9 ธ.ค. 2022 เวลา 22:43 • ความคิดเห็น
บางคน นึกถึงอดีตเพื่อสะท้อนมายังปัจจุบันเพื่อสร้างการเติบโตจากปัญหาที่เคยเกิดขึ้นในอดีต และส่งต่อไปยังแผนในอนาคต เพื่อพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องเป็น Cycle
จดบันทึกสิ่งที่เป็นปัญหาในทุกวัน สะสมไว้เพื่อนำไปปรับปรุงให้มันดียิ่งขึ้นกว่าอดีตที่เคยล้มเหลว หรือ ปัจจุบันที่มันยังไม่สมบูรณ์แบบ
เพราะคนเรามักจะนิยมใน”ความสมบูรณ์แบบ”
ทำให้บางคน อาจมีบางสิ่งบางอย่าง ที่ตัวเองยอมรับไม่ได้ รู้สึกไม่เคลียร์ จึงพยายามหมกมุ่นค้นหาคำตอบ คลี่คลายปมปัญหาบางอย่าง พยายามทำความเข้าใจกับมันจนไม่ไปไหนซะที เพราะไม่ได้แยกแยะปัญหาว่าอันไหนที่มันแก้ได้ หรือ แก้ไม่ได้
บางคน อาจหมกมุ่นครุ่นคิดหนัก จนกลายเป็นซึมเศร้าเพราะยังยึดติดกับสิ่งร้ายๆที่ตัวเองเจอมา เช่นการถูกปฏิเสธ หรือ การไม่ถูกยอมรับในสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต
1
การนึกถึงอดีตมันมีทั้งแง่ดี และ ไม่ดี ขึ้นอยู่กับมุมมองของเรา ว่าเรามองแบบไหน → มองในเชิงบวก หรือ เชิงลบ
หากเราสามารถปรับบาลานซ์ได้ มันก็เกิดประโยชน์ แต่มันก็เหมือนดาบสองคม เพราะมุมมองของคนเรามันมีหลากหลาย
1
คนที่มองในเชิงบวกก็อาจได้กำไรจากความสามารถในการปรับประยุกต์ใช้เพื่อให้มันเกิดประโยชน์
คนที่มองเชิงลบก็คงขาดทุนกันไป เพราะความจมปลัก หรือหมกมุ่นอยู่กับการแก้ไขปัญหาที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของตัวเอง → กลุ่มคนเหล่านี้ต้องคอยเช็คตัวเองดีๆว่าเรากำลังเป็นโรค “Perfectionist”อยู่หรือไม่?
การอยู่กับปัจจุบันเป็นคำพูดที่คลาสสิคเพราะมันถูกยอมรับด้วยคนส่วนใหญ่ ที่เอาไว้ใช้เป็นเครื่องมือเตือนสติมนุษย์ผู้มีจิต มีความรู้สึกนึกคิด ที่ไวยิ่งกว่าจรวด
การอยู่กับอดีต ปัจจุบัน อนาคต…
→ เราคิดว่ามันไม่มีอะไรผิดถูก ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับมุมมอง และ SKILL ในการปรับสมดุลชีวิตของแต่ละคน..
เราอยาก”จม”หรืออยาก”ลอยอยู่เหนือ” เพื่อมองมันอย่างสวยงาม เราสามารถเลือกได้ตามความพึงพอใจของเรา
1
โฆษณา