาะสมในการเอาชนะเรือรบญี่ปุ่นที่ศึกษากลยุทธ์การรบของอีซุนซิมาอย่างดี
ในขณะที่แม่ทัพเกาหลีรอบข้างมัวแต่ทะเลาะกันและเต็มไปด้วยคำแนะนำที่ขัดแย้งกัน ส่วนกษัตริย์ก็ต้องถอยร่นลึกเข้าไปในแผ่นดิน ขวัญกำลังใจทหารเกาหลีตกต่ำสุดๆ ส่วนวากิซากะก็ใช่ว่าจะราบรื่นกับการบัญชาการฝั่งญี่ปุ่น เขาต้องจัดการอำนาจภายในกองทัพเพื่อให้รวบอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จจากขุนศึกขุนนางที่คานอำนาจของเขาไว้
Hansan: Rising Dragon มีความเป็นหนังจารกรรมสายลับแฝงอยู่ แต่จุดสำคัญสูงสุดก็คือฉากยุทธนาวีที่ทั้งสองฝ่ายพยายามใช้ยุทธวิธีและกลยุทธ์ต่างๆมาห้ำหั่นกัน อีซุนซินรู้ดีว่าฝั่งญี่ปุ่นรู้ถึงข้อจำกัดและจุดอ่อนของเรือเต่า และสามารถวางแผนมารับมือกับเรือชื่อดังนี้เป็นอย่างดี บีบให้อีซุนซินต้องวางยุทธวิธีเอาชนะโดยไม่อาศัยเรือเต่า
ความน่าสนใจของเรื่องมันคือการติดตามการวางแผนของสองแม่ทัพผสมรวมกับเรื่องจารกรรมข้อมูลของสายลับทั้งสองฝ่าย จะเรียกว่า Hansan: Rising Dragon เริ่มลงหลักปักฐานกับการเป็นหนังระทึกขวัญจารกรรม แล้วจบลงด้วยหนังสงคราม เหมือนกับผู้กำกับคิม ฮาน-มินพยายามจะเปลี่ยนทิศทางของหนังออกไปจากภาคแรก
แต่ปัญหาคือหนังมีตัวละครย่อยจำนวนมาก โดยเฉพาะขุนศึกทั้งระดับหลักและระดับรองมากจนถึงขนาดต้องขึ้นข้อความว่าใครเป็นใคร แต่กระนั้นก็ยังไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะติดตามว่าตัวละครที่เราเห็นคือใคร มีความสำคัญต่อเรื่องอย่างไร นอกเสียจากจะเป็นตัวละครที่โดดเด่นจริงๆ เพราะตัวละครแต่ละตัวอยู่ในชุดทหารสวมเสื้อเกาะสวมหมวกเหล็กแทบจะไม่ได้เห็นหน้าค่าตา
ยิ่งจำนวนตัวละครที่มีอย่างมากมายมหาศาลขนาดนี้ ว่ากันตามตรงแล้วแทบจะไม่มีใครที่มีความหมายต่อผู้ชมที่ไม่ใช่คนเกาหลี ไม่ได้ช่วยในการเล่าเรื่อง และการปรากฏชื่อบนหน้าจอทุกครั้งที่ปรากฏตัวมันไม่ใช่ยุทธวิธีในการเล่าเรื่องในหนังที่ดีนัก เมื่อคำนึงว่าตัวละครพวกนี้คือหลุมดำที่ไม่เกิดประโยชน์
แต่อย่างไรก็ตามข้อบกพร่องทั้งหมดในครึ่งเรื่องแรกทั้งเรื่องของการจารกรรม สายลับทั้งสองฝากที่เหมือนจะมีอะไร แต่ใช้ประโยชน์ได้ไม่เต็มที่ รวมไปถึงตัวละครต่างๆที่เยอะเกินไปก็ถูกลืมเลือนและให้อภัยได้ เมื่อถึงฉากการต่อสู้ตลอด 40 กว่านาทีสุดท้ายของหนัง ไฮไลท์สำคัญของเรื่องก็คือสมรภูมิยุทธนาวีที่น่าตื่นตาตื่นใจ ซึ่งจริงๆ แล้วตัวหนังหลีกเลี่ยงการถ่ายทำในท้องทะเลสถานที่จริง แล้วอาศัยการถ่ายทำในโรงถ่ายผสมผสานระหว่าง CGI และหุ่นโมเดลย่อส่วนของเรือต่างๆ ซึ่งเป็นส่วนที่ทำออกมาได้น่าเชื่อถือมากๆ
ในขณะเดียวกันก็รู้ข้อจำกัดของ CG ที่จะไม่มีความเนียนเมื่อผสมตัวละครที่เป็นนักแสดงเข้ากับฉากหลังที่เป็นท้องทะเล ตัวหนังจึงวางกรอบของภาพให้นักแสดงที่เป็นทหารบนสะพานเรือมีฉากหลังเป็นพื้นเรือแทนที่จะเป็นท้องทะเล จึงทำให้แก้ปัญหาในเรื่องความเนียนของงานเทคนิคพิเศษไปได้
Hansan: Rising Dragon จึงมีองค์ประกอบของภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ที่ดี อาจจะมีข้อบกพร่องที่การแจกแจงบทของตัวละครที่มีอยู่มากมาย แต่สำหรับเรื่องราววีรบุรุษของชาติ การสร้างความรู้สึกชาตินิยมที่แข็งแกร่ง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหนังภาค 3 เพื่อปิดบทสรุปขุนพลคลื่นคำรามอีซุนซินในสมรภูมิโนรยัง (Noryang) ซึ่งเป็นสมรภูมิที่สำคัญที่สุดของอีซุนซินนั้นจะเต็มไปด้วยความคาดหวังมากขนาดไหน
7/10
โฆษณา