9 ธ.ค. 2022 เวลา 14:19 • ความคิดเห็น
เรื่องราวอดีต..มันล้วนเก็บอยู่ใต้จิตสมนึก เมื่อประมาณสักสองปีที่แล้ว มันก็มีเรื่องของสมัยที่เราเรียนชั้นอนุบาล ขึ้นป ๑ ป.๒ ..อะไรนี่แหละ ..อยู่มันก็ผุดขึ้นมา เรื่องยายผมเปีย ..ที่ล้อกันแบบเด็ก ..อยู่ดีๆมันก็ผุดมาเสียงั้นแหละ เผลอคิดไปตามอารมณ์แบบเด็กๆ ..ทั้งที่นี่ก็แก่แล้วน่ะเนี่ย เราก็พยายามทำใจนิ่งดูเฉย.. พยายามทำความเข้าใจ ในเรื่องราวที่เค้าว่า ตาเห็นรูป หูบันทึกเสียง..ก็พยายามทำใจเฉยๆ ..อยู่ๆมันก็มีอารมณ์สมัยเด็กนี้ออกมา..
..เราพยายามทำใจเฉยๆ ค่อยๆดู ..ดูกระแส..ที่มันบางๆ ค่อยดึงจิตให้เราไหล ไปกับอารมณ์ เหมือนมีอำนาจแม่เหล็ก ค่อยดึงกระแสจิตเราไป…เราก็พยายามทำใจนิ่งๆ แต่กระแสแม่เหล็กนั้นก็แรง เผลอสติเมื่อไหร่ อารมณ์สมัยเด็กก็เข้ามามาก..ต้องกลั้นใจ ..หยุดอารมณ์นั่นก่อน แล้วก็เปลี่ยนกิริยา ไปทำอย่างอื่น พออยู่เฉยๆ
..ทำอะไร เพลิน..อารมณ์ตอนเด็กนี้ก็มาอีก ..มันจะให้เราหลงใหล ยึดจมเเรื่องราวอดีตให้ได้.. เราก็ค่อยดู ทำความเข้าใจ ในเรื่องที่ว่า สิ่งต่างๆ ที่เราใช้วิญญาณทั้งหก ไปเห็นไปเก็บเรื่องราวต่างๆ นั่นมันเก็บลงไปที่จิตใต้สำนึก ที่ธาตุทั้งสี่ ..พอมันไหลออกมา ..จิตเราก็ไปยึดอารมณ์นั่น เหมือนอำนาจแม่เหล็กดูดกระแสจิตไปกับอารมณ์ .
เราจึงต้องพยายามฝืน ใช้สติของตน ดึงจิตมาอยู่ที่ลมหายใจ..ไม่ไปตามอารมณ์ ..เพราะถ้าเราปล่อยจิต..ปล่อยอารมณ์เพลิดเพลิน ยิ่งคิดอารมณ์ก็ยิ่งปรุงแต่ง หลงใหล..อุปโลกน์เรื่องราวอดีต จิตเราก็หลงใหลยึดถือ..นี่ก็เป็นเรื่องอารมณ์ที่เราสะสมเก็บบันทึก อยู่กับธาตุทั้งสี่
แม้อยู่กับปัจจุบันจนแก่ ..ก็ยังกลับไปคิดถึงเรื่องราวสมัยอนุบาลเลย. นั่นเค้าว่า เป็นมายาของอารมณ์ ที่ไหลเอาเรื่องราวอดีตขึ้นมา แล้วจิตเราหลงใหล ในสิ่งที่เป็นมายาอดีตนั่นมั้ย..ยึดเมื่อไหร่ มันปรุงแต่งไปเรื่อย..ๆ จิตมันก็เลยจมกับเรื่องราวอดีตที่อารมณ์เก่าๆ นั้นผุดออกมา .. สติมันก็ไม่ค่อยจะมาอยู่กับเรื่องที่จำต้องทำปัจจุบัน เดี๋ยวลืมเลือน ของวางตรงนั้น ตรงนี้..เพราะสติมันไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนี่เอง..
โฆษณา