28 ต.ค. 2023 เวลา 15:28 • ท่องเที่ยว
ท่าอากาศยานซูริค

2J เที่ยวสวิสตอนที่ 11

16 ตุลาคม 2565
วันที่ 10 วันเดินทางกลับ
เราตื่นเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับ โดยเผื่อเวลาไว้ประมาณ 4 ชั่วโมง เราเดินทางโดยรถบัสที่วิ่งแป๊บเดียวถึงสนามบินเลย ชอบมากเพราะสะดวกสบายที่สุด ครั้งต่อไปจะเลือกพักคืนสุดท้ายใกล้สนามบินแบบนี้อีกแน่นอน
อาการ COVID-19 เริ่มมาให้เห็นอีก 1 อาการ คือ ไอ นับจากวันแรกที่ขึ้น 2 ขีด เราติดโควิดมาได้ 3 วันแล้ว ส่วนเพื่อนน่าจะเป็นวันที่ 5 เพราะเพื่อนเริ่มกินยาตั้งแต่วันที่ไปเที่ยวทะเลสาบ Oeschinensee อาการเพื่อนจึงดีกว่าเราเล็กน้อย
หลังจากเช็คอินที่สนามบินเรียบร้อย การหาซื้อของจึงเริ่มขึ้นอีกครั้ง เพลิดเพลินเสมอกับการหาซื้อของ ที่สนามบินมีของให้เลือกซื้อเยอะมาก เราได้ผลไม้เพื่อหิ้วกลับไทยและช็อคโกแลตแบบตัดเป็นชิ้นๆ หลายรสบรรจุถุงยี่ห้อ LÄDERACH เพิ่ม พอกลับมาถึงไทยเสียดายมากที่ซื้อมาน้อยไป ช็อคโกแลตอร่อยมาก เราและหลานๆ ชอบมากติดใจเลย ส่วนผลไม้ขอบอกว่าโชคดีมากกว่าเพราะหลังจากเรากลับมา พี่สาวมาบอกที่หลังว่าเขาห้ามซื้อผลไม้สดกลับมาถ้าตรวจเจอมีอันต้องถูกยึดหรือทิ้ง
หลังจากซื้อของจนเหลือเวลาอีก 1 ชั่วโมง พวกเราจึงตัดสินใจเดินไปต่อคิวเพื่อผ่านตม.และจะเดินไปนั่งรอขึ้นเครื่อง พวกเราต้องตื่นเต้นตกใจกับแถวที่ยาวมากจนทำให้กังวลว่าจะไปทันขึ้นเครื่องไหม? แถวจากต้นทางยาวไปเกือบสุดตึกและวนกลับมาอีกด้านก็เกือบจะไปสุดตึกอีกด้าน อะไรกันเนี่ย! เราอุตส่าห์เผื่อเวลาตั้ง 4 ชั่วโมง ไม่คิดว่าหลังจากที่ผ่านการตรวจตั๋วด่านแรกมาเพื่อจะเดินทางไปผ่านตม.และต่อรถไฟไปยังจุดนั่งรอจะแถวยาวขนาดนี้ บันไดเลื่อนที่ลงได้ไม่เกิน 2 คนต่อ 1 ขั้น ตอนนี้เจ้าหน้าที่ควบคุมให้ลงที่ละคนเท่านั้น
พวกเรามองนาฬิกาไปลุ้นไป ระหว่างพูดคุยกันอยู่คนไทยด้านหน้าเราจึงเอ่ยทัก เราสอบถามเที่ยวบินกันแล้วจึงรู้ว่าเขาเดินทางกลับก่อนเรา ซึ่งถ้าเขายังคิดว่าทัน พวกเราก็มีความหวังว่าน่าจะทัน แต่พอไปถึงจุดตม. พวกเราเดินไปอีกทางทำให้ล่าช้าขึ้นอีก ความกังวลกลับมาอีกครั้งหลังจากเห็นรถไฟผ่านไปโดยไม่สามารถขึ้นได้เพราะเต็ม เพื่อนซึ่งเหนื่อยง่ายเป็นทุนเดิมถึงกลับเอ่ยว่า ถ้าไปสายไม่ทันขึ้นเครื่องก็จะย่อมซื้อตั๋วใหม่แล้วกันเพราะไม่อยากวิ่งแล้ว เราจึงตัดสินใจว่าจะเดินนำไปก่อนเผื่อจะได้แจ้งเจ้าหน้าที่ให้รอ
หลังจากลงจากรถไฟมองดูนาฬิกาคำนวณระยะทางที่ต้องเดินไปขึ้นเครื่อง เริ่มหายใจทั่วท้องมากขึ้นเพราะยังพอมีเวลา พวกเราจึงค่อยๆ เดินไปได้แบบไม่ต้องวิ่ง บทเรียนของเหตุการณ์ครั้งนี้จะทำให้เราต้องทบทวนเรื่องเวลาใหม่อีกครั้งในการเดินทางท่องเที่ยวรอบหน้า เพราะเราลืมเผื่อเวลาในการรอคิวและลืมคิดถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางกลับเหมือนเรา จนทำให้เกิดความกังวัลใจและกลัวขึ้นมาเมื่อสถานการณ์ไม่เป็นไปอย่างที่คิด
พวกเราเข้าห้องน้ำเสร็จก็ถึงเวลาที่เจ้าหน้าที่เรียกขึ้นเครื่องพอดี การเดินทางของพวกเราที่สวิสจึงถึงเวลาสิ้นสุด แต่โควิดที่ติดกลับมาถึงไทยกว่าจะสิ้นสุดก็ตั้ง 12 วันนับจากวันแรกที่ตรวจเจอ ซึ่งยาที่เรากินก็จะมีฟ้าทะลายโจร เรากินติดกัน 5 วัน เมื่อกลับถึงไทยก็มีซื้อยาแก้ไอ ยาสลายเสมหะ และวิตามิน D เพิ่ม สำคัญที่สุด คือ เรานอนที่คอนโดของพี่สาวแทนการกลับบ้านเพื่อป้องกันพ่อกับแม่ไม่ให้ติดโควิดรอบ 2 เราต้องขอขอบคุณโควิดที่ทำให้เราได้หยุดยาวเพิ่มอีกตั้ง 9 วันหลังจากกลับถึงไทยโดยไม่นับเป็นวันลา
อีกเรื่องที่อยากขอโทษผู้โดยสารท่านอื่นๆ บนเครื่องบิน คือ เราไอเยอะขึ้นตอนนั่งเครื่องกลับ และเสมหะก็มีมากขึ้นด้วย จึงมีบางครั้งที่เราจำเป็นต้องถอดหน้ากากระหว่างอยู่บนเครื่อง เราหวังว่าทุกท่านที่นั่งเที่ยวบินเดียวกับเราจะปลอดภัยจาก COVID19 นะ
ทุกทริปมีเริ่มย่อมมีจบ เป็นสัจธรรมที่เข้าใจได้เสมอ การเดินทางจะสั้นหรือยาวก็สร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ได้เสมอเช่นกัน มิตรภาพของเพื่อนร่วมทางกับมิตรภาพระหว่างทางที่ได้พบเป็นเรื่องดีเสมอ จะมีบางครั้งที่ต้องพบเจออุปสรรคระหว่างทางบ้างเป็นเรื่องธรรมดา แม้คิดว่าจะใช้ชีวิตไปวันๆ อุปสรรคยังเข้ามาหาเองได้ พวกเรา 2J จึงเลือกการเดินทางไปยังที่ต่างๆ เท่าที่กำลังกายใจ จังหวะ และโอกาสจะมาถึง จะเปลี่ยนแผนบ้าง ล้มเลิกบ้าง เลื่อนออกไปบ้าง ก็ยังดีกว่าอยู่เฉยๆ ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเรื่องราวของ 2J เที่ยวสวิส
ในโอกาสหน้าถ้า 2J ได้เดินทางไปเที่ยวที่ไหนอีก จะกลับมาเขียนเรื่องราวไว้เพื่อเตือนความทรงจำตัวเองและแชร์ให้ทุกท่านได้อ่านอีกครั้ง ขอบคุณทุกน้ำใจที่กดเข้าดู มีบางท่าน กด Like และกด Share ให้ด้วย ซึ่งเกินความคาดหมายจริงๆ แล้วเจอกันใหม่ในการเดินทางครั้งหน้า
เคล็ดลับที่เรานำเสนอเพิ่มเติม คือ
1. อุปสรรคในการเดินทางที่สำคัญของ 2J คือ ความรู้น้อยเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวทำให้การเดินทางขรุขระบ้าง ซึ่งถ้ามองเป็นเรื่องสนุกก็สนุก มองเป็นความยุ่งยากก็ยุ่งยาก ในการเดินทางครั้งนี้เราก็มองทั้ง 2 แบบเลยขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แต่สนุกและตื่นเต้นมีมากกว่า ทริปหน้าจะพยายามศึกษาหาข้อมูลไปให้มากขึ้นอีก
2. ความโชคดีของ 2J คือ ได้พบเจอผู้คนทั้งไทยและต่างชาติที่เป็นกัลยาณมิตรเกื้อกูล ให้ความช่วยเหลือและเมตตาพวกเราเป็นอย่างดี รวมทั้งสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วพร้อมให้เราได้เดินทางอย่างเหมาะสม อาจมีบางครั้งที่คลาดเคลื่อนจากที่คิดแต่ก็ยังลงตัว
3. สวิสเซอร์แลนด์ยังคงเป็นประเทศที่ใช้คำว่าควรหาเวลาเดินทางไปเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ สักครั้ง เพราะที่เที่ยวธรรมชาติมีให้เลือกมากมายและสามารถไปได้ตลอดทั้งปี รวมทั้งยังมีกิจกรรมการให้ได้ลองมากมายด้วยเช่นกัน ไว้มีโอกาส 2J คงต้องไปเก็บตกที่เที่ยวที่เหลือให้ได้
ป.ล. รูปวันสุดท้ายมีน้อยจนตกใจ เก็บแผนที่ที่หาจากเน็ตเตรียมไว้ครั้งหน้าดีกว่า 555
แผนที่ Gornergrat Bahn ที่เราขึ้นแค่เส้นทางเดียว คราวหน้าจะไปให้ครบ
Pialtus มีอยู่ในแผนแต่ต้องตัดทิ้ง
Riki สำหรับรอบหน้า ถ้ามีโอกาส
Titlis Ski อันนี้ก็อยากไป

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา