27 ก.ค. 2023 เวลา 08:46 • ท่องเที่ยว
Aareschlucht

2J เที่ยวสวิสตอนที่ 9

14 ตุลาคม 2565
วันที่ 8 มาพร้อมกับ 2 ขีด
ตื่นเช้าด้วยอาการแปลกๆ ที่รู้สึกได้ตั้งแต่เมื่อคืน เราจึงตรวจ COVID19
ผล! ขึ้น 2 ขีด รีบบอกเพื่อนตรวจอีกครั้งทันที
ผลเพื่อน! ขึ้น 2 ขีด เหมือนกันเลย
สิ่งที่ทำต่อจากนั้น คือ ถ่ายรูปแจ้งครอบครัวให้รู้ แอบผิดหวังที่เราอุตส่าห์รอดมาได้จนประกันที่ซื้อทุกฉบับหมดอายุ และพยายามใส่หน้ากากตลอดในระหว่างเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะของสวิสฯ
สิ่งที่ต้องทำลำดับถัดไป คือ ต้องตัดสินใจอยู่ต่อหรือกลับไทย ตัดสินใจร่วมกัน คำตอบคือ …
เราเริ่มกินยาฟ้าทะลายโจรทันที สำหรับเพื่อนยังคงต้องกินยาแก้อักเสบให้หมดก่อน จึงยังไม่ได้กินฟ้าทะลายโจร อาหารเช้าที่มาจากซุปสาหร่ายแห้งที่พกมากับไข่ไก่สดช่วยเราได้เยอะเลย บรรยากาศฟ้าหลังฝนย่อมสดชื่นเสมอ อากาศเช้าวันนี้ก็เช่นกัน ฟ้าสวย อากาศดี และเหมือนทุกๆวัน พวกเราสวมหน้ากาก แต่ระหว่างที่กำลังถ่ายรูปวิวสะพานก็มีชาวสวิสฯ ท่านหนึ่งเดินเข้ามาพูดคุยโดยไม่สวมหน้ากาก พวกเราพยายามรักษาระยะห่างเพื่อไม่ให้เค้าต้องติดโควิดจากเรา แต่ท่านผู้นั้นยังคงสอนพวกเราไปเรื่อย จับใจความแบบไม่เก่งภาษา ได้ความว่า
“ที่นี่อากาศบริสุทธิ์ พวกคุณควรถอดหน้ากากเพื่อรับอากาศที่บริสุทธิ์มันดีกับร่างกายมากกว่าการใส่หน้ากาก เพราะเค้าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ เขื่อเค้าเถอะ” ท่านยังคงอธิบายเพื่อให้พวกเราถอดหน้ากากให้ได้ ทั้งๆที่พวกเราพยายามพยักหน้าว่าเข้าใจและกล่าวขอบคุณเป็นระยะๆเพื่อให้ท่านจะได้เดินจากไป (แต่ในความเป็นจริงฟังเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง) จนในที่สุดพวกเราต้องตัดสินใจถอดหน้ากากตามที่ท่านประสงค์ ท่านจึงยิ้มให้และเดินจากไป
ในใจคิด “ขอโทษด้วยนะท่าน! ถ้าท่านติดโควิด ท่านว่าเราได้แค่ครึ่งเดียวนะ เพราะท่านเองที่ไม่ยอมให้พวกเราขอบคุณในขณะที่พวกเราใส่หน้ากาก”
ที่ผ่านมาผู้คนที่พบเจอและทักทายมักจะเป็นคนไทยด้วยกัน ทำไมวันนี้มีแต่ต่างชาติเข้าหา คู่สามีภรรยาชาวจีนคู่หนึ่งขอให้เราถ่ายรูปให้ เรายินดีบริการเต็มที่อาจมีเรื่องกังวลก็แค่ขอให้ทั้ง 2 ท่านอย่าติดโควิดกลับไปแล้วกันนะ
เดินไปถ่ายรูปไปจนถึงสถานีรถไฟที่เริ่มจะเคยชินละ ถ้าถามความเห็นเราว่าชอบสถานีรถไฟเมืองไหนระหว่าง Interlaken กับ Luzern ตอบได้โดยไม่ต้องคิดเลยว่า “อยากเก็บเธอไว้ทั้ง 2 คน”
Interlaken West สถานีดูสวยแบบเรียบง่าย ลงหรือขึ้นอยู่จุดเดียวกัน รอบข้างมีร้านขายของเล็กน้อย ผู้คนจะเยอะช่วงเช้าและเย็น เป็นชานชาลาแบบชนบท ที่เห็นได้ทั่วไปเวลานั่งรถไฟมีระบบเพื่อไว้สับราง เสน่ห์ของชานชาลาที่เราชอบ คงเป็นความสงบระหว่างรอรถไฟ และความง่ายในการเข้าถึง
Luzern สถานีรถไฟดูใหญ่โต มีร้านค้ามากมายให้เลือกซื้อ ทั้งของกินและของใช้ ผู้คนมากมายเกือบทุกเวลา เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางหลายสาย สะดวกสบายในการเดินทางเพราะลงชั้นใต้ดินเพื่อข้ามไปยังสถานีได้ง่าย เสน่ห์ที่เราชอบ คงเป็นสีสันที่ดูทันสมัย มีของกินละลานตา เลือกได้หลากหลาย รถไฟมีให้เลือกหลายขบวน
ใจหนึ่งก็อยากพัก ใจหนึ่งก็อยากเที่ยว การตัดสินใจเลือกจึงเกิดขึ้น ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง เมื่อเลือกเที่ยวแล้วก็ต้องไปต่อ รถไฟค่อยๆแล่นออกจากสถานี วันนี้เราจะไป Aareschlucht อย่าถามนะว่าอ่านว่าอะไร ให้คนอื่นอ่านดีกว่าเยอะ 555
Aareschlucht ตั้งอยู่ที่เมือง Meiringen ในเขต Interlaken จุดไหลผ่านของแม่น้ำ Aare ก่อนจะไหลตัดผ่านหุบเขาสองฝั่งระหว่างหมู่บ้าน Meiringen และ Innertkirchen ในระยะความยาว 1,400 เมตรไปบรรจบกับแม่น้ำ Rhein แม่น้ำที่ยาวที่สุดในสวิสเซอร์แลนด์ จุดกว้างที่สุด 40 เมตร แคบสุดเพียง 1 เมตร แม่น้ำ
จากที่ศึกษามาเมืองไทยเรียกว่าถ้ำธารลอดน่าจะได้ มีน้ำตกและมีลำธารไหลผ่านถ้ำ ตามเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติจะเริ่มต้นที่ Ost หรือ West ก็ได้ ถ้าไปช่วงเช้าๆ หรือใกล้พระอาทิตย์ตก อาจได้เห็นสีสันที่ธรรมชาติสร้างขึ้นให้มนุษย์อย่างเราได้ชื่นชม อันนี้เราเห็นจากรูปที่หลายท่านถ่ายมาให้ดูใน Facebook YouTube และ Website ต่างๆ ทำให้เราอยากเห็น แต่! ก็ไม่ได้เห็น เราเลือกเส้นทางจาก West ไป Ost
ระหว่างทางเดินได้ลองกล้องที่อุตส่าห์ซื้อและตั้งใจเอามาทริปนี้เลย รูปที่ได้ดูแล้วจะขำๆ หน่อยเพราะความอ่อนประสบการณ์ลืมว่าใส่ฟิลเตอร์กล้อง ภาพเลยดูมีวงๆ เสียดายแต่ได้ประสบการณ์เยอะเลย ถ่ายน้ำตกแบบคาดหวังให้ดูว้าวน้ำเป็นสาย ตอนอ่านและฟังจากคลิปที่สอนก็ทำตัวเหมือนจำได้ พอเจอของจริงลืมหมด
เส้นทางเดินเหมาะและลงตัวมาก สวยมาก เดินไปแวะถ่ายรูปไป แต่ละจุดมีเสน่ห์ที่ไม่เหมือนกัน มุมนี้ก็สวย มุมโน้นก็โดน เพลินตาเพลินใจจนลืมไปเลยว่าเป็นโควิด และเผลอแป๊บเดียวถึงเวลาที่ควรจะเดินทางกลับแล้ว เราต้องเร่งฝีท้าวเดินตามเส้นทางที่ต้องใช้ปากถามเพื่อให้ถึงสถานีโดยเร็ว เพราะอยากกลับไปให้ทันที่จะแวะไปดูสิงโต Lion Monument และถ่ายรูปคู่ จากนั้นจะต้องแบกกระเป๋าเพื่อย้ายเมืองอีกครั้ง
น่าตื่นเต้นอีกแล้ว! เพราะสถานีรถไฟที่เรายืนรอมันดูเหมือนอยู่ในถ้ำ เราได้เจอคนไทยกลุ่มหนึ่ง พี่ๆเค้าเพิ่งมาถึง พวกเราพยายามพูดอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ และได้ตื่นเต้นไปด้วยกันกับประตูสถานีที่ดูเหมือนรอขึ้นรถไฟในสวนสนุกเพราะสถานีรถไฟแห่งนี้เป็นสถานีที่ประตูจะเปิดเมื่อได้เวลาที่รถไฟมาถึงเท่านั้น ผู้โดยสารต้องยืนรอด้านนอก บรรยากาศจึงเหมือนกำลังจะนั่งรถไฟเข้าถ้ำ เมื่อเข้าไปแล้วถ้าไม่ได้มาเป็นกลุ่มคงดูน่ากลัว การมีเพื่อนร่วมทางเยอะๆ เป็นเรื่องดีจะได้ถามกันว่าใช่ขบวนที่จะต้องขึ้นไหม?
นั่งไปสักพักก็ได้เวลาโบกมือลำลา พี่ๆก็ลงจากรถไฟไปได้ไม่นาน เราสองคนก็เริ่มนั่งหลับด้วยความเพลีย อาการเพลียรู้สึกได้มากกว่าทุกวัน หากได้นอนพักก็คงจะดี ลงจากรถไฟมุ่งหน้าไปหาสิงโต เดินได้ไม่นานยังไม่ทันถึงจุดหมายเม็ดฝนก็เริ่มโปรยปราย พวกเราเปลี่ยนใจกลับที่พักทันที จากเดินเป็นวิ่งเพื่อให้ถึงที่พักก่อนฝนตกหนัก
ขอบคุณที่โชคเข้าข้าง เราถึงที่พักตามความต้องการ และไม่ต้องเสียค่าฝากกระเป๋าด้วยทั้งๆที่ตอนเช้าเจ้าหน้าที่บอกว่ามีค่าใช้จ่าย ตอนขอกระเป๋าที่ฝากไว้คืนน่าจะเป็นช่วงเปลี่ยนเวรพอดี เค้าเลยลากกระเป๋ามาให้เราโดยไม่คิดค่าฝาก ขอบคุณอีกครั้ง
ถึงเวลาต้องตัดสินใจอีกแล้ว เอาไงดี! ฝนตกแบบไม่มีทีท่าว่าจะหยุด จะเรียกรถหรือลากกระเป๋าไปสถานีรถไฟเอง ปรึกษากันสักพัก คำตอบที่ได้ ลากไปเองแล้วกัน ฝนก็ตก พื้นก็ขรุขระ ดูทุลักทุเล ลากไปบ่นไป กว่าจะถึงสถานีรถไฟ พวกเราบ่นไปหลายรอบว่าน่าจะเรียกแท็กซี่
รถไฟเคลื่อนออกจากสถานีมุ่งหน้าไปยัง Zurich ที่พักคืนนี้เราเขยิบเข้าใกล้สนามบินมากขึ้นเพื่อเดินทางกลับไทย ฟ้าเริ่มมืดเมื่อเราลงจากสถานี แวะซื้ออาหารเย็นแล้วลากกระเป๋าเดินหาทางไปที่พัก เอ๊ะ! ทำไมเดินวนๆ อยู่แถวๆ สถานีรถไฟ คำตอบคือ หลง เดินผิดทาง หลังจากดูเส้นทางให้รอบคอบอีกครั้ง จุดหมายชัดเจนแล้วกิจกรรมลากกระเป๋าก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ความเหนื่อยและความเพลียเริ่มทำให้ขาหมดแรง ระยะทางไม่ไกลแต่ใจเริ่มไม่ไหว ความรู้สึกที่เห็นป้ายชื่อโรงแรมคือความดีใจสุดๆไปเลย เราจะได้พักร่างสักที
ห้องดูดีมากกว่าที่พักที่ผ่านมา ใหญ่โต กว้างขวาง ชอบเลยละ กางกระเป๋าใบใหญ่ 2 ใบ แบบยังเหลือที่ให้นั่งสบายๆ หลังจากทานมื้อเย็น อาบน้ำ จัดกระเป๋า เวลาแห่งการพักผ่อนก็เริ่มต้นขึ้น พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่วันนี้หมดแรงข้าวต้มและโคตรเพลียสุดๆ
เกือบลืม! ความเพลียเกือบทำให้เราเกือบเสียค่าอาหารเช้าทั้งๆ ที่เราไม่ได้ตั้งใจจะกินอาหารเช้าของโรงแรม ดีนะที่พอได้พลังงานจากมื้อเย็นและนั่งทบทวนค่าห้องว่าเอ๊ะ!ทำไมแพงกว่าที่จองมา จึงนึกขึ้นได้ว่าเจ้าหน้าที่หน้าเคาน์เตอร์เหมือนน่าจะถามเรื่องอาหารเช้าแล้วเราตอบอะไรออกไป เราเลยต้องลงไปเพื่อขอยกเลิก
เคล็ดลับที่เรานำเสนอเพิ่มเติม คือ
1. การตรวจ COVID19 แล้วยังไม่ขึ้น 2 ขีด ใช่ว่าจะไม่ติด
2. ในยามคับขัน เราจะหาวิธีเอาตัวรอดได้เสมอ อุปสรรคจึงมีไว้ให้พุ่งชนและแก้ไขมากกว่านั่งท้อแท้
3. ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง ใช้ได้กับทุกทางเลือก เมื่อเลือกแล้วอย่าโทษตัวเองหรือคนอื่น เพราะเราย้อนเวลากลับไปเลือกใหม่ไม่ได้ เราก็แค่มองไปข้างหน้าเพราะเดี๋ยวข้างหน้าก็จะมีทางเลือกให้เราอีกครั้ง
4. อย่าเอาความแน่นอนกับธรรมชาติ เพราะเราเป็นเพียงมนุษย์ตัวเล็กๆ และเป็นผู้อาศัยเท่านั้นไม่มีวันสู้กับธรรมชาติได้เลย ฝนมาได้ก็จากไปได้ เราก็เช่นกัน
5. ยิ้มเข้าไว้แล้วทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดีเสมอ
สะพานยามเช้า
ฟ้าหลังฝน
แม่น้ำ Aare
Aareschlucht
ช่วงกว้าง Aareschlucht
ช่วงแคบ Aareschlucht
มองคนละด้าน...บังเอิญโดยไม่ได้นัดหมาย
น้ำตก
กำลังจะออกอีกทาง
ระหว่างทางนั่งรถไฟกลับ
เมฆฝนมาแล้ว
City Train
วิวเมือง
น้ำตกเป็นสายกับฟิลเตอร์
Aareschlucht ในแต่ละมุม
เส้นทางเดิน Aareschlucht
มือสั่นกับทางเดินไปสถานี Aareschlucht Ost เพราะเดินไปด้วยถ่ายรูปไปด้วย  ภาพสุดท้ายจึงชัดที่สุดเพราะหยุดที่หน้าประตูสถานี

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา