10 ธ.ค. 2022 เวลา 06:42 • กีฬา
ทำไมเต็งหนึ่งบราซิลตกรอบฟุตบอลโลก ความผิดพลาดมันอยู่ที่ตรงไหน วิเคราะห์บอลจริงจังจะเล่าให้ฟัง
192
20 ปี ติดต่อกัน ที่บราซิลไม่สามารถคว้าแชมป์โลกได้สำเร็จ คืออย่าว่าแต่ได้แชมป์เลย แค่รอบรองยังไปแทบไม่ถึง
2006 - แพ้ฝรั่งเศส (รอบ 8 ทีม)
1
2010 - แพ้เนเธอร์แลนด์ส (รอบ 8 ทีม)
3
2014 - แพ้เยอรมนี (รอบรอง)
2
2018 - แพ้เบลเยี่ยม (รอบ 8 ทีม)
3
2022 - แพ้โครเอเชีย (รอบ 8 ทีม)
5
ข้อสังเกตก็คือ การตกรอบทุกครั้ง มาจากน้ำมือทีมจากยุโรปทั้งหมด ในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา ในรอบน็อกเอาต์ของฟุตบอลโลก บราซิลไม่เคยชนะคู่แข่งจากทวีปยุโรปได้เลยแม้แต่เกมเดียว
7
คือถ้าเจอคู่แข่งทวีปอื่น บราซิลไม่มีปัญหา ชนะได้ แต่พอเจอทีมจากยุโรปปั๊บ แท็กติกต่างๆ ที่วางไว้ จะใช้ไม่ได้ผลเลย และพังพินาศทุกที เหตุการณ์วนลูปแบบนี้ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
5
ทำไมเป็นแบบนั้น? ถ้าเป็นทีมจากทวีปอื่น มักจะมาสู้ด้วยความสามารถเฉพาะตัว เน้นทักษะ Individual ซึ่งยังไงบราซิลก็ข่มเยอะ แต่พอต้องมาสู้ด้วยระบบแบบแผน สู้ด้วยแท็กติกของฝั่งยุโรป โค้ชบราซิลยังสู้ไม่ได้
4
ถ้าคุณมีผู้เล่นบัลลงดอร์ 3 คนพร้อมกันในทีม เหมือนปี 2002 ก็อาจเป็นกรณียกเว้น (โรนัลโด้, โรนัลดินโญ่, ริวัลโด้) คุณอาจใช้ความสามารถเฉพาะตัวถล่มคู่แข่งได้ แต่ถ้าตัวผู้เล่นไม่ได้สุดยอดขนาดนั้น แล้วโค้ชแท็กติกไม่ละเอียดพอ ก็เกมโอเวอร์ได้ทันที
3
สำหรับบอลโลก 2022 บราซิลมาในฐานะเต็งหนึ่งก็จริง แต่การเลือกไลน์อัพ 26 ขุนพล ของเฮดโค้ชตีตี้ ก็โดนวิจารณ์เยอะแต่แรกว่าขาดความรอบคอบเกินไป
3
ตัวอย่างเช่น การไม่เลือกโรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ เข้ามาติดทีมด้วย ทั้งๆ ที่มีผลงานในซีซั่นนี้ ทั้งยิง และแอสซิสต์ มากกว่าตัวเลือกอื่นๆ อย่าง กาเบรียล มาร์ติเนลลี่, กาเบรียล เชซุส และ ริชาร์ลิซอน เสียอีก
8
ตำแหน่งกองหน้า 9 คน ที่ตีเต้เลือก แทบทุกคนเป็นสายสปีดทั้งนั้น อาจจะมีเปโดร กองหน้าของฟลาเมงโก้ ที่แตกต่างจากคนอื่น แต่อย่าลืมว่า เปโดรไม่เคยเล่นในลีกยุโรป เวลาเจอทีมยุโรป เขาจะเล่นออกไหม นี่คือคำถาม
4
ถ้าหากเอาฟีร์มีโน่ ที่เล่น False 9 มาด้วยสักคน แถมอยู่ในฟอร์มที่ดี อาจสร้างความแตกต่างในแนวรุกได้ ถ้าหากเจอคู่แข่งแพ็กแน่นๆ ก็ยังอาจใช้ทักษะในการเชื่อมเกมของฟีร์มีโน่ สร้างประโยชน์ได้ แต่ก็นั่นล่ะ ตีตี้ มั่นใจในทีมตัวเอง ก็เลยไม่ได้เรียกมาด้วย
8
และอีกหนึ่งเคส คือดานี่ อัลเวส อายุ 39 ปัจจุบันเล่นอยู่ในลีกเม็กซิโก คือเอาจริงๆ แบ็กขวาบราซิลทั้งประเทศ ไม่มีดีกว่านี้แล้วหรือ เหมือนตีตี้เลือกมา เพราะอยากมีปูชนียบุคคลเอาไว้ในทีมแค่นั้นเอง ในสถานการณ์จริง ที่ทีมต้องใช้งานแบ็กขวา เราก็เห็นว่าตีตี้ไม่ได้เชื่อใจอัลเวสขนาดที่จะส่งลง
2
แน่นอน ถ้าคุณเลือก 26 นักเตะมาแล้ว ทีมชนะ คุณก็จะได้รับคำสรรเสริญ แต่เมื่อเลือกมาแล้วทีมไม่ชนะ คนก็ต้องวิจารณ์การตัดสินใจเป็นธรรมดา
3
นั่นคือเรื่องของโค้ช ขณะที่สหพันธ์ฟุตบอลบราซิล (CBF) ก็มีความย่ามใจอย่างมาก พวกเขารู้ทั้งรู้ ว่าทีมชาติมีปัญหาเสมอในการเล่นกับยุโรป เจอทีไรในรอบน็อกเอาต์ก็แพ้ทุกที แต่แทนที่จะหาโปรแกรมอุ่นเครื่องเจอทีมยุโรปบ่อยๆ ให้นักเตะได้คุ้นเคย แต่บราซิลไม่ได้สนใจตรงนี้เลย
1
ตั้งแต่แพ้เบลเยี่ยม ในฟุตบอลโลก 2018 ผ่านมา 4 ปีครึ่ง จนถึงวันออกสตาร์ตฟุตบอลโลก บราซิลลงเล่นกับทีมจากยุโรปไป 1 นัดถ้วน (26 มีนาคม 2019 ชนะ สาธารณรัฐเช็ก 2-1) คือไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจ หรือสร้างความคุ้นเคยให้ผู้เล่นอะไรเลย
4
คือกะวัดกันหน้างานเลย คิดว่ายังไงตัวผู้เล่นก็อยู่ในลีกยุโรปอยู่แล้ว เจอทีมยุโรปคงจะเล่นได้ แต่ เราก็รู้กันอยู่ว่ามันไม่ง่ายขนาดนั้น
2
บราซิลเริ่ม 2 เกมแรกในรอบแบ่งกลุ่ม อาจจะชนะเซอร์เบีย 2-0 และ ชนะสวิตเซอร์แลนด์ 1-0 ก็จริง แต่สิ่งที่เราเห็นคือ พวกเขาชนะแบบเหนื่อย นี่ขนาดสองทีมนี้เป็นระดับเกรดบีของยุโรปยังเหนื่อยขนาดนี้ แล้วกับทีมที่เก่งขึ้นล่ะก็ จะรอดไหม
4
ส่วนประเด็นนอกสนาม ก็มีเรื่องให้กังวลใจอยู่บ้าง เพราะโค้ชไม่มีการเบรกนักเตะ ให้พูดถึงเรื่องการเมือง จนมีดราม่าที่ไม่จำเป็นเกิดขึ้น
3
ตัวอย่างเช่น ก่อนบอลโลกเริ่ม 2 สัปดาห์ เนย์มาร์ คีย์แมนของบราซิล ประกาศสนับสนุนนายชาอีร์ โบลโซนาโร่ ให้เป็นประธานาธิบดีสมัยต่อไป
2
โบลโซนาโร่ เป็นฝ่ายขวาจัด เป็นนายทหารเก่า และ เคยประกาศว่าจะบริหารประเทศตามหลักคำสอนของพระเจ้า ถ้าเทียบกับไทย ก็ฟีลแบบ พล.อ.ประยุทธ์นั่นเอง แน่นอนว่า คนส่วนใหญ่ในประเทศ ก็ไม่ค่อยชอบโบลโซนาโร่ คือจะไปเชียร์ ลูล่า ดา ซิลวา ผู้สมัครอีกคนที่มีนโยบายหัวก้าวหน้ามากกว่า
6
ลองคิดดูว่า ถ้าวันหนึ่งมีนักเตะไทยสักคน ประกาศว่า ผมสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์เต็มตัว มันจะมีดราม่าขนาดไหน ในเคสของเนย์มาร์ก็คล้ายกัน พอเขาประกาศจุดยืนทางการเมืองปั๊บ ทัวร์ก็ลงทันที
9
คือใช่ มันเป็นสิทธิ์ของคุณที่จะพูดอะไรก็ได้ จะชอบนักการเมืองคนไหนก็ได้ แต่ด้วยความที่บอลโลกมันใกล้เข้ามาแล้ว อีกไม่กี่วันจะเตะ ดราม่าที่ไม่จำเป็นก็ไม่ควรจะมาเกิดตอนนี้
2
พอเกิดประเด็นของเนย์มาร์มันทำให้บรรยากาศของแฟนบอล กับทีมชาติ ขาดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ในโลกออนไลน์เนย์มาร์โดนด่าเละเทะ
6
ท่ามกลางปัญหาทั้งมวล บราซิลก็ยังเข้ารอบด้วยการคว้าแชมป์กลุ่มมาได้ ตามด้วยถล่มเอาชนะเกาหลีใต้เละเทะ 4-1 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย พวกเขายังเป็นเต็งหนึ่งที่จะคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกเหมือนเดิม
1
แต่การเจอกับโครเอเชีย ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายนั้นแตกต่างกัน นี่ไม่ใช่คู่แข่งที่พร้อมให้เชือด
โครเอเชีย คือรองแชมป์โลกเมื่อบอลโลกครั้งก่อน พวกเขาไปไกลกว่าบราซิลซะอีก และนักเตะโครเอเชียรู้ดี ว่าเกมระดับนี้ต้องเล่นยังไง
1
ในทีมบราซิลทั้ง 26 คน ไม่มีใครเคยได้บัลลงดอร์ แต่ฝั่งโครเอเชียมีคนที่เคยได้มาแล้ว นั่นคือลูก้า โมดริช แม้จะอายุ 37 แต่ประสบการณ์ของเขามากพอ ที่จะประคองทีมให้เอาตัวรอดได้เสมอ
3
บราซิลจัดแผน ด้วยระบบ 4 กองหน้า มีราฟินญ่า, เนย์มาร์, วินิซิอุส และ ริชาร์ลิซอน ออกสตาร์ตตัวจริง ซึ่งก็เหมือนเกมที่ผ่านๆ มา และพอเล่นไปสักพัก โค้ชตีตี้ ก็จะเปลี่ยนเอาปีก ราฟินญ่า และ วินิซิอุส ออก ก่อนจะส่งพวกอันโตนี่, โรดริโก้ หรือ มาร์ติเนลลี่ ลงเล่นแทน กะใช้ความเร็วบี้ให้เละว่างั้นเถอะ
1
แต่โครเอเชีย รับมืออย่างสบายๆ พวกเขาบีบพื้นที่ ชิดผู้เล่นปีกทั้งหลาย ถ้าปีกเหล่านี้ ไม่มีพื้นที่ให้วิ่ง ก็สร้างประโยชน์อะไรไม่ได้เลย
3
เมื่อปีกเล่นไม่ได้ ความหวังก็ต้องอยู่ที่หน้าเป้าคือริชาร์ลิซอน กับหน้าต่ำเนย์มาร์ แต่ทั้งคู่มีร่างกายไม่สมบูรณ์ ริชาร์ลิซอนเจ็บกล้ามเนื้อ ส่วนเนย์มาร์เจ็บข้อเท้า เมื่อคุณไม่ฟิตร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็เป็นไปไม่ได้เลย ที่จะเลี้ยงผ่าน ยอสโก้ กวาร์ดิโอล และ เดยัน ลอฟเรน ที่กำลังมั่นใจมาก
5
90 นาที บราซิลเจาะไม่ได้ จบ 0-0 ต้องไปเล่นต่อเวลาพิเศษ คือทรงเกมบราซิลไม่ได้ดูดีกว่าโครเอเชียเลย อย่างไรก็ตาม พวกเขาได้ประตูนำ 1-0 จากความสามารถพิเศษของเนย์มาร์ ที่เล่นชิ่ง 1-2 กับ ปาเกต้า และโรดริโก้ จนหลุดเข้าไปล็อกหลบโกล์ ก่อนยิงมุมบน เข้าประตูไปอย่างเฉียบขาด
นี่เป็นประตู ที่ทำให้เขายิงเทียบเท่าเปเล่ ในนามทีมชาติ (77 ลูก) และมันควรเป็นประตูชัย ให้บราซิลผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศด้วย
2
แต่จุดเปลี่ยนสำคัญที่สุด เกิดขึ้นในนาที 105 กับการแก้เกมที่ผิดพลาดที่สุดของตีตี้
4
คือเอาจริงๆ ช่วงเวลา 15 นาทีที่เหลือ คุณเล่นดึงเวลา เล่นประคองตัว ก็น่าจะชนะแล้ว แต่เขากลับเลือกเปลี่ยนตัวแก้แผน
2
เขาตัดสินใจถอดเอแดร์ มิลิเตา ในตำแหน่งแบ็กขวาออก แล้วสลับเอาดานิโล่ที่เป็นแบ็กซ้ายตอนแรกไปยืนแทน ส่วนแบ็กซ้ายก็ส่งอเล็กซ์ ซานโดร ลงมาเล่น
รวมถึงถอดลูคัส ปาเกต้า ก่อนจะส่งเฟร็ดลงแทนในตำแหน่งเดียวกัน คือตั้งใจจะให้ไปเล่นร่วมกับคาเซมิโร่ เป็น Double Pivot ยืนกลางรับสองคน เอาให้แน่นๆ ไปเลยเพื่อปิดเกม
1
แต่นี่ล่ะ คือการเปลี่ยนตัวที่เป็นจุดตายของบราซิล ถ้าเราสังเกตดู จะเห็นว่าพอตีตี้ เปลี่ยนตัวเอาดานิโล่ไปยืนขวาปั๊บ (นาที 106) เฮดโค้ชโครเอเชีย ซลัตโก้ ดาลิช ดูเกมอยู่ครู่หนึ่ง แล้วใช้ไพ่ใบสุดท้าย คือมิโรสลาฟ ออร์ซิช ปีกซ้ายจากดินาโม ซาเกร็บ ลงเล่นแทน กองกลาง มาร์เซโล่ โบรโซวิช (เปลี่ยนลงนาที 114)
6
โครเอเชียเห็นแล้วว่า ดานิโล่ ที่ยืนแบ็กซ้ายมาทั้งเกม พอเปลี่ยนไปยืนแบ็กขวาทันที เกิดความสับสนในการยืนตำแหน่ง ดังนั้นเขาจึงส่งออร์ซิชมาบี้ริมเส้นฝั่งดานิโล่ น่าจะมีช่องให้โจมตีได้
4
เช่นเดียวกับการเปลี่ยนเฟร็ดลงไป แทนที่เฟร็ดจะช่วยเก็บบอลได้ เขากลับบุกขึ้นหน้า แล้วเสียบอลให้ยอสโก้ กวาร์ดิโอล จนโดนโครเอเชียจู่โจมกลับ ซึ่งตรงกลางก็โล่งโจ้งเลย เพราะเฟร็ดหายไปแล้ว เหลือแค่คาเซมิโร่คนเดียว
12
นาที 117 หลังการเปลี่ยนตัวออร์ซิชแค่ 3 นาที เมื่อเฟร็ดเสียบอล โครเอเชียโต้กลับมา บอลอยู่ที่ออร์ซิช วิ่งจี้ไปในเขตโทษ คราวนี้ดานิโล่มึนไปหมด ว่าจะยืนตรงไหนดี ทำให้ออร์ซิช มีเวลามหาศาลในการปาดเข้าไปให้เพื่อนตรงกลาง และเป็นเพ็ตโควิช ที่ยืนอยู่คนเดียว ได้ยิงประตูแฉลบมาร์กวินยอส ตีเสมอเป็น 1-1 คือที่เพ็ตโควิชได้ยิงโล่งขนาดนั้น ก็เพราะเฟร็ดไม่อยู่ตรงนั้นนั่นแหละ
ตีตี้โดนด่ายับ ว่าถ้าอยากเปลี่ยนมิลิเตาแบ็กขวาออก แล้วทำไมไม่ใช้แบ็กขวาธรรมชาติที่มีอยู่อย่างดานี่ อัลเวส หรือว่าเขาไม่มั่นใจในฝีเท้าของอัลเวสขนาดนั้น? มาใช้คนที่เล่นแบ็กซ้ายทั้งเกมไปยืนแทน ก็โดนลงโทษสิ
4
นอกจากนั้น คุณจะเปลี่ยนตัวเฟร็ดลงไปทำไม ในเมื่อมีกองกลางตัวรับธรรมชาติอย่างฟาบินโญ่อยู่ทั้งคน ถ้าจะรักษาสกอร์ 1-0 ก็ควรใช้คนที่เล่นเกมรับดีกว่าไม่ใช่หรือ? แล้วฟาบินโญ่ก็มีสกิลยิงจุดโทษด้วย ทำไมถึงเลือกผู้เล่นได้พลาดขนาดนั้น
1
สกอร์ขยับเป็น 1-1 อีกแค่ไม่กี่นาทีบราซิลจะชนะอยู่แล้ว คือพวกเขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิดขนาดนั้น แต่การเปลี่ยนตัวที่ผิดพลาด นำมาซึ่งหายนะที่คาดไม่ถึง
3
เมื่อเกมเสมอกัน ก็ต้องไปที่การดวลจุดโทษ และโครเอเชียในบอลโลก 2 ครั้งหลังสุด ชนะจุดโทษถึง 3 หน พวกเขาคือ Professional อย่างมากในเรื่องนี้
4
ความกดดันก็น้อยกว่า ตัวผู้เล่นก็มั่นใจกว่า นอกจากนั้นยังจัดวางตัวยิงได้อย่างเหมาะสม 4 คนที่เลือกมายิง ไม่มีใครเด็กเกินไป อายุต่ำสุดคือ 24
1
ตรงข้ามกับบราซิล คนแรกที่เลือกใช้คือโรดริโก้ ที่อายุ 21 ปี ถือว่ายังเป็นเด็กมากๆ คือโอเค เขาอาจจะวางเท้ายิงแม่นอะไรก็แล้วแต่ แต่เกมที่ตึงเครียดที่สุดในโลกแบบนี้ แทนที่จะเอาตัวเก๋าๆ ที่ไว้ใจได้ กลับให้เด็กเป็นคนซัดลูกแรก แล้วก็ยิงพลาด
2
เนย์มาร์ หนึ่งในนักเตะที่ยิงจุดโทษดีที่สุด ถูกวางเอาไว้เป็นคนที่ 5 ถ้าคุณไปดูโครเอเชีย เขาเลือกโมดริชเป็นคนที่ 3 หรือก่อนหน้านี้โมร็อกโกในเกมชนะสเปน ใช้ฮาคิม ซิเย็คเป็นตัวยิงคนที่ 2 เช่นเดียวกับทีมชาติอังกฤษ ตอนยิงจุดโทษทุกครั้ง แฮร์รี่ เคน จะมาคนแรกเสมอ
2
ตีตี้บอกหลังเกมว่า วางเนย์มาร์เป็นคนที่ 5 เพราะมีจิตใจที่แข็งแกร่ง ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดที่สุด มันก็ใช่อะนะ ตามทฤษฎี แต่เขาลืมไปหรือเปล่า ว่าตัวยิงจุดโทษดีที่สุด วางเอาไว้คนที่ 5 คุณอาจจะแพ้ ก่อนที่จะได้ยิงก็ได้ และมันก็เกิดขึ้นในเกมนี้
2
ถ้าใครจำกันได้ ในแอฟริกัน เนชั่นส์คัพรอบชิงเมื่อต้นปี อียิปต์ใช้กลยุทธ์แบบเดียวกัน เอาโม ซาลาห์ เป็นคนยิงคนที่ 5 สุดท้ายทีมแพ้ก่อนซาลาห์จะได้ยิง บทเรียนมันก็มีอยู่แล้ว ตีตี้ก็ไม่ได้สนใจเลย
3
บทสรุปคือบราซิลตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย และเป็นปีที่ 20 แล้ว ที่พวกเขาไม่สามารถเอาชนะทีมจากยุโรปได้เลย ในรอบน็อกเอาต์ของฟุตบอลโลก ส่วนโครเอเชียเข้ารอบรองเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน
โครเอเชีย เล่นอย่างเป็นมืออาชีพจริงๆ อดทนรอคอยโอกาส และขอแค่ทีเดียวเน้นๆ ก็ทำประตูได้ทันที จากนั้นก็ลากมาถึงจุดโทษ ในจุดที่พวกเขาชำนาญที่สุด
เราต้องให้เครดิตโครเอเชียจริงๆ นี่เป็น "ทีมทัวร์นาเมนต์" อย่างแท้จริง คือรู้ว่าต้องเล่นอย่างไร ใช้กลยุทธ์แบบไหน พวกเขาโดนทั้งญี่ปุ่น และ บราซิล ขึ้นนำ แต่ก็เชื่อมั่นว่าจะคัมแบ็กกลับมาได้ แล้วก็ทำได้จริงๆ
1
โครเอเชียถูกชมล้นหลาม ส่วนบราซิลก็โดนด่าเละเทะ โดยเฉพาะเฮดโค้ชบราซิล ตีตี้ ที่โดนด่าทั้งเรื่องแท็กติก และเรื่องบุคลิกที่ไม่แสดงความเป็นผู้นำอะไรเลย ช่วงยิงจุดโทษ ไม่มาคุยกับนักเตะแต่ละคนเป็นการส่วนตัวเพื่อให้กำลังใจ แล้วพอหลังเกมแพ้ ก็ไม่ปลอบนักเตะ แต่เดินเข้าห้องแต่งตัวไปเลย ก็ไม่ได้แปลกใจนัก ที่ตีตี้ ขอลาออกจากตำแหน่งเฮดโค้ชทีมชาติ
3
บราซิลมากาตาร์ในฐานะเต็งหนึ่ง แต่ตอนนี้ต้องเก็บกระเป๋ากลับบ้านเรียบร้อยแล้ว ทีมยุโรปตอนนี้ไม่ได้กลัวเกรงบารมีบราซิลอีก เพราะพวกเขารู้ว่าวางแผนดีๆ ก็ชนะได้
4
จากนี้ไปได้เวลาที่บราซิลต้องเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่าง เตรียมตัวให้พร้อมก่อนฟุตบอลโลกที่อเมริกาเหนือ ในปี 2026 จะเริ่มขึ้น
1
ไลน์อัพก็ต้องเปลี่ยนได้แล้ว อย่างเนย์มาร์อาจเป็นผู้เล่นที่ดี แต่บอลโลกครั้งต่อไป เขาจะอายุ 34 ปีแล้ว ได้เวลาที่เบอร์ 10 ของทีมชาติต้องเปลี่ยนคน เวิลด์คัพทั้ง 3 ครั้งที่เนย์มาร์ลงเล่น บราซิลไม่สามารถผ่านเข้าชิงได้เลย เขามาไกลสุดได้แค่นี้แล้ว
3
แม้จะน่าเสียดาย แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่าเนย์มาร์ ยังไม่สามารถขึ้นไปเทียบชั้นกับ Legend ของทีมชาติในรุ่นก่อนๆ อย่างเปเล่ หรือ โรนัลโด้ได้ เหตุผลก็ง่ายๆ เพราะเขาพาทีมไปไม่ถึงถ้วยแชมป์โลกนั่นเอง
4
เช่นเดียวกับเฮดโค้ช ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ตีตี้ ไม่เวิร์ก เขาไม่เคยมีประสบการณ์เป็นผู้เล่นทีมชาติเก่ามาก่อน และไม่เคยคุมสโมสรในยุโรปเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นโค้ชคนต่อไป อาจต้องเลือกให้แม่นกว่านี้ อย่างน้อยก็ควรมีประสบการณ์เคยเล่น หรือเคยคุม สโมสรในยุโรปมาบ้างก็ยังดี
1
เชื่อว่าครั้งหน้า บราซิลก็ยังคงเป็นเต็งหนึ่งเช่นเดิม แต่ถ้าหากยังไม่สามารถหาวิธีรับมือกับทีมแกร่งๆ จากยุโรปได้ล่ะก็ จุดจบก็อาจเป็นเหมือนครั้งนี้อีกรอบ
3
#GoodbyeBRAZIL
โฆษณา