ทีแรกตั้งใจว่าจะตั้งชื่อบทความนี้ว่า a book and I นั่นคือ ‘a reader’ ในชื่อเรื่องนั้นหมายถึงตัวเราเอง
เริ่มอ่านหนังสือของสำนักพิมพ์ a book ตอนเรียนอยู่มหาวิทยาลัย ช่วงปี 2552 คิดว่าน่าจะพร้อมๆ กับที่เริ่มอ่านนิตยสาร a day แต่ตอนแรกไม่รู้ว่าอยู่ในเครือเดียวกัน เป็นช่วงที่ได้อยู่หอคนเดียว แต่ก็มีร้านหนังสือไว้เดินเล่นแก้เบื่อ เลยได้มีหนังสือใหม่ๆ ซื้ออ่านอยู่บ่อยๆ
ตอนแรกก็เลือกอ่านจากชื่อหนังสือ จากเนื้อหา แต่พอมาสังเกตจากชั้นหนังสือที่ห้องก็ปรากฏว่าเป็นหนังสือที่มาจากสำนักพิมพ์เดียวกันอยู่หลายเล่ม หนึ่งในสำนักพิมพ์เหล่านั้นก็คือ ‘สำนักพิมพ์ a book’
จำไม่ได้ว่าหนังสือเล่มแรกที่ซื้อคือเรื่องอะไร แต่ช่วงเวลานั้นรู้สึกว่าหนังสือของ a book มันตรงกับจริตและความชอบของเรามาก แต่ละเล่มมีเนื้อหาที่ช่วยส่งเสริมความหวังและความฝันของเราในวัยนั้น หนังสือที่เป็นทั้งรูปแบบความเรียง บันทึกประสบการณ์ชีวิตที่ให้กำลังใจต่างๆ
เมื่อเวลาผ่านไปอาจเป็นช่วงหลังเรียนจบ (ปี 2555) ความสนใจ ความคิดของเราเริ่มเปลี่ยน ไปสนใจเรื่องอื่นๆ เปลี่ยนประเภทหนังสือที่อ่าน ทำให้ไม่ได้อ่านหนังสือของ a book เป็นเวลานานหลายปี ซึ่งในระหว่างนั้นสำนักพิมพ์เค้าก็ออกหนังสือใหม่ๆ นักเขียนใหม่ๆ มาเรื่อยๆ แต่ตอนนั้นเหมือนเราอยู่คนละโลกที่ทำได้เพียงแค่รับรู้ถึงการมีอยู่จากการไปเดินดูตามร้านหนังสือบ้าง จากสื่อโซเชียลบ้าง แต่ก็ไม่ได้หยิบมาอ่าน
พอมาถึงตอนนี้ในปี 2562 เราได้กลับมาอ่านหนังสือของ a book อีกครั้ง ทั้งเล่มเก่าที่อ่านจบแล้วนำกลับมาอ่านอีก เช่น wake up! , ป๋าไม่กลัวน้ำร้อน , ตำรา 101 หรือหนังสือเก่าที่เค้าออกมาตั้งนานแล้วแต่เราเพิ่งรู้จักซึ่งยากสำหรับเราที่ต้องไปสรรหาซื้อมา ที่ว่ายากก็เพราะหลายเล่มไม่มีขายในร้านหนังสือทั่วไปแล้ว ถ้ามีก็คือเหลือน้อยมาก
ตัวอย่างเช่น BON EN VOYAGE ของ บองเต่า หรือต้องสั่งซื้อจากสำนักพิมพ์ (อันนี้ยังดีที่สำนักพิมพ์ยังมีสต็อกเหลืออยู่) เช่น Present Perfect ของ ฌอห์ณ จินดาโชติ , เกิดเป็นนักข่าว ต้องใส่รองเท้าวิ่ง ของ นภพัฒน์จักษ์ อัตตนนท์ ไม่อย่างนั้นต้องไปหาตามร้านหนังสือมือสองวัดดวงเอา หรือจะเป็นหนังสือออกใหม่ (หรืออาจไม่ใหม่มาก) อย่าง เถื่อนแปด ของ วรรณสิงค์ ประเสริฐกุล, SCHOOL A LA CARTE การศึกษาภาค (อย่า) บังคับ, ยุโรปมืด แล้วยังมีเล่มใหม่ๆ ที่เราก็เล็งไว้อีกหลายเล่ม
มาลองคิอดูว่าทำไมช่วงนี้ถึงได้กระหน่ำอ่านหนังสือมากมายขนาดนี้ อาจเป็นเพราะช่วงนี้ว่างจัด หรือพอมีช่วงเวลาให้กับการค้นหาตัวเอง การกลับมาอ่านหนังสือของ a book อีกครั้ง รู้สึกว่านอกจากได้กลับมาพบเจอพูดคุยกับเพื่อนเก่าก็ยังได้ออกเดินทางทางด้านความคิดเพื่อค้นหาตัวเองอีกครั้ง หรืออาจเป็นเพราะการได้กลับมาหาเพื่อนเก่าคนนี้ที่ทำให้เรารู้สึกอยากแสวงหาบางสิ่งที่เราหลงลืมไปก็เป็นได้