6 ธ.ค. 2022 เวลา 12:59 • นิยาย เรื่องสั้น
loop room
เขาแวะนั่งพัก หลังพิงผนังสีฟ้าซีด ถูกย้อมด้วยแสงจากหลอดไฟแอลอีดี ฝังอยู่ในแผ่นอะคริลิคขุ่นบนเพดาน
ตลอดทางมาตั้งแต่จุดเริ่มต้น เขาจำไม่ได้แล้วว่ามันเริ่มมาจากตรงไหน เขาไม่เคยหรือเคยบ้างไหม ย้อนกลับไปจุดเริ่มต้นอีกครั้ง ปัญหาระดับจักรวาลของเขามันอยู่ที่ตรงนี้แหละ เขาลืมไปแล้วว่าจุดเริ่มต้นอยู่ที่ไหน และสถานที่แห่งนี้คือที่ไหน เขารู้เพียงจุดมุ่งหมายเดียว ทั้งที่คลุมเคลือและบอดสนิท ราวกับมองผ่านม่านหมอกหนาตรงหน้า พยายามให้เห็นคำตอบอีกฟากตรงข้ามจงได้ ทว่า มันกลับยากตรงที่เมื่อเขาฝ่าฟันข้ามหมอกหนานี้ไป พบกับความจริงที่ว่าอาณาเขตของมันยิ่งกว้างขวางมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนเขางมอยู่ข้างในนี้นิรันดร์
กาลครั้งหนึ่ง ก่อนมาลงเอยที่นี่ เขามาอยู่ตรงนี้เพื่ออะไร ค้นหาเอกสารลับสุดยอดนี้ไปทำไมกัน มันเขียนอยู่ในกระดาษเย็บกับถุงมือข้างเดียว มันคงสลักสำคัญมากแน่ เพราะไม่อยากให้เขาลืม เช่นเดียวกันกับทุกอย่างเกี่ยวกับเขาหายไปหมดสิ้น แล้วใครเป็นคนให้คำสั่งเขามาปฏิบัติภารกิจนี้ เขาลำพังจริงหรือ เขาไม่แน่ใจอะไรทั้งนั้น
ซึ่งอย่างกับว่าหลายๆ สิ่งหลายๆ อย่างที่เคยผ่านมาและผ่ายไปข้างในนี้ ทำให้ความทรงจำมีเกี่ยวกับมัน ค่อยๆ ถูกลบไป แต่ละก้าวย่างของเขาอย่างไรอย่างนั้น
เขาไม่สามารถรักษาอะไรก็ตามไว้ได้จีรัง อย่างคนไม่เห็นคุณค่าและความหมายของสิ่งต่างๆ พานพบมาในชีวิต เขาจึงไม่ใช่เพิ่งเห็นราคาของมันหรอก เขาโหยหามันเจียนขาดใจ ประมาณว่าชีวิตของเขาได้ตายลงไปแล้ว หากขาดมันที่เป็นตัวเขาไป และนี่คือวิญญาณที่ไร้ซึ่งสิ่งใดหวนกลับมาจากชาติก่อนหน้า
เขาเหนื่อยล้าใจเต็มทน พาลพากำลังกายถดถอยตามๆ กัน
เหนือสิ่งอื่นใด เขาละเลยหน้าที่ บันทึกลงแผ่นกระดาษตัวหนาใหญ่ ต้องการเพียงหนึ่งเดียว คือหาทางออกไปจากที่นี่ให้ได้สักที
ก่อนหน้านี้ และก่อนหน้านี้ ก่อนหน้านี้ครั้งแล้วครั้งเล่า วนเวียนไปๆ มาๆ ในสถานที่ซ้ำๆ อยู่หรือไม่ ที่ที่กำลังไปข้างหน้าอยู่นี้ จะเป็นที่เดิมไหม ไม่มีคำตอบที่แน่ชัดนัก
เขาเห็นลูกศรสีดำ ถูกขีดเขียนให้ใหญ่โต เพื่อสะดุดสายตาคนบังเอิญผ่านมาพบเห็น ด้วยอะไรสักอย่าง ไม่มีวันลบออก
เขาสงสัยว่าทำไปเพื่อใคร จะมีใครอื่นอีกหรือ นอกจากเขาคนเดียวกระมัง
เขาตามลูกศรชี้ให้เขาไปทางนี้ ทางนั้น ทางนู้นที และก็ปล่อยเขาให้มึนงงสับสน อยู่ในที่ที่มีทางเดินหลากหลายตรอกซอกซอยไปได้ต่อ เขาเดินแบบเดาสุ่มมั่วๆ ซั่วๆ ท่ามกลางเขาวงกตหลอกลวง แม้จะรู้อยู่เต็มอก แต่ก็ยังเต็มใจเชื่อว่าจะไม่ถูกเล่นตลกอีกครั้ง
กว่าจะพบอีกลูกศร เล่นทำเอาลืมลูกศรก่อนหน้านั้นเสียสนิท จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าลูกศรที่ผ่านไปเจอคืออันใหม่หรือเก่า
เป็นอยู่แบบนี้ไม่รู้ว่านานเท่าไร และระยะไกลเท่าไรแล้ว ด้วยความมุ่งมั่นจนท้อถอย หมดซึ่งกำลังใจฝืนทนไปต่อ เขาไม่เคยรู้จักคำว่าปวดเมื่อยขา ทั้งวิ่งและเดินตลอดเวลา ต้องใช้พละกำลังกายไปมาก แน่นอนเขาลืมกระทั่งว่าที่ผ่านมาก่อนหน้านั้นๆ เขาทำอะไรอยู่ หากไม่ได้ควบคุมสมาธิอยู่กับสิ่งหนึ่งสิ่งใดทุกขณะจิต
ยังกระเสือกกระสนดิ้นรนมาถึงจุดนี้ได้ ไม่ทิ้งตัวเองให้แห้งตายซากไปตั้งนานแล้ว
เขาใช้ความรู้สึกที่มีอยู่ข้างในจิตใจอันมืดแปดด้านนำทางปราศจากหนทางแน่นอน ความทรมานอัดแน่นในอก ทำให้ต้องวิ่งหนีจุดจบอันไร้ความหมาย จะจงใจจบชีวิตไปเสียก็สิ้นเรื่องสิ้นราว หลุดพ้นจากวังวนแทบคลั่งได้ง่ายดายกว่ายื้อชีวิตอยู่เป็นไหนๆ
แค่เขายังไม่ต้องการมันตอนนี้
ก้มหน้ามองกำปั้นคว่ำข้างขวา แบออก พลิกกลับ อ่านข้อความในกระดาษนับครั้งไม่ถ้วน แต่ลืมสนิทอยู่ร่ำไป
"ค้นหาเอกสารลับสุดยอด"
เขาออกเสียงแผ่วเบา
มันจะมีอยู่จริงหรือ เขากังขา ถ้ามีอยู่จริง มันไม่เคยมีเครื่องหมายนำทางชัดเจนสักแห่ง
ความคิดอีกประการส่วนกลับทันควัน ในเมื่อมันคือเอกสารลับสุดยอด ใครที่สร้างสถานที่ลึกลับเกินหยั่งแบบนี้ได้ เขาย่อมไม่ทำเครื่องหมายโต้งๆ ซึ่งนำใครอื่นประสงค์ครอบครองมัน ไปสู่ทิศทางที่ถูกต้องของสิ่งสำคัญยิ่งยวดง่ายๆ หรอกน่ะนะ --- อย่างนั้นมันจะเรียกลับสุดยอดได้ไง ถูกของมันไหมล่ะ
งั้นผู้สร้างก็จะต้องสร้างแผนที่ให้ตัวเอง ไปถึงเอกสารลับสุดยอดนั้นได้ แบบไม่ต้องงมด้ายในมหาสมุทรเช่นเขา
ความคิดนี้ฉุกขึ้น ตั้งคำถามที่มีใจความสำคัญว่า แผนที่ที่ว่านั่นอยู่ที่ไหน หากมีแผนที่ของสถานที่นี้ถูกทำขึ้นมาจริง เพื่อใช้ทุ่นแรงการเดินงมทางแบบเดาสุ่ม ไม่รู้เหนือรู้ใต้ข้างในนี้ตลอดกาล ผู้สร้างจะเก็บมันไว้กับตัว มันจะปลอดภัยต่อเอกสารลับสุดยอดไปตลอดได้ไง
ถ้าแผนที่อยู่ข้างนอกที่อื่นที่ไม่รู้ที่ไหนในโลก แต่อย่างน้อยมันก็ง่ายดายกว่าที่จะหาเจอ ถ้าผู้สร้างต้องการความแยบยลเหนือชั้นกว่า นับว่าตัวเองโง่เง่าและประมาทไม่น้อย เมื่อมันอยู่ในความฉลาดล้ำลึกและปลอดภัยหายห่วงล่ะ หมดความกังวลเรื่องลักลอบโจรกรรมพื้นที่รโหฐาน ระบบรักษาความปลอดภัยจะล้ำสมัยขนาดไหน ก็รับประกันเสียมิได้ ดังนั้น ผู้สร้างอาจเก็บมันซ่อนไว้ในสถานที่จะว่าวกวนก็ไม่เชิง จะคล้ายๆ กันจนแยกความแตกต่างไม่ออก ต่อให้มีความแตกต่างก็ไม่เหลือความรู้สึกคุ้นเคยในเวลาต่อมาอีกเลย
ผู้สร้างทั้งสถานที่และแผนที่ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาที่ตัวเองก่อ
เผื่อผู้สร้างจะสร้างแผนที่สำรอง สำหรับนำทางไปหาแผนที่สู่เอกสารลับสุดยอด อย่างไรมันย่อมต้องถูกเก็บไว้กับตัวเองเพื่ออะไรอีก มันเหมือนทำสิ่งเดิมซ้ำๆ ซากๆ แก้ไขปัญหาในปัญหา ทำให้ยุ่งเหยิงกว่าเดิม แลดูแล้วรัดกุมทว่าหละหลวมอยู่ดี
อะไรๆ ก็ไม่แน่ไม่นอนนักหรอก เทียบกับความคิดและจิตใจมนุษย์เกินหยั่ง
กำลังใจถูกฟื้นฟูอีกครั้ง พละกำลังกายกลับมามีเรี่ยวแรงสานต่อ เขาไม่ต้องการแผนที่นำไปสู่เอกสารลับสุดยอด ถ้าทางออกจากสถานที่แห่งนี้อยู่ที่นั่นด้วยน่ะนะ
เขาสูดหายใจเข้าลึก ฮึบสู้ต่อ แม้รู้ว่ามันอาจเป็นหวังอันลมๆ แล้งๆ คิดเผื่อไว้ล่วงหน้า กระนั้นความผิดหวังก็ไม่ทำร้ายเขารุนแรงมากนัก เมื่ออยากลืมความเจ็บปวดช่างง่ายแสนง่าย ไม่ต้องพยายามมากด้วยซ้ำ แต่ถ้าไม่พิสูจน์ก่อน เขาก็ไม่มีทางหาทางออกจากที่นี่ได้ด้วยตนเองแน่นอน
มือยันลุกขึ้นยืน มองหาอะไรก็ตามที่ดูคล้ายเก็บแผนที่ สิ่งอะไรที่ดูคล้ายเก็บแผนที่นี่แหละ มันน่าหน่วงใจเขายิ่งนัก เพราะเขาไม่รู้เลยว่ามันจะมีลักษณะบ่งบอกชัดเจนขนาดไหนนี่สิ
เขาไม่เหลือความมั่นใจอีกแล้ว ประตูโลหะสีเงินบานคู่เบื้องหน้า ผ่านหูผ่านตามาบ้างแล้วหรือยัง
เขาขี้เกียจใส่ใจหาคำตอบเกี่ยวกับประมาณนี้ อย่างไรเขาก็จดจำขึ้นใจไม่ได้ดีนัก เสียเวลาเล็กน้อยเพื่อตรงไปที่นั่น ค้นหาว่ามีสิ่งใดรอคอยอยู่เบื้องหลังประตูบานนั้น ไม่พบอะไรที่เป็นประโยชน์อีกฟากหนึ่ง ก็ถือว่าเคยผ่านมาแล้วแหละกัน จะเข้าใจอย่างนี้มันไม่ผิดเลย กล่าวโทษหนักกับคนความจำสั้นทุกๆ วินาทีที่เป็นอดีตไม่ได้หรอก ว่าคิดเออเองไปเอง
ความรู้สึกของประตูโลหะบานคู่นั่น เหมือนมันไม่ได้อยู่ในตำแหน่งเดิมตลอดเวลา หรือเพียงสภาพแวดล้อมของสถานที่แห่งนี้หลอกตากันแน่
เขาคืบหน้าเข้าใกล้ กระทั่งอยู่ห่างแค่เอื้อมมือ มือดันประตูเปิด มันหนักอึ้งจนต้องพึ่งไหล่ช่วยเสริมแรง
ระยะเกินห้าเมตรเป็นต้นไป เขามองอะไรไม่เห็นนอกจากเงามืดมิดทอดยาวเกินหยั่งอาณาเขตของพื้นที่ส่วนนี้
ปากยังคงพร่ำคำว่า "แผนที่" สม่ำเสมอ ไม่งั้นไม่ย้ำเตือนกับหัวสมองของตัวเองอยู่เรื่อยๆ คงลืมไปตั้งนานแล้ว ว่าจะต้องทำอะไรต่อไป สิ่งเดียวที่เขาย้ำทุกลมหายใจ --- หาทางออกไปจากที่นี่
โต๊ะทำงานไม้มะฮอกกานีตั้งโดดเด่นท่ามกลางความว่างเปล่าโดยรอบ
แผ่นสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีดำความกว้างสิบนิ้ว แสงไฟจากข้างบนตกกระทบสะท้อนเป็นเงา มันถูกวางเอียงไปด้านหลังนิดหน่อย ตรงกลางโต๊ะทำงานตัวนั้น
เขาเก้ๆ กังๆ หยิบมันขึ้นมาอย่างไม่วางใจนัก อยู่ๆ แผ่นกระจกขณะสะท้อนเงาใบหน้าพริบตาเดียว เขาลืมแม้กระทั่งว่าหน้าตาตัวเองเป็นอย่างไร อย่าพูดถึงสัดส่วนร่างกายของเขาเลย ยืน นั่ง นอน ตีลังกานึก เป็นชาติก็นึกไม่ออกหรอก ตราบใดที่ยังอยู่ในนี้
แผ่นกระจกพลันสว่างขึ้นมา กลายมาเป็นหน้าจอของแท็บเล็ต
ข้อความกึ่งกลางหน้าจอระบุ
ยินดีต้อนรับคุณสู่
ห้องลูป
อย่างเป็นทางการ
แสดงหน้าต้อนรับนี้ไม่กี่วินาที เส้นตรงทั้งแนวตั้งและนอนนับไม่ถ้วน ทั้งหมดค่อยๆ ประกอบเข้าด้วยกัน จนเป็นรูปเป็นร่างแท้จริง เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าคืออะไร กับสิ่งที่เห็นตรงหน้า มันเป็นเพียงสิ่งที่ไม่อาจระบุจุดสิ้นสุดอาณาเขต --- ดั่งโลกอนันต์
กรอบหน้าต่างเล็กๆ เด้งขึ้นตรงมุมขวาล่าง
╔═════════════╗
แสดงตำแหน่งของคุณ
╔═════════╗
โปรดระบุ
╚═════════╝
╚═════════════╝
เขาจิ้มนิ้วลงตรงช่องข้างใต้ข้อความ
หน้าจอเคลื่อนไหวด้วยตัวมันเองรวดเร็วเกินมองทัน จุดสีฟ้าอยู่ในกรอบวงรีขนาดใหญ่ เส้นตรงสีฟ้าลากย้อนกลับไปทางประตูโลหะบานคู่ด้านหลัง มันไม่ได้สิ้นสุดแค่ตรงนั้น มันลากยาวไปสิ้นสุดตรงไหนไม่รู้ได้ เขาเชื่อมั่นมากว่าจะนำทางเขาสู่ทางออกร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ปล่อยให้อะไรก็ตามเล็ดลอดเข้ามาทำลายความหวังมากล้นในใจ
เหตุการณ์สุดคาดเดาเกิดขึ้นทันทีทันใด สีฟ้าทั้งหมดบนหน้าจอแท็บเล็ตเปลี่ยนเป็นสีแดงอันน่าฉงนและพรั่นพรึงระคนกัน
เขาไม่ใคร่ครวญหาคำตอบถึงสถานการณ์ไม่ชอบมาพากลนี้
ยังไม่ทันได้ขยับหมุนตัวกลับหลังหันเลย แสงไฟเพดานดับรวดเดียว ตกอยู่ในความมืดมิด มองอะไรไม่เห็น แม้ในระยะประชิดก็ตาม
ปราศจากเสียงหึงของดวงไฟสักแอะเป็นเพื่อน ความเงียบสงัดชวนอึดอัด เขารู้สึกทนไม่ไหว หากต้องอยู่ในสภาพนี้อีกวินาทีเดียว
เขาหวาดหวั่นเกินขยับร่างกาย
มีเพียงแสงสีแดงจากหน้าจอแท็บเล็ตหนึ่งเดียว ช่วยบรรเทาอาการมืดบอดนี้ได้บ้างเล็กน้อย
ไฟสีส้มสลัวๆ มาอย่างไม่มีปีมีขลุ่ย ขับไล่ความมืดไปได้บ้าง จึงเข้ายึดครองพื้นที่แต่ก่อนเป็นดินแดนของสีฟ้าซีดๆ
เขาจำสัญชาตญาณหวีดร้องถึงบางอย่างน่ากลัวไม่ได้แล้ว ว่ามันจะเป็นเหตุชักจูงของลางร้ายตามมาภายหลัง ความคิดแง่ลบแรกพุ่งเข้ามาในหัวของเขา ตอนที่ไปยุ่งเกี่ยวกับแท็บเล็ตแผนที่เครื่องนี้
'การระบุไม่ถูกต้อง'
สตรีอิเล็กทรอนิกส์กล่าว
เขาไม่ได้โยนสิ่งที่จะช่วยเขาออกจากสถานที่ลึกลับทิ้งไป เขาถืออยู่ในมือขวาแน่น ถึงความรู้สึกกำลังประท้วงว่าไม่สมควรครอบครองมันไว้ เขาหาสนใจเสียงร้องเตือนของตัวเองไม่
เขามุ่งไปตามเส้นทางถูกกำหนดไว้ ความหวังถึงจินตนาการอิสรภาพชัดเจน และเต็มเปี่ยมเหลือหลาย อย่างไรก็ตาม เขานึกภาพโลกหลังจากนี้ไม่ออกจริงๆ ว่ามันควรเป็นอย่างไร คงไม่ใช่โลกที่เหมือนห้องเช่นนี้อย่างแน่นอน
อีกไม่กี่เส้นทางข้างหน้าต้องเดินเท้าไปต่อ เขาไม่เร่งรีบ สำรวจละเอียดถี่ถ้วน เพื่อมั่นใจที่สุด จะได้ไม่เดินไปผิดลู่ผิดทาง นอกเหนือที่กำหนดไว้ในแผนที่
เขาหันขวับไปยังทางเดินขวามือ
คล้ายได้ยินแว่วๆ มีบางอย่างเคลื่อนที่มาเร็วๆ ด้วยความที่มีไฟเป็นบางจุด เขาจึงมองไม่เห็นสิ่งใดตรงนั้น คาดตามทิศทางที่มาของเสียงนั่น
เขาไม่ต้องเสียเวลาสลัดความฉงนว้าวุ่น ทำให้วิตกกังวลไปต่างๆ นานา ทั้งที่ไม่เข้าใจว่าหวาดกลัวอะไรอยู่ในตอนนี้นั่นเอง
พอเขาเริ่มออกเดินทางต่อ สมาธิเพ่งเล็งที่แผนที่สู่ปลายทาง ไม่รู้ว่าอะไรจะรอคอยเขาให้ไปถึงที่นั่น อาการกลัดกลุ้มถูกเมินเพียงชั่วเสี่ยววินาที ก็ถูกพรากไปไม่หลงเหลือเค้ารางในจิตใต้สำนึก
เขาไม่มีทางระวังหลังได้ทันท่วงทีเลย บางสิ่งที่เหมือนกับแท่งกลมสีดำถากโหนกแก้มไวๆ เขาทรุดฮวบกองอยู่ที่พื้น กรีดร้องครวญครางรอดไรฟันขบกันแน่น ปวดแสบปวดร้อนเกินบรรยาย เขาไม่กล้านำมือสัมผัส รู้สึกว่าผิวหนังตรงนั้นละลาย ควันร้อนมีกลิ่นเนื้อเหม็นไหม้ฉุนรุนแรง ทำเอาเวียนหัววูบหนึ่ง
เขาหมุนตัวหันหลังดูว่าอะไรที่ทำร้ายตนได้รับบาดเจ็บสาหัสเอาการ
เขาถึงกับตกอยู่ในสภาวะตกใจกลัวสุดขีด กับสิ่งมีชีวิตประหลาดยืนตระหง่านค้ำตรงหน้า
ศีรษะเกือบล้านเลี่ยน เส้นผมบางๆ เกาะอยู่บนหนังศีรษะเป็นหย่อมๆ ไม่มีดวงตา หู จมูก กลับมีปากตรงกลางหน้า ที่ฉีกยิ้มสุดขอบใบหน้าตลอดเวลา ฟันแหลมคมจำนวนมากทั้งบนล่างเรียงเป็นระเบียบเปิดเผย ภาพอันน่าสยดสยองนี้ทำเอาสติแตกกระเจิงได้ไม่ยาก
รูปร่างผอมสูงเก้งก้าง เริ่มบิดเบี้ยวผิดรูปผิดร่างทีละส่วน ช่วงลำตัวหงายขึ้น มือและเท้าเหยียบพื้นกลับเข้าด้านใน ใบหน้าของมันกลับหัว
เขาเข้าใจผิดมาตลอดเมื่อมองเผินๆ มันไม่ได้สวมชุดสูทสีดำ แท้ที่จริงแล้ว สีดำสนิทคือสีผิวหนังของมัน
นิ้วมือทั้งสี่ข้างขวาเป็นคมกรรไกร ฉกจะมาคว้าคอ เขาไหวตัวหลบได้หวุดหวิด
เขาตะกุยตะกายลุกขึ้นจากพื้นให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขณะเดียวกันนั้นเอง คมกรรไกรเฉือนลึกถึงเอ็นร้อยหวาย
เขากัดฟันฝืนต่อสู้กับความเจ็บปวดหนักหน่วง มันไม่ทิ้งระยะห่างจากเขาเกินสามถึงสี่ก้าว เขาวิ่งด้วยขาเป๋ กะโผลกกะเผลกได้ไม่เต็มฝีเท้า จึงเคลื่อนไหวไม่ได้รวดเร็วดั่งใจต้องการ ยิ่งกระทบกระเทือน เลือดก็ยิ่งไหลเยอะซึมกางเกงและไม่หยุด เลือดหยดเป็นทางมาเรื่อยๆ
เขาหยุดพักหายใจ ยืดตัวตรงแน่ว แล้วสับสนว่าอะไรที่ทำให้เขาลนลานได้มากเท่านี้ กำลังยืนอยู่ตรงสี่แยก เขานึกไม่ออกด้วยซ้ำ ว่าอะไรที่ทำให้เขาหวาดกลัวหนัก
สายตาพลันไปเห็นซอกเล็กๆ ซอกหนึ่ง เขาตรงเข้าไปในนั้น นั่งอยู่ตรงมุมหนึ่ง ต้องการจะหาที่หลบแต่แรก เพื่อสงบสติอารมณ์ไม่แน่ชัด แล้วทุกความรู้สึกที่เคยมี สาบสูญไปกับเสี่ยววินาทีต่อมา
แม้กระทั่งแท็บเล็ตแผนที่เครื่องนี้ยังคามือเขาอยู่ เขาเผลอตัวลืมว่าเคยทำอะไรค้างคาไว้ ไม่มีทีท่าจะฉุกคิดถึงความสำคัญของสิ่งสิ่งนี้ไปเสียเฉยๆ เฉกเช่นเดียวกับหลายๆ สิ่งหลายๆ อย่างก่อนหน้านี้ทั้งหมด ไม่เหลือเป็นความทรงจำให้ระลึกย้อนหลังอีกเลย
เขาปล่อยแท็บเล็ตหลุดมือ มันถูกทิ้งไว้ข้างหลังตรงนั้น และเขาลุกขึ้นไปต่อนับจากนี้
การหาทางออกไปจากที่นี่ เป็นสิ่งย้ำเตือนอยู่ในหัวเขาทุกเมื่อ
เขาจึงเริ่มต้นเดินทางไร้ทิศทางอีกครั้ง เขามาหยุดยืนเลือกจะไปทางขวาหรือซ้าย
ตรงทางเดินฝั่งขวามือ แสงสีเขียวย้อมเพดานและผนังไม่ไกลเท่าไร
เขารีบรุดตรงไปที่นั่น ที่มาของไฟสีเขียวมาจากป้ายเรืองแสงเล็กๆ มีตัวอักษรสีขาวสี่ตัว
┏━━━━━━━┓
ลูป
┗━━━━━━━┛
เขาไม่เข้าใจความหมายของคำคำนี้ หวังเพียงหลุมสี่เหลี่ยมจัตุรัสข้างใต้ จะนำพาเขาออกไปจากสถานที่แห่งนี้เสียที ที่ไม่แน่ใจอีกว่า หลังจากนี้เขาจะต้องออกไปเจอกับอะไรกันแน่
มือคว้ามือจับบันไดลิง เท้าแต่ละข้างควานหาขั้นถัดไประมัดระวัง
เท้าข้างซ้ายสัมผัสผิวของเหลวอย่างแรก มันลึกประมาณหัวเข่า ก่อนเขาจะพบว่าตัวเองกำลังอยู่ในอุโมงค์ระบายน้ำยักษ์
เขาเพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรกในชีวิต รู้ถึงจุดหมายปลายทาง กำลังไปที่นั่นอยู่ตอนนี้ เขาเพียงรอสัญญาณจะได้รับแจ้งมา
"ฉันเจอทางเข้าแล้ว"
อีกฝ่ายสื่อสารผ่านวิทยุ
เขายกเครื่องติดตามขึ้นดู อีกฝ่ายนั้นอยู่ไม่ไกลจากตำแหน่งของเขา
"ฉันอยู่ไม่ไกลจากนายเท่าไร ฉันกำลังไปหา"
ครั้นเขามาถึง อีกฝ่ายยืนคอยเขาอยู่ที่หน้าปากหลุม
"ให้ฉันลงไปถึงข้างล่างก่อนแล้วกัน"
อีกฝ่ายไต่ลงบันไดลิง เขามองไม่เห็นหมวกแก็ปสีดำของอีกฝ่ายจากข้างบนปากหลุมแล้ว แต่ได้ยินเสียงพื้นรองเท้ากระทบพื้นซีเมนต์ก้องสะท้อนขึ้นมา
เขาคอยอีกฝ่ายเดินสำรวจเส้นทางถูกต้องสักพัก
"ลงมาได้เลย"
อีกฝ่ายใช้สองมือประคองเอว ช่วยเขาลงถึงพื้นได้เร็วกว่าเดิม
"ขอบคุณ"
เขากล่าว
"ทางไปต่อคือทางนี้"
อีกฝ่ายชี้มือไปทางซ้ายมือตัวเอง
เขาพยักหน้ารับคำ
"ห้องลูปอยู่หลังโค้งนั่น"
สุดทางเดินนี้มีบานประตูโลหะสีเงินเบื้องหน้า ป้ายเรืองแสงสีเขียวเหนือบานประตู ตัวอักษรสีขาวสี่ตัว เขาอ่านคำคำนั้นออกมาเป็นเสียงรำพึง --- ลูป
อีกฝ่ายดันประตูเปิดได้อย่างง่ายดาย มันไม่จำเป็นต้องล็อก เพราะภายในห้องลูป เรียกได้ว่ายิ่งกว่าระบบรักษาความปลอดภัยเสียอีก
เบื้องหลังประตูบานนี้คือห้องสี่เหลี่ยมจัตุรัสเล็กกะทัดรัด มีประตูอีกหนึ่งบานอยู่ฝั่งตรงข้ามห้อง
"นี่น่าจะเป็นห้องเตรียมการ"
อีกฝ่ายบอก
"หลังจากบานประตูบานนั้นไป"
อีกฝ่ายอดใจสาธยายไม่ได้ แม้เขาจะจำได้ขึ้นใจแล้ว
"เอกสารลับสุดยอดที่ว่าอยู่ในห้องลูป ข้างในเอกสารลับคือสิ่งที่เราสันนิษฐานว่าเป็นสูตรสำเร็จยาต้านไวรัส เพื่อมวลมนุษยชาติ --- มันน่ะโคตรจะซาดิสม์ สร้างทั้งเชื้อไวรัสระบาดไปทั่วทั้งโลก แถมยังสร้างห้องลูปเพื่อเก็บรักษาสูตรสำเร็จยาต้านไวรัสอีกที มันกะจะไม่ให้ใครได้รับการรักษาเลยหรือไงกัน เพื่อที่มันจะได้คิดว่าตัวเองครองโลกใบนี้ไว้ในกำมือได้สำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วน่ะนะ"
เขาแค่นิ่งฟัง เตรียมใจเผชิญหน้ากับสิ่งที่อยู่เบื้องหลังบานประตูนี้ไป
"หลังจากที่เราก้าวเข้าห้องลูปไปแล้ว"
อีกฝ่ายอธิบายต่อเนื่อง
"เราจะลืมทุกสิ่งอย่างที่มีมาในชีวิต รวมถึงชีวิตในห้องลูปก็ด้วย แทบจะเรียกได้ว่าลืมทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาแต่ละวินาทีเลยก็ย่อมได้"
"และยังเชื่อว่ามีสัตว์ประหลาดดัดแปลง"
เขาเสริมต่อทันใด
"ที่มันประดิษฐ์ขึ้นมา เพื่อช่วยรักษาเอกสารลับสุดยอดที่ว่านั่นด้วย มันมีชื่อเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า 'มิวต์'"
อีกฝ่ายหันมอง พร้อมกับคลี่ยิ้ม
"นายจะย้ำเพื่ออะไรกัน ทำอย่างกับว่าการย้ำรอบนี้ จะทำให้ฉันที่อยู่ข้างในห้องลูป จำได้ไม่มีทางลืมอย่างไรอย่างนั้นแน่ะ"
เขาขยับเข้าใกล้อีกฝ่าย มองเห็นเงาสะท้อนของตัวเองอยู่ในดวงตาคู่นั้น
มือข้างขวาของเขายกขึ้นทาบแก้ม
"ไม่มีใครอยากลืมเรื่องราวในชีวิตตัวเองหรอก"
น้ำเสียงอ่อนปลอบประโลมสภาพจิตใจย่ำแย่ของพวกเขาทั้งสอง
"พร้อมนะ"
อีกฝ่ายเอ่ยถาม
ตามจริงแล้ว เขาไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองพร้อมพอ เมื่อมายืนอยู่จุดนี้ อย่างไรเขาก็ต้องพร้อมเสมออย่างเลี่ยงไม่ได้ และไม่มีทางเลือกให้ปฏิเสธ
เขาแบมือข้างที่สวมถุงมือ ก้มมองกระดาษที่เย็บติด อ่านข้อความคำสั่งการนั้น 'ค้นหาเอกสารลับสุดยอด' ต่อให้ลืมเหตุผลของมัน พอได้เห็นข้อความนี้ ก็จะสามารถทำตามโดยไม่ต้องหาเหตุผลของมัน วิธีที่จะไม่ทำให้ถูกลืมไปว่าตัวเองมาทำอะไรในที่แห่งนี้
เขาสูดหายใจลึกถึงปอด ก่อนพยักหน้า
อีกฝ่ายดันประตูบานนั้นเปิดเข้า เขาก้าวเท้าแรกเข้าไปในห้องลูปตามทีหลัง
ติดตามงานเขียนเรื่องสั้นอื่นๆ ได้ที่
โฆษณา