6 ธ.ค. 2022 เวลา 04:49 • ประวัติศาสตร์
การประหารของชาวมองโกล
ในปีค.ศ.1223 (พ.ศ.1766) กองทัพมองโกลจำนวน 20,000 นาย ได้พิชิตกองทัพรุส (ชนเผ่าสลาวิก) จำนวน 80,000 นายได้สำเร็จ โดยกองทัพมองโกลได้ฆ่าทหารรุสได้กว่า 90% ของจำนวนทหารในกองทัพ และสามารจับองค์เจ้าชายแห่งเคียฟได้
1
กองทัพมองโกลได้ทำการประหารเจ้าชายแห่งเคียฟและขุนนาง โดยวิธีการประหาร คือการจับทุกคนนอนลงกับพื้น และหาแท่นขนาดใหญ่มาวางทับ ส่วนทหารมองโกลก็นั่งทานอาหารบนแท่นที่ทับตัวนักโทษไว้จนนักโทษขาดใจตาย
ตามความเชื่อของชาวมองโกล การทำให้พระโลหิตของเชื้อพระวงศ์หรือเลือดของขุนนางสัมผัสผืนดินนั้น เท่ากับเป็นการลบหลู่เทพเจ้าแห่งท้องฟ้าและดวงวิญญาณแห่งผืนดิน
หากพระโลหิตของเชื้อพระวงศ์เปื้อนพื้นดิน เทพเจ้าจะลงโทษมองโกลด้วยภัยธรรมชาติ ดังนั้น กษัตริย์หรือเจ้าชาย หากจะทำการประหาร จะให้พระโลหิตแตะพื้นดินไม่ได้เด็ดขาด
2
หากแต่ชาวมองโกลก็มีหัวพลิกแพลง คิดหาวิธีการประหารที่ทำให้เลือดไม่เปื้อนพื้น ซึ่งวิธีการนั้น ดูจะโหดเหี้ยมและทรมานกว่าเดิมอีกด้วย
วิธีการประหารของมองโกลก็มี อาทิ เช่น
1
-ทำการเย็บรูปากของเหยื่อ และจับเหยื่อโยนลงน้ำ
-เทเหล็กหลอมร้อนๆ ลงในตาและหูของเหยื่อ
-จับเหยื่อมาม้วนในพรม และให้ม้าเหยียบ
-จับเหยื่อกดลงกับพื้น และหาแท่นมาวางทับ และให้ชาวมองโกลขึ้นไปนั่งบนแท่น
ในปีค.ศ.1258 (พ.ศ.1801) กองทัพมองโกลได้รุกรานแบกแดด ซึ่งเป็นเหมือนศูนย์กลางของโลกมุสลิม และได้ทำการฆ่าชาวเมืองและเผาอาคารต่างๆ ในเมือง
กองทัพมองโกลได้จับตัวผู้ปกครองเมืองแบกแดด และนำมาม้วนกับเสื่อ ก่อนที่จะให้ม้าวิ่งเหยียบจนผู้ปกครองขาดใจตาย
ไม่มีเลือดซักหยดเปื้อนพื้นดิน
นี่ก็เป็นวิธีการบางส่วนในการประหารเหยื่อของชาวมองโกล
โฆษณา