Blockdit Logo (Mobile)
sydNEY: The Storiographer
•
9 ธ.ค. 2022 เวลา 08:49 • ความคิดเห็น
Anxity สังเกตตัวเองยังไงบ้างคะ ?
ผมมองว่า
1) ความวิตกกังวลรวมถึงความเครียดเกิดจาก
“ความไม่สมดุลระหว่าง ความคิด กับ การลงมือทำ”
1.1) “คิดมากกว่าทำ”
ผมขอยกตัวอย่างง่ายๆว่า
คุณมีงานสำคัญต้องทำหลายอย่างที่ต้องไปทำให้ลุล่วงในหลายสถานที่
แต่รถของคุณกำลังติดไฟแดงอยู่ที่แยกใหญ่ๆ
ตอนนี้ในสมองของคุณ “เต็มไปด้วยความคิด” มากมาย แต่คุณทำอะไรไม่ได้มากเพราะคุณยังนั่งอยู่ในรถที่กำลังติดไฟแดงอยู่!
สถานการณ์เช่นนี้อาจนำมาซึ่ง Anxiety ได้
แน่นอนว่า “สติ” จะเป็นตัวเตือนคุณว่า
“ขณะนี้ ความสมดุลระหว่างความคิดกับการลงมือทำ” ได้เสียสมดุลไปเรียบร้อยแล้ว
อะไรก็ตามที่คุณยังลงมือทำไม่ได้ ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะไปคิดถึง
ผมเองจะมีผ้า microfibres ผืนเล็กๆอยู่ผืนหนึ่งที่ชุบนำ้พอหมาดๆ วางไว้ในรถ
เมื่อติดสัญญาณไฟตามแยกต่างๆ ผมจะนำผ้าผืนนั้นมาเช็ดถูพวงมาลัยรถและคันเกียร์ขณะรอไฟเขียว
แล้วถ้ามีเวลาพอ ผมมักวางแผนการที่จะทำธุระไว้คร่าวๆ ในขณะที่มือผมยังจับผ้าผืนนั้นทำความสะอาดรถไปอย่างมีสติ
1.2) “อยากทำแต่ยังทำไม่ได้ เพราะยังไม่มีความคิดดีๆ”
ผมเชื่อว่าทุกคนล้วนอยากทำงานที่สร้างรายได้มหาศาลจนรำ่รวยได้ในระยะเวลาอันสั้นด้วยกันแทบจะทุกคน
แต่คำตอบที่มาจากความคิดดีๆ ให้ได้มาซึ่งความมั่งคั่ง มักไม่ได้มาโดยง่ายในเวลาอันสั้น
ด้วยเหตุนี้ก็อาจนำมาซึ่ง Anxiety ได้!
ผมเคยได้ยินเรื่องเล่าว่า
มีนักดาบฝึกหัดคนหนึ่งไปขอให้อาจารย์สอนวิชาดาบขั้นสูงให้ โดยนักดาบขอให้ท่านอาจารย์ถ่ายทอดวิชาให้สำเร็จอย่างรวดเร็ว
1
อาจารย์บอกว่าต้องใช้เวลา 7 ปี
นักดาบบอกว่า เขาจะพยายามให้มากขึ้น
อาจารย์ตอบว่า งั้นต้องใช้เวลา 14 ปี
นักดาบบอกว่า เขาจะพยายามมากขึ้นอีก
อาจารย์ตอบว่า งั้นต้องใช้เวลา 21 ปี!
จนในที่สุด นักดาบยอมฝึกกับอาจารย์อย่างไม่มีข้อแม้เรื่องเวลาสำเร็จการศึกษา
จนเขาสำเร็จวิชานักดาบอย่างรวดเร็วภายในเวลาน้อยกว่า 7 ปี! และเขากลายเป็นนักดาบฝีมือดีที่สุดจนกลายเป็นตำนาน!
1
2) โปรดจำไว้ว่า
“ใจ” ก็เปรียบเหมือนกับ “มือ”
“ชีวิตเปรียบเหมือนมือที่กำและแบ” คือจะกำตลอดก็ไม่ได้ จะแบตลอดก็ไม่ได้ ต้องรู้ว่า ถ้าเมื่อไหร่กำแล้วงานสำเร็จชีวิตมีความสุข เมื่อไหร่แบแล้วงานก็ยังสำเร็จชีวิตก็ยังมีความสุข! คือเดินทางสายกลางแต่ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง
3) แผนภาพนี้อาจช่วยเตือนสติให้ได้ครับ
4) หนทางแห่งสติ
[sydNEY] 1) โดยพื้นฐานแล้วคือการ “รู้เห็น” (awareness) ครับ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในอิริยาบถไหนก็เป็นสมาธิได้ ผมมองว่า สมาธิคือการเป็นหนึ่งเดียวของจิตที่ตามรู้ความเป็นไปที่เกิดขึ้นจริงทั้งทางกายและจิตเอง เช่น ถ้าคุณเลือกที่จะนั่งสมาธิ คุณรู้สึกถึงความอ่อนแข็ง ร้อนเย็น ของพื้นที่นั่ง คุณได้ยินเสียงรอบข้าง และคุณรับรู้ถึงสิ่งที่ประสาทสัมผัสต่างๆบอกคุณ
เรียนรู้เพิ่มเติม
blockdit.com
[sydNEY] 1) โดยพื้นฐานแล้วคือการ “รู้เห็น” (awareness) ครับ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในอิริยาบถไหนก็เป็นสมาธิได้ ผมมองว่า สมาธิคือการเป็นหนึ่งเดียวของจิตที่ตามรู้ความเป็นไปที่เกิดขึ้นจริงทั้งทางกายและจิตเอง เช่น ถ้าคุณเลือกที่จะนั่งสมาธิ คุณรู้สึกถึงความอ่อนแข็ง ร้อนเย็น ของพื้นที่นั่ง คุณได้ยินเสียงรอบข้าง และคุณรับรู้ถึงสิ่งที่ประสาทสัมผัสต่างๆบอกคุณ
1) โดยพื้นฐานแล้วคือการ “รู้เห็น” (awareness) ครับ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในอิริยาบถไหนก็เป็นสมาธิได้ ผมมองว่า สมาธิคือการเป็นหนึ่งเดียวของจิตที่ตามรู้ความเป็นไปที่เกิดขึ้นจริงทั้งทางกายและจิตเอง เช่น ถ้าคุณเลือกที่จะนั่งสมาธิ คุณรู้สึกถึงความอ่อนแข็ง ร้อนเย็น ของพื้นที่นั่ง คุณได้ยินเสียงรอบข้าง และคุณรับร…
โฆษณา