9 ธ.ค. 2022 เวลา 08:15 • กีฬา
#MainStand : วิถีแซมบ้า : ทำไมนักเตะบราซิลถึงชอบเต้นหลังยิงประตู
ลีลาการยักย้ายส่ายสะโพกของทัพนักเตะทีมชาติบราซิลนับเป็นภาพที่คุ้นตาที่แฟนบอลจะได้เห็นทุกครั้งในศึกฟุตบอลโลก ซึ่งที่กาตาร์ครั้งนี้ก็มีให้เห็นกันไปแล้ว ทว่ากลับตามมาด้วยเสียงวิจารณ์บางส่วนที่มองว่าการเต้นแบบนี้เหมือนเป็นการดูหมิ่นและไม่ให้เกียรติคู่แข่ง
แท้จริงแล้วการเต้นแซมบ้าของพวกเขามีที่มาที่ไปอย่างไร แล้วทำไมนักเตะบราซิลจึงชอบเต้นกันหลังยิงประตู ... ทุกอย่างล้วนมีที่มา
.
การเต้นรำถือเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผู้คนชาวบราซิลก็ว่าได้ ถึงขนาดมีคำพูดติดตลกกันในบราซิลว่า “เด็กทารกสามารถเต้นแซมบ้าได้ตั้งแต่ยังไม่รู้จักการเดินด้วยซ้ำ” เพราะวิถีแซมบ้าและการเต้นรำนั้นแทบจะเป็นส่วนหนึ่งของลมหายใจพวกเขาตั้งแต่เกิด
1
ย้อนกลับไปในอดีต ยุคสมัยที่บราซิลยังเป็นอาณานิคมของโปรตุเกสช่วงปี ค.ศ.1500-1822 เวลานั้นชาวโปรตุกีสในฐานะผู้ปกครองได้นำแรงงานทาสชาวแอฟริกันจากแองโกลา เข้ามากักขังที่นี่จำนวนมาก
ชาวแอฟริกันเหล่านี้ล้วนมีประเพณีทางศาสนาเป็นของตัวเอง โดยส่วนใหญ่จะใช้การร้องเพลงและเต้นรำในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ทั้งการบูชาเทพเจ้าและขอพรจากบรรพบุรุษ หรือ “Kusamba” ซึ่งหมายถึงการอธิษฐาน อีกทั้งยังมีรูปแบบการเต้นรำในสไตล์ท้องถิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ที่เรียกว่า “Semba” ตามภาษา African Bantu
1
การเต้นรำรูปแบบนี้จะเน้นการส่ายสะโพกตามจังหวะที่สนุกสนาน โดยฝ่ายชายจะคล้องสะโพกฝ่ายหญิงเข้ามาแนบชิดโดยที่ช่วงท้องระดับสะดือจะสัมผัสกันและกัน ... ทว่าเมื่อพวกเขาย้ายมาอยู่ในบราซิล ทางรัฐบาลโปรตุเกสได้บังคับให้ทาสเหล่านี้เปลี่ยนมาเป็นคริสเตียนและขัดขวางไม่ให้มีการบูชาเทพเจ้าตามประเพณีเดิม ชาวแอฟริกันเหล่านี้จึงต้องปฏิบัติศาสนกิจอย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ รวมถึงการเต้นรำด้วยเช่นกัน
กาลเวลาผ่านไป ดินแดนบราซิลได้กลายเป็นที่อาศัยของผู้คนหลายชนเผ่าและเชื้อชาติ ทั้งชนพื้นเมืองเดิม ชนชาติที่ถูกกดขี่จากแแอฟริกา ตลอดจนผู้อพยพจากยุโรป (ส่วนใหญ่เป็นชาวโปรตุเกส) วัฒนธรรมหลากหลายจึงค่อย ๆ หลอมรวมผสมกลมกลืนเข้าหากัน มีดนตรีมากมายเกิดขึ้นตามแต่ละภูมิภาคในสไตล์ที่แตกต่างกัน ... เช่นเดียวกับ “Semba” ที่ถูกผสมผสานกับดนตรีรูปแบบอื่น ๆ จนกลายเป็นจังหวะ “Samba” ในปัจจุบัน
1
กระทั่งบราซิลได้รับเอกราชในปี 1822 ดนตรีเหล่านี้จึงเปิดเผยอย่างแพร่หลายมากขึ้น โดยระยะแรกนั้น ดนตรีและการเต้นรำแซมบ้าในบราซิลยังเป็นของคนยากจนที่ใช้ร้องเต้นเพื่อความบันเทิงคลายเครียดจากชีวิตประจำวัน
ผู้คนชาวบราซิลส่วนใหญ่ทำงานหนักเฉลี่ย 44 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ จันทร์-ศุกร์ วันละ 8 ชั่วโมง และวันเสาร์อีก 4 ชั่วโมง ยังไม่รวมการทำงานล่วงเวลาที่เพิ่มเข้ามา จึงไม่เหลือเวลาสำหรับความสนุกมากนัก ... ความเพลิดเพลินเพียงไม่กี่อย่างที่จะหล่อเลี้ยงจิตใจพวกเขาได้ก็คือการเต้นรำ และสไตล์อันสนุกสนานของดนตรีแซมบ้าก็ตอบโจทย์ได้อย่างดี
ด้วยท่วงทำนองอันเร้าใจและท่ายักย้ายส่ายสะโพกที่พริ้วไหว ทำให้คนชั้นกลางและคนชั้นสูงเริ่มหันมาสนใจดนตรีแซมบ้ากันมากขึ้น และนำไปสู่การสอนเต้นแซมบ้ากันแบบเป็นเรื่องเป็นราว จนมีการก่อตั้งโรงเรียนสอนการเต้นแซมบ้าอย่างเป็นทางการในกรุงริโอ เดอ จาเนโร ... ดนตรีแซมบ้าจึงขยายวงกว้างและกลายเป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของประเทศไปในที่สุด
ผู้คนบราซิลมักจะใช้เวลาช่วงบ่ายวันเสาร์หลังเลิกงานมาเต้นรำปาร์ตี้ คลอเคล้าด้วยบาร์บีคิวและดนตรีบรรเลงในจังหวะแซมบ้า ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาของครอบครัวที่พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตายาย และลูกหลาน จะมาพร้อมหน้ากัน ... การเต้นรำและวิถีแซมบ้าจึงเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผู้คนบราซิลตั้งแต่จำความได้
2
มันไม่เพียงแค่สร้างความสนุกสนานเพลิดเพลินเท่านั้น แต่ยังเปรียบเสมือนการละลายพฤติกรรมและเชื่อมสัมพันธไมตรีของผู้คนด้วย
มีสำนวนภาษาโปรตุกีสกล่าวไว้ว่า “Tudo acaba em samba” หรือหมายถึง “ทุกอย่างจบลงด้วยแซมบ้า” ... กล่าวคือ ไม่ว่าคุณจะเครียดมาจากไหน หรือมีความบาดหมางระหว่างกันมากขนาดไหน ในตอนท้ายของวันพวกเขาจะผ่อนคลายด้วยวิธีเดียวกัน นั่นคือการเต้นรำอย่างใกล้ชิดที่ห้องโถงในท้องถิ่น
จึงไม่แปลกใจเลยที่เหล่าบรรดานักเตะบราซิลจะใช้ท่าเต้นแซมบ้าและการยักย้ายส่ายสะโพกแสดงออกหลังยิงประตูได้ไม่ว่าจะยุคสมัยใด ... เพราะมันไม่ใช่การดูถูกเหยียดหยามคู่แข่งแต่อย่างใด แต่เป็นการแสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตและอัตลักษณ์ที่พวกเขาภาคภูมิใจต่างหาก
1
บทความโดย ชมณัฐ รัตตะสุข
โฆษณา