5 ธ.ค. 2022 เวลา 12:58 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
First Love (2022) - รักแรกพบ ดาวเทียมที่หลุดจากวงโคจร และความบังเอิญที่เหวี่ยงให้กลับมาพบกัน
แม้จะไม่ได้มีพล็อตที่ใหม่ แต่วิธีการร้อยเรียงและความแม่นในการถ่ายทอดอารมณ์ ทำได้ดีเยี่ยมจนซาบซึ้งน่าประทับใจ
สวัสดีครับทุกท่าน ! ในที่สุดก็มาถึงเดือนสุดท้ายของปี 2022 ในเดือนนี้ Netflix มีซีรีส์ที่น่าสนใจหลายเรื่อง ที่ปังที่สุดในตอนนี้ คงหนีไม่พ้น Wednesday (2022) ซีรีส์ Spin-off ของ Addams Family ที่ดังถล่มทลาย
ขณะเดียวกัน ในฟากเอเชีย Netflix ก็ปล่อยซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่อง First Love: Hatsukoi (2022) ซีรีส์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเพลง First Love และ Hatsukoi ของ Hikaru Utada
ณ ตอนนี้ First Love ก้าวขึ้นเป็นอันดับ 1 บน Netflix ในญี่ปุ่นเป็นที่เรียบร้อย แต่ในไทยกระแสดูเหมือนจะไม่ได้พุ่งแรงอย่างญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหลายท่านที่กำลังรับชม คงจะซาบซึ้ง ดื่มด่ำไปกับความโรแมนติกที่ซีรีส์ถ่ายทอดออกมา...
วันนี้ผมจึงอยากจะมาเขียนรีวิวแนะนำซีรีส์เรื่องนี้ในฐานะที่เป็นซีรีส์น่าประทับใจในปีนี้ เผื่อว่าท่านใดสนใจนะครับ
[ เรื่องย่อ ]
First Love (2022) ได้รับการกำกับโดย Yuri Kanchiku
เนื้อเรื่องในซีรีส์กล่าวถึง ยาเอะ (Hikari Mitsushima) คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ประกอบอาชีพขับแท็กซี่ในเมืองซัปโปโร และ นามิจิ (Takeru Satoh) หนุ่มบริษัทรักษาความปลอดภัยที่กำลังจะแต่งงานกับคู่หมั้น ทั้งสองมีชีวิตในฉบับของตัวเอง ทว่าบางสิ่งบางอย่าง อย่าง "รักแรก" ที่เคยติดคาอยู่ในใจได้พาให้ทั้งสองได้มาเจอกันอีกครั้ง
[ ความรู้สึกหลังชม ]
- ยอมรับว่า ในตอนแรก ที่ดู Trailer ค่อนข้างกลัวเหมือนกันว่า ซีรีส์จะเลี่ยนเกินไปไหม จากที่เคยดูหนังรักโรแมนติคของญี่ปุ่นหลาย ๆ เรื่อง รู้สึกว่า หนังรักญี่ปุ่นมักจะออกมาล้นและมีสูตรสำเร็จ แต่หลังจากที่ดู First Love ตอนที่ 1 จบ ก็พบว่า ผลลัพธ์ออกมาตรงกันข้าม ซีรีส์ทำได้เยี่ยมและคงคุณภาพได้ตั้งแต่ต้นจนจบ !
- สำหรับผม ซีรีส์มี 3 องค์ประกอบที่ทำให้ภาพรวมเรื่องออกมาในระดับดีเยี่ยม
-- อย่างแรก "วิธีเล่าเรื่องอันน่าสนใจ" พล็อตเรื่องของ First Love เป็นอะไรที่คลิเช่ ถูกผลิตซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ว่าจะจากฝั่งเกาหลี หรือแม้แต่ในญี่ปุ่นเองก็ตาม แต่วิธีการเล่าเรื่องในซีรีส์ไม่ซ้ำจำเจสักทีเดียว
ตัวซีรีส์เดินเรื่องคู่ขนานระหว่างชีวิตของนามิกิและยาเอะในอดีตและปัจจุบัน ในระยะแรก ผู้ชมจะเห็นเพียงความสัมพันธ์และความเชื่อมโยงในระดับกว้างและอาจสงสัยว่า
ทำไมเรื่องราวในอดีตที่ดูสวยงาม ดันกลับตาลปัตรไม่เหลือเค้าเดิมเลยในปัจจุบัน
จนกระทั่ง เมื่อซีรีส์เดินเรื่องและค่อยเฉลยประเด็น ทุกอย่างค่อย ๆ ถูกร้อยเรียงกันเหมือนจิ๊กซอว์ กลายเป็นภาพใหญ่ที่สมบูรณ์
ต้องชมว่า วิธีนี้ใช้ได้ผล ซีรีส์ใช้วิธีที่น่าสนใจ พาให้เราอยากรู้และพร้อมอดทนรอ เพื่อติดตามเรื่องราวที่แท้จริงว่า ความสัมพันธ์ของนามิกิและนาเอะเบนออกจากกันได้อย่างไร และบทสรุปสุดท้ายของทั้งคู่จะลงเอยเช่นไร
ยาเอะ (Hikari Mitsushima) ในวัยปัจจุบัน
-- อย่างที่สอง "ความแม่นในจังหวะและการถ่ายทอดอารมณ์"
ส่วนนี้ทำได้เป๊ะเช่นกัน ซีรีส์พรรณนาอารมณ์ได้อย่างเฉียบคม บรรยากาศโรแมนติก ความเหงา ความเศร้า และความสุข ถูกถ่ายทอดผ่าน เนื้อเรื่อง สัญลักษณ์ (Symbol) มุมกล้อง แสง สี (Color Grading) ดนตรีประกอบ และเพลงของ Hikaru Utada... ทุกอย่างถูกจัดวางด้วยความประณีต งดงาม
ยาเอะ (Rikako Yagi) และนามิกิ (Taisei Kido) ในช่วงรักแรกพบ
แม้ว่าสตอรี่บางอย่างในหนัง อาจมีความไม่สมเหตุสมผลเมื่อเทียบความจริงบ้าง แต่พอส่วนนี้ทำได้เนี้ยบ ก็ช่วยกล่อมให้ผู้ชมเชื่อและอินไปกับเรื่องราว อย่างน้อยก็พร้อมที่จะยอมรับตรรกกะและเหตุผลของตัวละครด้วยความเปิดใจ
-- อย่างที่สาม "บทภาพยนตร์ที่ดี" ซีรีส์เล่าเรื่องสลับไปมาระหว่างอดีตและปัจจุบัน แต่ทุกอย่างดูไม่สับสน เพราะ บทซีรีส์มีเส้นทางที่ชัดเจนว่า ตัวเองจะเดินไปในทิศทางไหน และจะถึงเป้าหมายได้อย่างไร
อีกส่วนหนึ่งที่ช่วยเสริมมิติภาพยนตร์ คือ พาร์ทดราม่าชีวิต ส่วนนี้ช่วยให้เนื้อเรื่องดูลึก Practical สมจริงอย่างที่ปุถุชนบนโลกเผชิญกัน ยังมีเรื่องราวตัวละครรองที่ไม่ได้ถูกทิ้งร้างไว้ แต่เข้ามาช่วยแต่งเติมสีสันให้กับเรื่อง ไปจนถึงมีบทบาทกับชีวิตของตัวละครหลักทั้งสอง จุดนี้เกลี่ยบทได้ดี
-- วิธีการเล่าเรื่องโดยหยิบผูกเข้ากับ Timeline เหตุการณ์สำคัญของญี่ปุ่น ก็ทำได้เยี่ยม
ซีรีส์เรื่องนี้เป็นเสมือนจดหมายเหตุที่บันทึกเรื่องราวสำคัญของญี่ปุ่นไปในตัว ไม่ว่าจะ
  • บทเพลง First Love ของ Hikaru Utada ในปี 1999
  • การส่งยานอวกาศไปดาวอังคารของญี่ปุ่น
  • กองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่น เข้าปฏิบัติในสงครามอิรัก
  • เหตุการณ์แผ่นดินไหวและกัมมันตภาพรังสีรั่วไหลในปี 2011
  • เหตุการณ์โควิดระบาดในปี 2019
ว่าไปแล้ว ก็นึกถึง Comrades: Almost a Love Story (1996) หรือ เถียนมีมี่ 3,650 วัน...รักเธอคนเดียว ที่เล่าเรื่องราวรักแรกของหนุ่มสาวจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่อพยพไปตามหาอนาคตที่ดีกว่า ทั้งคู่ผ่านเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ในฮ่องกงควบคู่ไปกับบทเพลงของ เติ้ง ลี่จวิน
การเล่าเรื่องผ่าน Timeline และบทเพลงของ Hikaru Utada ทำให้ธีมเรื่องโดยรวมมีคล้ายคลึงพอสมควร และทำงานกับผู้ชมยิ่งขึ้นด้วยความรู้สึกเหงา ๆ Nostalgia ถึงวันวานในอดีต
- ซีรีส์ First Love จัดว่าโปรดักชั่นอยู่ในเกรดภาพยนตร์ ไม่ว่าจะมุมกล้อง แสง สี เสียง นักแสดง ทุกอย่างดูคราฟต์ มีความเป็นภาพยนตร์สูง (ซีนพรรณนณานาอารมณ์หลาย ๆ ซีนยังดูมีความหว่องด้วย) จุดนี้น่าขอบคุณ Netflix ถ้าเป็นทุนจากฝั่งญี่ปุ่นแท้ ๆ ยังนึกไม่ออกเหมือนกันว่า จะทำซีรีส์ออกมาในสเกลนี้ได้หรือเปล่า
- Location ต่าง ๆ ในเรื่องสวยมาก โดยเฉพาะสถานที่ต่าง ๆ ในเมืองซัปโปโร ฮอกไกโด น่าตามรอยไปเที่ยว !
- พาร์ทนักแสดง ส่วนนี้ประทับใจเกินคาด ว่ากันตามตรง ปกติในฝั่งซีรีส์ญี่ปุ่น จะเห็นนักแสดง Overacting บ่อย แต่มาใน First Love ทุกคนแสดงได้นิ่งลึก
-- นักแสดงที่ประทับใจเป็นพิเศษ ขอยกให้เป็น Takeru Satoh และ Hikari Mitsushima ในบทนามิกิ - ยาเอะตอนโต แสดงได้ดีจริง พาทุกคนน้ำตาไหลตาม
Takeru Satoh และ Hikari Mitsushima
-- ส่วนคนอื่นที่น่าสนใจ ขอยกให้ Taisei Kido และ Rikako Yagi ในบทนามิกิ - ยาเอะในสมัยเรียน ทั้งสองแสดงได้ดีและน่าจะเป็นนักแสดงที่โด่งดังในอนาคต
Taisei Kido และ Rikako Yagi
-- คนสุดท้ายที่น่าชื่นชม ก็ Minami ในบทยู น้องสาวของนามิกิ ที่ต้องแสดงโดยใช้ภาษามือเป็นหลัก ถ้าในระดับนานาชาติ Minami เคยร่วมงานกับ Johny Depp ใน Minamata (2020) ซึ่งเธอแสดงได้เยี่ยมเช่นกัน สำหรับ First Love เธอแสดงได้เยี่ยมเช่นเคย ติดนิดเดียวตรงในบทเธอเป็นน้อง แต่ดันดูแก่กว่าทาเครุเสียอีก 😂
- ซีนที่ประทับใจในเรื่อง ผมขอยกให้ 2 ซีน ซีนแรกคือ "ซีนนามิกิกับยาเอะจูบกันบนดาดฟ้าโรงเรียน" ในตอนที่ 2 และซีนท้ายตอนที่ 8 โดยเฉพาะซีนหลัง เป็นช็อตเรียกน้ำตาผู้ชมให้ไหลเป็นแถบ
- ส่วนสุดท้ายที่น่าจดจำ ก็คือ "บทเพลงของ Hikaru Utada" เช่น First Love และ Hatsukoi ตัวเพลงไม่ได้เปิดกันบ่อย ๆ ในเรื่อง แต่การมาแต่ละที แสดงอารมณ์ได้ทรงพลังทุกครั้ง ทั้งซาบซึ้งและพาให้น้ำตาซึม
[ สรุป ]
First Love ถือเป็นซีรีส์ที่อยู่ในเกรดแข่งในระดับนานาชาติได้สบาย ซึ่งยุคหลัง ๆ ดูเกาหลีจะทำได้ดีกว่าญี่ปุ่น ดังนั้นการที่ญี่ปุ่นมีซีรีส์ดี ๆ แบบนี้ก็ถือว่าดีเหมือนกัน เป็นกำไรกับผู้ชม
ตัวซีรีส์มีคาแรคเตอร์ - สตอรี่ที่สะท้อนตัวตนสไตล์ญี่ปุ่นอยู่เต็มเปี่ยม เรียบ ๆ ไม่หวือหวา แต่ถ่ายทอดออกมาได้พอดิบพอดี มีไม่บ่อยที่จะเห็นซีรีส์รักโรแมนติกญี่ปุ่นที่ทำได้พอดีและมีโปรดักชั่นระดับนี้
สุดท้ายนี้ ก็ขอแนะนำเลยนะครับ จัดเป็นซีรีส์เรื่องเยี่ยมในปี 2022 เชื่อว่า ซีรีส์น่าจะคว้ารางวัลได้เพียบในญี่ปุ่น และน่าติดตามว่า ผู้กำกับ Yuri Kanchiku จะทำเรื่องใดต่อไป รอเลย !
" เหตุการณ์ไม่คาดฝัน พาให้ชีวิตของยาเอะและนามิกิ หลุดจากวงโคจรของกันและกัน
ขณะเดียวกัน ความบังเอิญที่ไม่คาดคิด ก็พาให้โชคชะตาทั้งคู่ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง...
ไม่รู้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นพรหมลิขิตหรือแค่ความบังเอิญ
แต่รักแรกพบที่ทั้งคู่ได้พบกันคงมิใช่ความบังเอิญอย่างแน่นอน... "
ป.ล. อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากพุดคุยหรือติดต่อกับผม

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา