2 ธ.ค. 2022 เวลา 11:00
การ Lay off หรือการปลดพนักงานกำลังแผ่ขยายวงกว้างไปทั่วสหรัฐอเมริกา ไม่เว้นแม้กระทั่งบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Twitter, Meta, Gap, HelloFresh หากคุณบังเอิญเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ถูกบริษัท Lay off เช่นเดียวกัน สิ่งแรกที่คุณควรทำอาจไม่ใช่การส่งเรซูเม่ไปหลายๆ บริษัทแล้วรอให้ HR ติดต่อกลับมา แต่ควรใช้เวลาในการไตร่ตรองกับสถานะลูกจ้างที่เปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันโดยทำตาม 5 ข้อนี้ก่อนที่จะส่งเรซูเม่หรือเริ่มหางานใหม่
🟥 1. เปลี่ยนวิธีคิด
การที่คุณตกงาน หรือถูก Lay off แบบไม่ทันตั้งตัว สิ่งเหล่านี้ไม่ได้สะท้อนว่าคุณไม่มีความสามารถ แต่สะท้อนถึงการขาดการวางแผนด้านกลยุทธ์ของบริษัทในช่วงที่เผชิญกับเศรษฐกิจถดถอยประกอบกับปัญหาภาวะเงินเฟ้อในหลายประเทศ
ฉะนั้นการที่คุณตกงานในช่วงนี้จึงไม่ได้หมายความว่าคุณไม่ดีพอแต่มีปัจจัยหลายๆ อย่างที่อาจทำให้บริษัทต้องตัดสินใจ Lay off พนักงานเพื่อลดต้นทุน และเพื่อให้บริษัทสามารถเดินหน้าต่อไปได้
สิ่งสำคัญหลังจากการถูก Lay off คือคุณควรโฟกัสอยู่กับตัวเอง ทำอะไรก็ตามที่สามารถสร้างพลังบวกที่ดีให้กับคุณได้ เช่น ออกกำลังกาย ทำอาหาร หรือทำในสิ่งที่ชอบ เพื่อให้คุณมี Energy ดีๆ รอบตัวเพื่อพร้อมกับการเริ่มหางานใหม่
แต่ถ้าคุณไม่สามารถหยุดคิดเชิงลบในเรื่องที่คุณถูก Lay off ได้ อีกหนึ่งวิธีที่แนะนำคือให้ลองเปิดใจพูดคุยกับอดีตหัวหน้างานของคุณโดยตรง หรืออ่านหนังสือที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจเพื่อสร้างทัศนคติเชิงบวกให้กับตัวคุณเอง
นอกจากนี้ถ้าคุณได้รับโอกาสในการสัมภาษณ์งานใหม่ อยากให้จำไว้ว่าหนึ่งในคุณสมบัติที่ HR อยากเห็นจากคุณคือการมีทัศนคติเชิงบวก เพราะ HR จะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ไม่น้อยไปกว่าความสามารถของคุณ เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่มีทักษะในการทำงานที่ใกล้เคียงกัน คนที่คิดบวกย่อมมีโอกาสได้งาน และมีโอกาสประสบความสำเร็จในการทำงานมากกว่า
🟥 2. เขียนสรุปความสำเร็จในการทำงานที่ผ่านมาของคุณ
การเขียนสรุปความสำเร็จในการทำงานนอกจากจะช่วยให้เห็นถึงทักษะ และความสามารถของคุณแล้วยังช่วยเตรียมความพร้อมสำหรับการสัมภาษณ์งานด้วย ถ้านึกไม่ออกลองนึกถึงเหตุการณ์ที่คุณได้ใช้ความสามารถในการตัดสินใจ การแก้ปัญหา วิธีรับมือกับความกดดันหรือการประยุกต์ใช้ทักษะต่างๆ ของคุณเพื่อให้งานนั้นๆ สำเร็จ หากคุณเตรียมความพร้อมในข้อมูลเหล่านี้ไว้ การสัมภาษณ์ของคุณกับ HR ในระหว่างขั้นตอนของการสัมภาษณ์งานใหม่ก็จะสามารถเป็นไปได้อย่างราบรื่นแน่นอน
🟥 3. รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร
หลังจากที่ถูก Lay off คุณอาจไม่รู้ว่าตัวเองจะไปทางไหนต่อ? ไม่รู้ว่าตัวเองอยากทำงานในบริษัทแบบไหน? ไม่แน่ใจว่าอยากทำงานในรูปแบบเดิมอีกหรือเปล่า?
เพราะฉะนั้นสิ่งที่ควรทำคือเขียนสิ่งที่คุณต้องการ และสิ่งสำคัญสำหรับคุณ เพราะสิ่งนี้จะทำให้คุณรู้ว่าคุณต้องไปไหนทิศทางไหน ซึ่งวิธีนี้ยังช่วยให้คุณคัดกรองงานได้ง่ายมากขึ้นเพื่อหางานที่คุณต้องการและเหมาะสมกับคุณจริงๆ
🟥 4. กำหนดตารางเวลาที่ชัดเจน
เคยเป็นไหม? หลังจากที่คุณส่งใบสมัครงาน คุณจะจดจ่ออยู่แต่กับโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ของคุณ เพื่อรอให้บริษัทติดต่อกลับจนบางครั้งก็อาจทำให้รู้สึกท้อ และหนักใจ
แต่ถ้าคุณสร้างตารางเวลาที่ชัดเจน คุณอาจจะรู้สึกหนักใจน้อยลง เพราะคุณจะรู้แล้วว่าในหนึ่งวันคุณต้องทำอะไรบ้าง และรู้ว่าต้องทำอะไรตอนไหน เช่น การกำหนดวันเวลาที่ต้องสัมภาษณ์งาน สัมภาษณ์กับใคร บริษัทไหน หรือต้องส่งเรซูเม่เมื่อไหร่ รวมถึงกำหนดวันซ้อมสัมภาษณ์ ซึ่งการทำเช่นนี้จะช่วยให้คุณรู้สึกสำเร็จไปทีละขั้น เพราะอย่างน้อยคุณก็จะรู้สึกได้ว่าคุณกำลังมุ่งมั่นในการหางานไม่ได้นั่งเล่นอยู่เฉยๆ
🟥 5. ค้นหางานที่คุณสนใจ
ต้องยอมรับว่าการที่คุณจะได้งานดีๆ ต้องเริ่มต้นจากการมีเรซูเม่ที่ดี เพราะฉะนั้นคุณควรอัปเดตเรซูเม่ให้ใหม่อยู่ตลอดเวลา เพราะมันอาจช่วยเพิ่มโอกาสให้คุณได้งานมากขึ้น
ซึ่งก่อนที่คุณจะอัปเดตเรซูเม่คุณควรใส่รายละเอียดงานที่คุณสนใจรวมถึงใส่คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับทักษะ และตำแหน่งที่คุณสมัคร เพราะในหนึ่งวันอาจมีผู้สมัครงานที่ส่งเรซูเม่เป็นจำนวนมาก ทำให้ HR มีเวลาเพียงไม่กี่นาทีในการดูเรซูเม่ของคุณ ฉะนั้นการมีคีย์เวิร์ดในเรซูเม่จึงมีความสำคัญต่อการแสดงถึงประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาทั้งหมดได้อย่างชัดเจน และยังทำให้ HR มั่นใจว่าคุณมีคุณสมบัติตรงกับตำแหน่งนี้
หากเรซูเม่ของคุณไม่มีคีย์เวิร์ดตรงตามที่องค์กรต้องการก็มีความเป็นไปได้สูงที่เรซูเม่ของคุณอาจถูกปัดตก เพราะว่าไม่มีประสบการณ์ที่สามารถเชื่อมโยงกับตำแหน่งงานงานนั้นได้ ถ้าคุณกำลังสมัครงานที่ต้องใช้คุณสมบัติใกล้เคียงกัน คุณสามารถทำเรซูเม่แบบเดียวกันแล้วส่งหลายๆ ที่ได้แต่ถ้าคุณสมัครงานที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลย คุณควรทำเรซูเม่ไว้หลายๆ รูปแบบ ไม่เช่นนั้นเรซูเม่ของคุณอาจถูกมองข้ามได้เช่นกัน ดังนั้นการมีคีย์เวิร์ดที่ดีจะช่วยให้เรซูเม่ของคุณเข้าตา HR ได้
สิ่งสำคัญที่สุด คืออย่าพึ่งรีบส่งใบสมัครงาน ถ้าคุณยังไม่พร้อม เพราะยังมีขั้นตอนอื่นๆ รวมถึงการเข้าสัมภาษณ์งานที่มีความสำคัญไม่แพ้ไปกว่าเรซูเม่ เพราะฉะนั้น 5 ข้อนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้งานใหม่ในครั้งต่อๆ ไปของคุณแต่ยังสามารถทำให้คุณรู้สึกมั่นใจในตัวเองเพิ่มขึ้นได้อีกด้วย
อ่านบทความได้ที่ : https://bit.ly/3Uh17ut
มาร่วม CONNEXT THE DOT ก้าวสู่โลกการทำงานอย่างมั่นใจไปด้วยกัน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา