12 ธ.ค. 2022 เวลา 09:14 • ความคิดเห็น
คนเราเมื่อมาถึงจุดหนึ่ง ที่เราย้อนไปทบทวนสำรวจตัวเราเอง สำรวจอารมณ์ที่เราใช้ ..กิริยากายจาจาใจ เป็นอย่างไร..ทำให้เกิดผลดีอะไรบ้าง ทั้งคนที่เรารัก พ่อแม่เรา พี่น้องเรา เพื่อนฝูงที่ใกล้ชิด เพราะความใกล้ชิด เราก็เลยมองข้าม เรื่องที่เป็นม่านบังตา ใช้อารมณ์ พูดด้วยอารมณ์ ..ทั้งที่ปรารถนาดี แต่น้ำเสียงเรามันหยาบกระด้าง เกินที่เค้าจะรับได้ ว่าเป็นน้ำเสียงของผู้ที่รักปรารถนาดีกับเค้า มันเป็นม่านเล็กๆ บางๆ ที่ไม่ไปถนอมน้ำใจกัน
เหมือนเรารักเพื่อนรักน้องเรา เราเห็นว่า เค้าทำไม่ดี..เราก็เอาแต่ว่า ดุด่า ..แล้วเสียงที่ออกไปมันดีหรือไม่ดี มันจะทำให้เค้าคิดได้ มีสติ มีเหตุผลดี กับน้ำเสียงแบบนั่น ..จะทำให้เค้า ฟังเสียงเรามั้ย เสียงที่เป็นไฟ ..มันมีแต่เผาจิตใจ ..มีแต่อารมณ์ไปเผาเค้า มันมองไม่เห็น นั่นแหละ ไอ้ตัวทิฐิเห็นตัวเองดีแล้ว..
จนกลายว่า เป็นผู้เอาทิฐิความคิดเห็นของตนเป็นใหญ่ ..พอสำรวจมากๆ ก็ค่อยเห็นความผิดพลาด ..ของตัวเอง .พยายาม..อดทนฟังเค้าให้มาก มีสติสัมปชัญญะ ให้มากขึ้น ..ทบทวนตัวเอง อารมณ์ตัวเราเอง ระมัดระวังอารมณ์ตัวเอง .มากขึ้น แต่ก็ยังมีเรื่องราวผิดพลาดเรื่องอารมณ์ ..
บางครั้ง เริ่มต้นไปด้วยดี ..เผลอคุยในเรื่องที่เกิดความขัดแย้ง ..เราก็ต้องเงียบ หรือไม่งั้น ก็หลีกหนีไป อยู่ห่างๆ ..ยังทนไม่ได้ ..มันหงุดหงิด ก็ไปดู..ต้นไม้ หรือ หาไปทำอะไรอย่างอื่น ไม่งั้นก็ต้องเปลียนเรื่องคุยกัน..เพราะไม่อยากให้อารมณ์ หงุดหงิดไม่ชอบใจ ..มันไหลเข้ามาในจิตในใจเรา เราก็หลบดีกว่า
นั่นก็เพราะว่า เราเริ่มกลัว ..กลัวที่จะใช้อารมณ์..กลัวสิ่งที่ถูกบันทึก ลงไปในธาตุทั้งสี่ ในสิ่งที่ตาเราเห็น หูได้ยิน ที่ไปเกี่ยวคล้อง ทั้งรูปทั้งเสียง เข้ามาในจิต..ทำให้จิตมันฟุ้งซ่าน หงุดหงิด ไปกับเรื่องที่เราไปเอาตาไปสัมผัส เอาหูไปสัมผัส รับเรื่องราวคนนั่นคนคนนี้เข้ามา มันเป็นการขาดสติ ไม่วะวังวิญญาณ ตา ..ตาเห็นรูป หูกระทบเสียง เกิดเป็นอารมณ์ ..โลภโกรธหลง..มีราคะ มีโทสะ มีโลกธรรมอะไรมากมาย
เราจึงต้องพยายามประคองกาย ประคองจิต อ่อนถ่อมตน ไม่เห็นตัวเองดีแล้ว ..จะได้ละไอ้ตัวอวดเก่ง อวดดีนั่นทิ้งไป มันพาเราไปสร้างกรรมโดยไม่รู้ตัว..จะได้ไม่ตัวยิ่งยโส ในกายในจิตเรา
โฆษณา