กาเมสุมิจฉาจารกำลังแพร่หลายในสังคมไทย:
ผมเป็นนักเรียนนอกก็จริง แต่ไม่เคยมีประสบการณ์ไปจีบสาวไทยหรือแหม่มมาเป็นแฟน อยู่ด้วยกัน ได้เสียกันแล้วก็ทิ้งไปหาแฟนใหม่
ผมเรียนอยู่เมืองนอกไปด้วย ศึกษาและสังเกตสังคมเสรีนิยมทางวัฒนธรรมแบบยุโรปและอเมริกาไปด้วย มองเห็นชัดเจนว่ามีแต่ปรัชญาหรือศาสนาตะวันออกอย่าง เช่น พระพุทธศาสนาและปรัชญาขงจื้อ เท่านั้นที่จะหยุดวัฒนธรรมเสรีนิยมสไตล์อเมริกาและยุโรปได้
'เสรีนิยม' เป็นศัพท์ทางวิชาการ มีใช้ทั้งในบริบทปรัชญา การเมืองและวัฒนธรรม 'เสรีนิยมทางวัฒนธรรม' หมายถึงความพึงพอใจจะใช้ชีวิตอย่างเสรีหรืออย่างอิสระโดยไม่ต้องอยู่ในกรอบหรือข้อจำกัดของจารีตประเพณีหรือศาสนาใดๆ
เช่น อยากมีเซ็กส์ก็มีได้ตามสบาย ไม่ต้องรักนวลสงวนตัว อยากมีเซ็กส์ที่ไหนก็มีได้ อยากมีเซ็กส์กับสัตว์เดรัจฉานก็มีได้ อยากมีเซ็กส์กับพี่น้องตนเองก็มีได้ อยากมีเซ็กส์และถ่ายทอดสดให้คนอื่นดูไปด้วยก็ทำได้
อยากมีเซ็กส์กับคนกี่คนก็ได้ โดยไม่ต้องแต่งงาน ไม่ต้องมีกามสังวร ไม่ต้องสู่ขอ ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร อยากจะขายเซ็กส์ทอยก็ทำได้อย่างอิสระ อยากอยู่ก่อนแต่งก็อยู่กันได้ ไม่ต้องไปสนใจสายตาใคร ไม่ต้องสนใจวัฒนธรรมหรือจารีตประเพณี
เพราะในบริบทวัฒนธรรมเสรีนิยมซึ่งเน้นปัจเจกชนนิยมแบบนี้ 'ความอยาก' หรือ 'ตัณหาราคะ' ของตนเองเป็นใหญ่เหนือใครหรือกฎเกณฑ์ใดๆ ในสังคม
เซ็กส์ ยาเสพติด เช่น โคเคนและเพลงร็อคจึงกลายเป็น *สิ่งเสพติด* ของนักศึกษาอเมริกันและยุโรปจำนวนมากในขณะนี้
เพราะวัฒนธรรมเสรีนิยมตะวันตกเข้ามามาก สังคมไทยขณะนี้ จึงยึดเสรีนิยมทางวัฒนธรรมแบบตะวันตกมาใช้ เด็กๆ เริ่มมีเพศสัมพันธ์แต่วัยมัธยม ตลกสัปดนที่แสดงอาการหื่นออกจอทีวีสาธารณะตามนิสัยเดิมๆ ของตนเองอย่างเสรีก็มากขึ้น คนมีชู้หรือกิ๊กแต่ซุกซ่อนเอาไว้ก็มากขึ้น
ยุคนี้จึงยากที่จะบอกได้ว่าใครดีหรือไม่ดีเพราะสามารถซุกชู้หรือกิ๊กแล้วสร้างภาพเป็นคนดีกันเก่งมากขึ้นตามมาด้วย
สีจิ้นผิงมองเห็นข้อเสียของเสรีนิยมทางวัฒนธรรมที่มาแรงพร้อมๆ กับกระแสทุนนิยมตะวันตกนี้เอง จึงหันมาส่งเสริมพระพุทธศาสนาและปรัชญาขงจื้อ หลังจากอเมริกาและยุโรปล่มสลายทางคุณธรรมหรือจริยธรรมทางเพศเพราะพิษทุนนิยมเสรีไปเรียบร้อยแล้ว
สีจิ้นผิงไม่ต้องการเห็นความล่มสลายของศาสนาและจารีตประเพณีเพื่อแลกกับความเจริญทางเศรษฐกิจ สีจิ้นผิงไม่ต้องการทิ้งปรัชญาและศาสนา เพราะมองเห็นชัดว่ามีแต่ศาสนาและปรัชญาแบบตะวันออกเท่านั้นที่จะสร้างกรอบหรือฉุดรั้งผู้คน มิให้ใช้สัญชาติญาณดิบๆ อย่างราคะตัณหามาดำเนินชีวิตอย่างเสรี ไร้จริยธรรมทางเพศได้
ขณะนี้ สีจิ้นผิงจึงกำหนดเป็นนโยบาย ยกเอาพระพุทธศาสนาและปรัชญาขงจื้อมาเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาเศรษฐกิจบนเส้นทางสายไหมและจะนำไปเผยแพร่ในทุกๆ แห่งที่รัฐบาลจีนนำสินค้าไปค้าขายด้วย
เมืองไทยเราก็กำลังถูกอิทธิพลเสรีนิยมทางวัฒนธรรมสไตล์อเมริกาเข้ามาครอบงำผ่านสื่อมากจนกระทั่งขณะนี้ เด็กๆ ระดับมัธยมต้นกำลังเริ่มมีเซ็กส์กันเป็นเรื่องปรกติ การแก้ผ้าอนาจารตามสื่อโซเชียลมิเดียมีมากขึ้น แม้กระทั่งในชุดนักเรียนนักศึกษา
การมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงานแบบทดลองอยู่กันไปเรื่อยๆ ไม่มีกามสังวรหรือสทารสันโดษ พอใจจะอยู่ก็อยู่ พอใจจะเลิกกันก็เลิก กำลังเป็นที่นิยมของผู้คนในสังคมเมือง จริยธรรมทางเพศกำลังล่มสลายในสังคมเมืองไปด้วยอำนาจกระแสกามราคะหรือกระแสราคตัณหาที่กำลังมาแรง
ผู้คนจากหลายอาชีพในยุคนี้ จึงนิยมมีกิ๊กซุกซ่อนเอาไว้นอกจากคู่สมรสที่แต่งงานตามกฎหมายมากขึ้น ผู้หญิงผู้ชายลักลอบเป็นชู้ได้เสียกันมากยิ่งขึ้นโดยไม่ได้สนใจศีลธรรมอันดีงาม สังคมกำลังเต็มไปด้วยคนดีประเภทสร้างภาพเก่งมากกว่าดีจริงๆ การให้คำนิยามคนดีหรือความดีก็จะแตกต่างไปจากเดิมด้วย
ในยุคก่อนๆ สิ่งเหล่านี้ก็มีอยู่ แต่ภายใต้เงื่อนไขระบบทุนนิยมเสรีซึ่งเน้นปัจเจกชนนิยมในปัจจุบัน ปัญหาจริยธรรมทางเพศในสังคมทุกสังคมกำลังแย่ลงมากกว่าเดิม สังเกตได้ว่าจริยธรรมทางเพศแทบจะไม่มีการพูดถึงกันเลยจากปากนักวิชาการและนักการเมืองที่รับผิดชอบนโยบายสาธารณะในขณะนี้กันแล้ว
ผมเห็นด้วยที่รัฐบาลอินโดนีเซียออกกฎหมายห้ามคนแต่งงานมีเพศสัมพันธ์กับคนนอกสมรส เพราะมีแต่อาศัยหลักศาสนาเท่านั้นที่จะช่วยชะลอกระแสการมีเซ็กส์เสรีอย่างไร้จริยธรรมได้ระดับหนึ่ง ถือเป็นความพยายามที่จะต่อสู้กับวัฒนธรรมเสรีนิยมสไตล์อเมริกาที่กำลังเข้ามาครอบงำสังคมอาเซียนอย่างหนักในขณะนี้ของรัฐบาลอินโดนีเซีย
แต่เนื่องจากผู้คนในสังคมทุกวันนี้กำลังเพลิดเพลินอยู่กับเพลิงกิเลสคือกามราคะอย่างโงหัวไม่ขึ้น กฎหมายนี้จึงต้องถูกต่อต้านอย่างหนักจากกลุ่มคนที่ถูกวัฒนธรรมเสรีนิยมแบบอเมริกาครอบงำมาตลอดชีวิตเหล่านี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เพราะสังคมกำลังชุ่มโชกไปด้วยกิเลสกามและวัตถุกามชนิดที่ยากจะมีคนหยุดได้ ผมจึงมองว่าคนยุคนี้จะเห็นค่าพระพุทธศาสนาจริงก็ต่อเมื่อประสบทุกข์อย่างสาหัสหรือประสบปัญหาอย่างหนักหน่วงจากวัฒนธรรมทุนนิยมเสรีอย่างชัดเจนมาแล้วเท่านั้น
จีนและอินโดนีเซียนำร่องไปแล้ว แต่รัฐบาลไทยยังหน้ามืดตามัว มองกระแสการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมในสังคมตนเองกันยังไม่ออกครับ
---
หมายเหตุ: เพจนี้ต้องการคนที่เปิดเผยตัวตนมาติดตามและแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ ใครใช้ชื่อปลอม นามสกุลปลอมและรูปปลอมมาคอมเมนต์ ผมบล็อคหมดนะครับ ใครที่ปอดแหก ขี้ขลาดตาขาวหรือชอบวิจารณ์ผู้อื่นด้วยคำหยาบๆ แต่ปกปิดชื่อแซ่ ไม่ให้ใครรู้ว่าตนเป็นใคร ไม่สมควรวิจารณ์ใดๆ แค่อ่านเฉยๆ ก็พอครับ
- 30
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
