13 ธ.ค. 2022 เวลา 01:15 • หุ้น & เศรษฐกิจ
อัพเดตสถานการณ์การลงทุน 13 ธ.ค. 65 – In Brief
ภาพจาก USNews.com
ตลาดหุ้นโลกส่วนใหญ่ปรับตัวย่อลง หักลบผลบวกที่เกิดขึ้นในสัปดาห์ก่อนหน้าแทบทั้งหมด เรียกได้ว่า “ที่ขึ้นมา ติดลบคืนไปหมดภายในสัปดาห์เดียว” จากความกังวลเกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) หลังตัวเลขเศรษฐกิจไม่ได้ชะลอตัวลงมากเท่าที่คาด ทั้งนี้ ผมมองว่า ตลาดจะต้องเจอกับความผันผวนจากความไม่แน่นอนของนโยบายการเงิน Fed ต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า ทำให้การลงทุนในช่วงนี้คาดเดาทิศทางลำบากครับ
ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) สหรัฐฯ เดือน พ.ย. ชะลอตัวลงต่อเนื่องเทียบกับเดือน มี.ค. แต่ออกมามากกว่าคาด สร้างความกังวลต่อตลาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา - ภาพจาก CNBC.com
สหรัฐฯ
• ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงค่อนข้างแรงในสัปดาห์ที่ผ่านมา นำโดยหุ้นในกลุ่มพลังงานและเทคโนโลยี เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed หลังจากที่ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน พ.ย. ออกมา +0.3%MoM มากกว่าคาด จากต้นทุนค่าบริการที่เพิ่มขึ้น ทำให้ตลาดมองว่า เงินเฟ้ออาจชะลอตัวช้าลง และ Fed อาจจำเป็นต้องคงดอกเบี้ยในระดับสูงนานกว่าที่คาด
• อย่างไรก็ตาม มองในแง่ดี ดัชนี PPI ชะลอตัวลงมาอย่างต่อเนื่องเทียบกับปีก่อน เพียงแต่อาจต้องอาศัยเวลานานซักนิดกว่าดัชนี PPI จะกลับสู่ระดับที่ Fed ต้องการ เนื่องจากราคาอาหารและการขนส่งยังทรงตัวในระดับสูงนั่นเองครับ
• ติดตามการประกาศเงินเฟ้อ (CPI) เดือน พ.ย. และการประชุม Fed ในวันอังคารและพุธ ตามลำดับ ซึ่งคาดว่าเงินเฟ้อจะมีนัยต่อคาดการณ์ทิศทางดอกเบี้ยในระยะต่อไป และ Fed มีโอกาสขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมครั้งนี้
• ล่าสุด ตลาดให้ความน่าจะเป็น 74% ที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ย +0.50% ในการประชุม 13-14 ธ.ค.นี้ครับ (ตามภาพด้านล่าง)
ตลาดให้ความน่าจะเป็น 74% ที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ย 0.50% - ภาพจาก CME FedWatch Tool
ยุโรป
• ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกเล็กน้อย จากตัวเลขเงินเฟ้อของเยอรมนี และยูโรโซน เดือน ต.ค. ออกมาชะลอตัวเป็น +10.0%YoY ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีต่อตลาดในภูมิภาค ขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (Manufacturing PMI) เดือน พ.ย. ของอังกฤษและเยอรมนี อยู่ในเกณฑ์หดตัว
• ด้านตัวเลขทางเศรษฐกิจ GDP ยูโรโซน ไตรมาส 3 ขยายตัว +0.3%QoQ และ +2.3%YoY ดีกว่าคาด
นาย Andrew Bailey และนาง Christine Lagarde ประธานธนาคารกลางอังกฤษและยุโรป ตามลำดับ - ภาพจาก finance.yahoo.com/news/coronavirus-covid-19-oil-ecb-uk-budget-bank-of-england-fed-151420526.html
• ติดตาม การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และอังกฤษ (BoE) พร้อมกันในวันที่ 15 ธ.ค. นี้ คาดว่า ทั้งสองธนาคารอาจขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่น้อยลงเป็น +0.5% จากสภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มเห็นการชะลอตัว ซึ่งจะเป็นผลดีต่อความเชื่อมั่นของตลาดได้ในระยะสั้นๆ
• ตลาดยุโรปมีโอกาส “เคลื่อนไหวรอผลการประชุม ECB และ BoE ” ในสัปดาห์นี้เช่นกัน หากธนาคารกลางทั้งสองมีท่าทีผ่อนคลายลง ตลาดก็มีโอกาสปรับตัวขึ้นไปได้จนถึงปลายปีครับ
ภาพจาก www.bangkokpost.com/business/2456884/chinas-tourism-sector-hails-sudden-policy-shift-on-zero-covid-but-lockdown-scepticism-remains
เอเชีย
• ตลาดหุ้นเอเชียปิดบวกและลบสลับกัน โดยตลาดจีนและญี่ปุ่น ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ตลาดอินเดียและไทยลดลงเท่ากับที่บวกขึ้นมาในสัปดาห์ก่อน ข่าวที่หนุนทิศทางตลาดเอเชียอย่างมีนัย ได้แก่ ทางการจีนประกาศแผนผ่อนคลายนโยบาย Zero COVID 10 ประการ ในหลายเมืองสำคัญ เมื่อวันพุธ โดยตัวอย่างนโยบายที่สำคัญ ได้แก่
• ลดความถี่ในการตรวจเชื้อโควิดแบบปูพรม, อนุญาตให้ชาวจีนที่ติดเชื้อแบบไม่มีอาการ หรืออาการน้อย สามารถเลือกกักตัวอยู่บ้าน 7 วัน แทนที่จะต้องกักตัวที่ศูนย์อนามัย, ประกาศให้โรงเรียนเปิดการเรียนการสอนตามปกติ, ยกเลิกจุดตรวจภายในท้องถิ่น, ยกเลิกการแสดงผลตรวจโควิด กรณีเดินทางด้วยเครื่องบินในประเทศ, เร่งฉีดวัคซีนให้ผู้สูงอายุ เป็นต้น
• อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่า “การผ่อนคลายกฎเกณฑ์ของจีนจะเกิดขึ้นอย่างช้าๆ และต้องใช้เวลาอีกพอสมควรกว่าที่จีนจะเปิดเมือง 100%” ทำให้ ข่าวการเปิดเมืองรอบนี้ จะ “ส่งผลบวกต่อจีนระยะสั้น” จนกว่าทางการจะมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม รวมทั้ง ยังต้องติดตามตัวเลขผู้ติดเชื้อในจีนหลังจากนี้ หากจำนวนผู้ติดเชื้อในจีนเร่งตัว ก็เป็นไปได้ที่ตลาดจีนจะกลับมาถูกแรงเทขายอีกครั้ง
จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดรายวันในจีนลดลงจากราว 4 หมื่นคนช่วงต้นเดือน ธ.ค. เหลือเพียงราว 2 หมื่นคน ณ ปัจจุบัน - ภาพจาก NYTimes.com
• ด้านตัวเลขทางเศรษฐกิจ ยอดนำเข้า/ส่งออกของจีน เดือน พ.ย. หดตัว -10.6%YoY และ -8.7%YoY มากกว่าคาด ตามลำดับ และเงินเฟ้อ (CPI) เดือน พ.ย. ของไทย +5.55%YoY ชะลอตัวลง และน้อยกว่าตลาดคาด
• ตลาดหุ้นเอเชียสัปดาห์นี้ คาดว่า “จะเคลื่อนไหวผันผวน” ตามทิศทางตลาดสหรัฐฯและยุโรปเช่นกันครับ
ปธน. Vladimir Putin ผู้นำรัสเซีย - ภาพจาก Reuters.com
น้ำมัน
• ราคาน้ำมันดิบ ร่วงลงราว -10% นับเป็นการลดลงรายสัปดาห์ที่มากที่สุดในรอบ 8 เดือน หลุดกรอบที่ผมมองไว้ในสัปดาห์ก่อน จากความกังวลเกี่ยวกับความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลก ที่มีแนวโน้มถูกกระทบจากเศรษฐกิจซบเซา แม้ว่ายุโรปจะเริ่มคว่ำบาตรน้ำมันจากรัสเซียไปเมื่อวันที่ 5 ธ.ค.
• นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบถูกกดดันจากการที่แคนาดาประกาศกลับมาเปิดท่อส่งน้ำมัน Keystone ที่หยุดซ่อมแซม เนื่องจากน้ำมันรั่วไปเมื่อสัปดาห์ก่อน ทำให้ปัญหาน้ำมันหยุดชะงักกลับกลับสู่ภาวะปกติ
• ล่าสุด ราคาน้ำมันดิบ WTI สหรัฐฯและ Brent ทะเลเหนือ อยู่ที่ 71.59 และ 76.10 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ
• ติดตาม ท่าทีของรัสเซียที่ขู่จะไม่ขายน้ำมันให้กับชาติ G-7 ที่ร่วมกำหนดเพดานราคาน้ำมันดิบกับยุโรป ซึ่งล่าสุด ข่าวนี้หนุนให้ราคาน้ำมันบวกขึ้นมาเมื่อวานนี้
• Mr เต่ามองว่า ราคาน้ำมันจะ “เคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ แต่ไม่ฟื้นตัว” เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจมีแนวโน้มจะส่งผลต่อราคาน้ำมันมากกว่า การลดการผลิตน้ำมันจากรัสเซียในระยะต่อไป
ภาพจาก CNBC.com
ทองคำ
• ราคาทองคำ ถูกกดดันจากดัชนี PPI สหรัฐฯที่ลดลงน้อยกว่าคาด ล่าสุด ราคาทองคำ ปิดที่ 1,798.90 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ และในสัปดาห์นี้ ตลาดทองคำจะรอดูทิศทางการประชุม Fed ต่อไป
สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ 3 ดัชนีปิดเฉลี่ย -3.37%, ยุโรป STOXX600 -0.94%, จีน Shanghai +1.61%, ญี่ปุ่น +0.44%, อินเดีย Nifty 50 -1.07% และไทย -1.13%
ตัวเลขเศรษฐกิจในสัปดาห์ที่ผ่านมา ออกมาทั้งดีและแย่กว่าคาด โดยตัวเลขที่ดีกว่าคาด ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ (Non-Manufacturing PMI) เดือน พ.ย. ของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นเป็น 56.5 จุด ดีกว่าคาดที่ 53.3 จุด และเร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อน, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน พ.ย. ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น +0.3%MoM ดีกว่าคาดที่ +0.2%MoM
ขณะที่ตัวเลขที่แย่กว่าคาด ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อรวม (Composite PMI) เดือน พ.ย. ของอังกฤษ ที่ทรงตัวเท่ากับเดือนก่อนที่ 48.2 จุด
สิ่งที่น่าติดตาม ? สัปดาห์นี้ มีตัวเลขที่น่าสนใจค่อนข้างมาก ดังนี้
(12 ธ.ค.) GDP ของอังกฤษ คาดว่า จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น +1.4%YoY
(13 ธ.ค.) เงินเฟ้อ (CPI) เดือน พ.ย. ของสหรัฐฯ คาวด่าจะชะลอตัวลงเป็น +7.3%YoY จากเดือนก่อนที่ +7.7%YoY, เงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) เดือน พ.ย. ของสหรัฐฯ คาดว่าจะขยายตัว +0.3%MoM เท่ากับเดือนก่อน, ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ (ZEW Economic Sentiment) เดือน ธ.ค. คาดว่าจะหดตัวน้อยลงเป็น -26.4 จากเดือนก่อนที่ -36.7 จุด, เงินเฟ้อ (CPI) เดือน พ.ย. ของเยอรมนี คาดว่าจะทรงตัวที่ +10.0%YoY
(14 ธ.ค.) เงินเฟ้อ (CPI) เดือน พ.ย. ของอังกฤษ คาดว่าจะชะลอลงเล็กน้อยเป็น +10.9%YoY จากเดือนก่อนที่ +11.1%YoY, การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed Meeting), การผลิตภาคอุตสาหกรรม (Industrial Production) เดือน พ.ย. ของจีน คาดว่าจะชะลอตัวลงเป็น +3.6%YoY จากเดือนก่อนที่ +5.0%YoY
(15 ธ.ค.) การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และอังกฤษ (BoE), ยอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือน พ.ย. ของสหรัฐฯ คาดว่าจะชะลอลงเป็น +0.2%MoM จากเดือนก่อนที่ +1.3%MoM, ดัชนีการผลิตฟิลาเดลเฟีย (Philly Fed Manufacturing Index) เดือน ธ.ค. คาดว่าจะหดตัวน้อยลงเป็น -12.0 จาก -19.4 จุด ในเดือนก่อน
(16 ธ.ค.) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (Manufacturing PMI) เดือน ธ.ค. ของเยอรมนี และอังกฤษ คาดว่าจะทรงตัวเท่ากับเดือนก่อน, เงินเฟ้อ (CPI) เดือน พ.ย. ของยูโรโซน คาดว่าจะทรงตัวที่ +10.0%YoY
ทิศทางตลาดสัปดาห์นี้ ?
สัปดาห์นี้ ตลาดมีแนวโน้ม “ย่อตัวก่อนประชุม Fed และเร่งตัวขึ้นหลังจากนั้น” เนื่องจากแรงกดดันการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจะเริ่มลดลง
ตลาดมีโฮกาสย่อตัวก่อนประชุม Fed และเร่งตัวขึ้นหลังจากนั้น
เต่าน้อยลงทุน
ผมเชื่อว่า ช่วงที่เหลือของเดือน ธ.ค. ตลาดจะเกิด Santa Claus Rally หรือ การปรับตัวขึ้นของหุ้นช่วงปลายปี อย่างไรก็ตาม ตลาดยังมีโอกาสย่อตัวได้ในไตรมาส 1 เพราะฉะนั้น ช่วงนี้ “ระมัดระวังในการลงทุน เน้นหุ้นปลอดภัย” กันไปก่อนนะครับ
โชคดีในการลงทุนทุกท่านนะครับ
Mr.เต่า
ค้นหาบทความเต่าน้อยลงทุนผ่าน Facebook ได้อีกช่องทางที่
#อัพเดตการลงทุน #เต่าน้อยลงทุน #ลงทุน #การลงทุน #กองทุนรวม #ข่าวต่างประเทศ
ติดตามเพจ “เต่าน้อยลงทุน” ได้ที่
“Tracking Coronavirus in China: Latest Case Count” – NYTimes.com
“Wholesale prices rose 0.3% in November, more than expected, despite hopes that inflation is cooling” – CNBC.com
โฆษณา