Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เรื่องเล่าเมาเมาแมน
•
ติดตาม
10 ธ.ค. 2022 เวลา 12:25 • ความคิดเห็น
มองโลกผ่านผักชีกำละ 10 บาท! ...
"อะไร ทำไมค่าผักมันแพงนักวะ"
ผมแว้ดใส่แม่ครัวที่ร้าน เย็นวาน ตอนหล่อนเอาบิลมาเบิก
...แล้วก็ที่เห็นในรูปประกอบนั่นแหละ ผ้กชี-ต้นหอม
กำแค่นั้น 10 บาท...
...ปกติ เมื่อต้นปี กำๆแบบนี้ เขาขาย 5 กำ 20 หรือประมาณกำละ 4 บาท โดยรวมคือผักขึ้นราคามามากกว่า 100% ในปีเดียว...
...ผักอื่นก็ไม่ต่างกัน ยิ่งคื่นช่ายนี่ยิ่งสยอง สิบบาทมีมาสี่ต้นขนาดกลางๆ ยาวๆ แต่ไม่มีใบมากนัก มีแต่ก้าน...
...ประทับใจมาก เลยถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก...
ด้วยความอยากรู้เหตุผลของการขึ้นราคาแบบมหาโหด เมื่อเช้าเลยไปตลาดดูเองซะเลย
ว่ามันแพงอะไรนักหนา ก็พบความจริงที่น่าสยองกว่า
คือ ผักมันแพงจริงๆ แพงแบบเวอร์วังอลังการมาก และแพงทุกชนิดด้วย
ทำไมแพง ? ผมถามพ่อค้าเจ้าสนิทกันมา ก็พอได้คำตอบมาบ้าง...
แล้วผมก็โรคจิตอยากรู้เพิ่มอีก เลยโทรไปหาเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ที่เป็นเกษตรกรอยู่ที่ร้อยเอ็ด
เพื่อหาคำตอบ...
และหาข้อมูลเพิ่มเติมเองอีกส่วน จนพอสรุปได้
...จะเล่าให้ฟังครับ....
ปกติขนาดนี้ กำละ 5 บาท สี่กำยี่สิบ
ปัญหาหน้างานพื้นที่ปลูก คือ "ปุ๋ย"
ใครอาจบอกว่า คนไทยไม่มีวันอดตาย
ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว
...มันไม่ใช่แล้วล่ะครับ...
เพราะเรา ไม่มีปุ๋ย !
เป็นที่รู้กันว่า ผู้สงออกแร่ธาตูที่ผลิตปุ๋ยรายใหญ่ของโลก คือ รัสเซียและยูเครนนั้น กำลังทำสงครามกันเองอยู่
รัสเซียนั้น เล่นแง่กับตลาดโลก มาตลอด
อาศัยการแบนของชาติตะวันตก
มาโขกสับเอากับชาวโลกทุกชาติ
ใครแบนไม่แบนพวกเขา ตามค่ายตะวันตกไหม
พี่แกไม่สน กูจะปั่นราคาอย่างเดียว
อย่างไทย หรือประเทศเพื่อนบ้านแถวนี้ ไม่มีใครแบนรัสเซียนะ แต่ก็โดนไปเต็มๆ ราคาปุ๋ยบ้านเราทุกชนิด
ขึ้นราคาไปมากกว่า 100%
( ไทยรุสกี้ควรทราบ ปูตินไม่เคยลดราคาอะไรให้เราเลย)
ส่วนแร่ธาตุทำปุ๋ยจากยูเครนนั้น ไม่สามารถส่งออกมาได้มากนัก เพราะรัสเซียปิดเส้นทางขนส่งในทะเลดำอยู่
และยังมีสาเหตุอีกส่วน คือจีน ผู้ผลิตรายใหญ่อีกราย
ก็จำกัดการส่งออกปุ๋ยมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว
...สามปัจจัยรวมกัน ทำให้ราคาปุ๋ยในโลก พุ่งกระฉูดแบบไม่เคยเป็นมาก่อน...
...นั่นกระทบต้นทุนเกษตรกร เขาจึงขายออกจากไร่แพง
จนส่งผลมาถึงเรา ที่เป็นผู้ซื้อ
...ส่วนราคาน้ำมันนั้น ส่งผลกระทบน้อยกว่าสำหรับเกษตรกร เพราะรัฐบาลอุ้มราคาน้ำมันไว้เยอะ ไม่กระทบค่าขนส่งมากนัก โดยเฉพาะในส่วนของพื้นที่ปลูก...
ราคาปุ๋ยในตลาดโลก
ปัญหา ณ. จุดขาย...
แน่นอนว่าเมื่อราคาปุ๋ยสูงราคาขายจากที่ปลูกมันก็สูง
แล้วยังต้องมาบวกอีกหลายทอด
ผู้ขายปลายทางให้เรา ก็ย่อมต้องขายสูงตามเป็นธรรมดา
แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า ถ้าเอาการขยับของราคาหน้าสวนอย่างเดียวมาคิด มันไม่ควรจะแพงขึ้นขนาดนี้
ดังนั้นนั้นมันมีปัจจัยอื่นมาดันราคาด้วย
เท่าที่คุยกับพ่อค้ามา ก็พบว่าปัญหามันมีหลายอย่าง
- ราคาค่าขนส่งเพิ่มจากราคาน้ำมัน ส่วนนี้จะต่างกับการขนส่งปัจจัยการปลูก เพราะมีระยะทางที่มากกว่า และหลายทอด ประกอบกับรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่ขนข้ามจังหวัดมานั้น ขึ้นค่าขนส่งกันหมด ต่างจากการขนส่งใกล้ๆ
ดังนั้นจึงเป็นตัวการหนึ่ง ซึ่งดันราคาสินค้า
- ค่าเช่าที่ขายในกรุงเทพ ขึ้นราคาตามราคาที่ดิน
และภาษี ผู้ขายจึงแบกต้นทุนเพิ่ม และผลักภาระมาที่คนซื้อ
- ผักจีนเข้าน้อย
...อันนี้น่าสนใจ พ่อค้าบอกว่า พอจีนเปิดเมืองมากขึ้น ทำให้ส่งผักออกนอกบ้านน้อยลง จนบางอย่างของขาด เพราะในช่วงที่ผักจีนทะลัก เกษตรกรไทยได้เลิกปลูกไปหลายอย่าง จากการที่สู้ราคาผักจีนไม่ไหว
ที่น่าสนใจคือ ปีนี้พื้นที่ปลูกส่วนมาก ไม่มีปัญหาภัยแล้ง เพราะน้ำค่อนข้างมาก แต่ราคากลับพุ่งมากกว่าช่วงที่แล้งจัด หรือน้ำท่วมเสียอีก มันจึงค่อนข้างน่าแปลกใจมากๆ
ทีเดียว...
เท่าที่เก็บข้อมูลมาและคำนวณทุกอย่างคร่าวๆ
ผมพบว่า ไม่ว่าจะคิดอย่างไร ผักไทยตอนนี้ ก็ไม่ควรจะแพงขนาดนี้อยู่ดี คือ มันไม่ควรขึ้นในระดับเกินเท่าตัวอย่างที่เป็น
เมื่อปัญหาปลายทางเป็นแบบนี้ มันจึงต้องดูส่วนอื่นประกอบด้วย
...มันทำให้พอสรุปได้ถึงสาเหตุสำคัญที่สุด...
...คือ ความสามารถในการควบคุมราคาของภาครัฐ...
การควบคุมราคาของภาครัฐ คือปัญหาหลัก...
ประเทศไทยมีปัญหาเฉพาะตัวอยู่อย่างหนึ่ง
ก็คือ การไม่สามารถควบคุมราคาขายปลีกสินค้าอะไรก็ตาม ให้มันขึ้นตามสัดส่วนที่สะท้อนต้นทุนได้
มันจึงแพงเวอร์อยู่เสมอ เมื่อมีปัจจัยอะไรก็ตาม
ที่เข้ามากระทบในการขึ้นราคา แ้จะเล็กน้อยก็ตาม
และเมื่อต้นทุนลด หรือของล้น ต้องราคาถูกลง
ก็ไม่สามารถควบคุมให้มันลงได้อีกเหมือนกัน
จึงทำให้เกิดการสะสมของราคา ให้สูงจนผิดปกติ
เรื่องนี้เป็นมาตลอดทุกรัฐบาล ไม่ใช่แค่รัฐบาลปัจจุบัน
นอกจากว่ามันจะมีสินค้าล้นตลาดมากๆอีกรอบเท่านั้นแหละ มันถึงจะถูกลงเอง ตามกลไก
จะไปหวังพึ่งภาครัฐนั้น ไม่มีหวัง
ในส่วนนี้ ต้องขอบคุณบรรดาห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่
ที่ควบคุมราคาสินค้าได้ดีกว่ามาก โดยเฉพาะอาหารจำพวก เนื้อสัตว์ ที่ควบคุมได้สมเหตุผลกับต้นทุน
ที่การขึ้นราคา 20-25% เมื่อเทียบกับต้นปี จนถึงปัจจุบัน
ต่างกับร้านตามตลาดทั่วไป ซึ่งส่วนมาก มักจะขึ้นถึง 30% เป็นอย่างน้อย และไม่เคยลงมาเลย
ซึ่งตลาดนี่แหละคือ สถานที่ ที่ชาวบ้านทั่วไปซื้อของ
ดังนั้นที่ชาวบ้านเขาบ่นว่าของแพง ก็เพราะรัฐคุมราคา
ส่วนนี้ไม่ได้เลย มากกว่าที่ทั้งระบบมันแพงเกินไปจริงๆ
กลายเป็นว่า การซื้อของตามตลาดนั้นแพงกว่า
ห้างสรรพสินค้าไปเสียแล้ว
อย่างไรก็ตาม ผักสดนั้น ตามห้างสรรพสินค้ามักขายผักคุณภาพสูงมาก หรือผักปลอดสารพิษ ซึ่งมีราคาสูง
ทำให้ผักในตลาดสด เป็นตัวเล่นหลักสำหรับส่วนนี้
จึงมีความจำเป็นมาก ที่รัฐจะต้องควบคุมราคาขายปลีกตามตลาดสดให้ได้ ถ้าไม่อยากให้ชาวบ้านเดือดร้อน
หรือรัฐบาลเองโดนชาวบ้านด่ามากไปกว่านี้
เข้าใจได้ ว่าปัจจัยการผลิตนั้นขึ้นราคา
แต่เท่าที่ดู มันก็เลยช่วงพีคมาแล้ว ทั้ง ปุ๋ย และ น้ำมัน
ปัจจุบันแม้มันจะลดลงมาไม่เท่าก่อนเกิดปัญหาสงคราม
แต่มันก็ไม่มากขนาดที่ราคาขายปลีกในบ้านเรา
มันสะท้อนออกมา
ปุ๋ยนั้น เท่าที่คุยกับเพื่อนเกษตรกร มีการปรับลดลงบ้าง
แต่ก็ยังสูงกว่าการปรับลดในตลาดโลกอยู่มาก
น้ำมันก็เช่นกัน และรัฐยังอุ้มส่วนนี้เสียด้วยซ้ำ
มันน่าขำมาก ที่ประเทศเรา ที่ว่ามีความอุดมสมบูรณ์
และรัฐบาลก็อุดหนุน สนับสนุน อุ้มปัจจัยการผลิตมาตลอด
แต่กลับมีการเพิ่มขึ้นของราคา เท่ากับ หรือมากกว่า
ประเทศที่เขาลอยตัวปัจจัยการผลิตทั้งหมด
...เทียบง่ายๆที่สุด คือ ไทยกับสหราชอาณาจักร หรืออังกฤษ ที่บางคนบอกว่าประชาชนเขาจะตายอยู่แล้ว
ปรากฏว่า ไทยดันมีการขยับของราคาสินค้าไล่เลี่ยกับเขาโดยไทยสูงกว่าเล็กน้อยประมาณ 3%
...อังกฤษที่ว่าเฟ้อที่สุดในยุโรป แต่ราคาอาหารสด ขยับเพียง 20-22% เท่านั้น ทั้งที่รัฐลอยตัวทุกอย่างตามกลไก
...แต่ไทย ไปแล้ว 25% และเป็นเท่าตัว ในบางรายการ
ทั้งที่รัฐอุ้มทุกอย่าง อุ้มน้ำมันเป็นแสนล้าน แต่ผลเป็นแบบนี้ มันไม่น่าขำ หรือน่าแปลกไปหน่อยเหรอ...
...ถึงเวลาจะจริงจังเสียทีได้แล้ว กับการดูแลราคาสินค้าตามตลาดสด ซึ่งควรต้องทำตั้งแต่ต้นทาง ราคาปุ๋ย
เคมีการเกษตรโน่นเลย ไม่งั้นชาวบ้านเดือดร้อนตาย
และรัฐต้องไม่ลืมว่า สินค้าเหล่านี้ คือต้นทุนของบางธุรกิจ
เช่น ร้านอาหาร หรือซื้อของไปแปรรูปในลักษณะอื่น
ในสภาวะที่กำลังซื้อคนตก การปรับราคาของ
ผู้ประกอบการ ทำไม่ได้อยู่แล้ว
จะซ้ำเติมเขาด้วยการไม่ควบคุมราคาวัตถุดิบอีกเหรอ
...ฝากรัฐลงมาดูด้วยนะครับ เอาแบบขึ้นทีละบาทสองบาท
ให้มันสะท้อนต้นทุนบ้าง ไม่ใช่ปล่อยให้ขึ้น 5-10 บาทแบบนี้...
...มันจะตายกันหมดครับ เด็กเล็กมันจะขาดวิตามินเอา...
ปล. ลองเช็คราคาเป็นกิโลกรัมแล้ว ก็เป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นมากไม่ต่างกับผักกำขายครับ ถูกกว่ากันเล็กน้อยเท่านั้น
บันทึก
18
9
3
18
9
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย