Blockdit Logo (Mobile)
รีวิวไปเรื่อยเปื่อย
•
13 ธ.ค. 2022 เวลา 10:16 • ประวัติศาสตร์
โศกนาฎกรรมสังหารหมู่ที่นานกิง NanJing Massacre
โศกนาฎกรรมการสังหารหมู่ที่นานกิง (NanJing Massacre) หรือรู้จักกันในนาม "การข่มขืนที่นานกิง" เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากการกองทัพญี่ปุ่นได้บุกยึดเมืองนานกิงไว้ได้ในวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2480
ยุทธการนานกิง เป็นส่วนหนึ่งในสงครามจีน - ญี่ปุ่น เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง ครั้งแรกที่เซียงไฮ้ และต่อมาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของสงครามโลกครั้งที่สอง กองทัพญี่ปุ่น ได้ทำการทารุณกรรมแก่เชลยสงคราม สังหารพลเรือน โดยการทารุณกรรมต่าง ๆ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ "การข่มขืน" ผู้หญิงพลเรือนจำนวน 20,000 - 80,000 คน ซึ่งเป็นที่โด่งดังไปทั่วโลก
กองทัพญี่ปุ่นได้ใช้ประโยชน์จากภูมิประเทศที่ว่า นานกิงนั้นถูกขนาบด้วยแม่น้ำถึงสองด้านด้วยกัน เมืองนี้ตั้งอยู่ทางใต้ของโค้งแม่น้ำแยงซี เมื่อไหลมาจากทางเหนือแล้วก็เลี้ยวผ่านไปทางตะวันออก กองทัพญี่ปุ่นภายใต้การนำของ "พลเอก นาคาจิมา เคซาโกะ" สามารถเดินทัพจากทางตะวันออกเฉียงใต้มาบรรจบกันที่ด้านหน้าของนานกิงในรูปครึ่งวงกลม
โดยได้ใช้แม่น้ำเป็นกำแพงธรรมชาติล้อมเมืองหลวงแห่งนี้ รวมทั้งสกัดการฝ่าหนีออกไปในปลายเดือนพฤศจิกายน ทหารญี่ปุ่นสามกองทัพเดินหน้าเข้าหานานกิง
การประหารชาวจีน
ทัพหนึ่ง : มุ่งไปตะวันตกทางฝั่งด้านใต้ของแม่น้ำแยงซี ทหารกองนี้เข้ามาทางแม่น้ำไป๋เหมา ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเซี่ยงไฮ้ โดยเดินทัพมาทางรถไฟฟ้าสายนานกิง - เซี่ยงไฮ้
ทัพที่สอง : เตรียมตัวบุกจู่โจมนานกิงทั้งทางน้ำและทางบกอยู่ที่ทะเลสาบอ้ายหู ทัพนี้เคลื่อนตัวมาจากเซี่ยงไฮ้ลงมาทางตะวันตก และเดินทัพอยู่ทางทิศใต้ของกองทัพของ "นาคาจิมา" โดยผู้นำทัพนี้คือ "พลเอกมัตสึอิ อิวาเนะ"
ทัพที่สาม : ภายใต้การนำของ "พลโทยานากาวา ไฮสุเขะ" เดินห่างจากทัพของ "พลเอกมัตสึอิ" ลงไปทางใต้และหักเลี้ยวเข้าหานานกิงจากทางตะวันตกเฉียงเหนือ
ก่อนที่จะบุกถึงนานกิง ทหารญี่ปุ่นได้เข้าโจมตีเมืองซูโจวและฆ่าทุกคนที่พบ การบุกเข้าเมืองซูโจวครั้งนี้ทำให้จำนวนประชากรลดลงจาก 350,000 คนลงเหลือไม่ถึง 500 ชีวิต
จนกระทั้งกินเวลาถึงรุ่งสางของวันที่ 13 ธันวาคม กองทัพญี่ปุ่นสามารถบุกผ่านประตูเมืองนานกิงเข้ามาได้ หลังจากที่กองทัพญี่ปุ่นบุกนานกิงได้เรียบร้อยแล้ว ได้ทำการเข้าปลดอาวุธทหารจีนที่ยอมแพ้และยอมตกเป็นเชลย
โดยมีคำสั่งต่อทหารญี่ปุ่นว่าให้กำจัดคนจีนและเชลยทุกคนที่จับได้ และจากที่ประชุมตกลงกันแล้วว่า จะทำการแบ่งเชลยออกเป็นจำนวนเท่า ๆ กัน และจะถูกนำออกมาจากที่คุมขังเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 50 คน
การขุดหลุมฝั่ง
เพื่อนำไปประหาร ใช้ทหารกองร้อยที่ 1 , 2 และ 5 โดยกองร้อยที่ 1 ใช้พื้นที่บริเวณนาข้าว และบริเวณพื้นที่ลุ่มทางตะวันตกเฉียงใต้ของกองร้อยที่ 2 และกองร้อยที่ 5 ใช้พื้นที่บริเวณนาข้าวทางตะวันออกเฉียงใต้ของที่ตั้งกอง
คำสั่งนั้นเป็นไปอย่างเหตุและผล อีกทั้งยังเป็นไปอย่างเหี้ยมโหดโดยปราศจากเมตตา เพราะไม่สามารถหาอาหารให้เชลยทั้งหมดได้ โดยสามารถช่วยขจัดปัญหาเรื่องอาหาร และลดการตอบโต้ลงได้
ญี่ปุ่นใช้วิธีการหลอกลวงเชลยเพื่อนำไปประหารหลายวิธีด้วยกัน เช่น ให้สัญญาว่าจะปฏิบัติอย่างดีหากไม่ต่อต้าน หลอกให้เข้ามอบตัว แบ่งผู้ชายออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละร้อยหรือสองร้อย แล้วหลอกไปยังจุดต่าง ๆ ที่นอกตัวเมืองเพื่อฆ่าทิ้ง
ทั้งหมดนี้ได้รับการปฏิบัติอย่างว่าง่าย ง่ายกว่าที่ฝ่ายญี่ปุ่นคาดการณ์ไว้ การต่อต้านมีเพียงบางจุด เพราะทหารจีนส่วนใหญ่ทิ้งอาวุธและทิ้งเมืองไปก่อนแล้ว เชลยศึกชาวจีนกำลังถูกทหารญี่ปุ่นประหารโดยการตัดคอด้วยดาบซามูไร "กุนโตะ"
การทารุณกรรมชาวจีน
การสังหารพลเรือนการดำเนินการกับเชลยศึกจีน
ในวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 1937 กองทัพญีปุ่นไม่สามารถหาอาหารมาให้แก่เชลยศึกอย่างเพียงพอได้ จึงคิดทำการสังหารเชลยศึกเสีย แต่กฎหมายระหว่างประเทศในขณะนั้นได้ให้การคุ้มครองแก่เชลยศึกอยู่
"จักรพรรดิฮิโรฮิโต" จึงได้มีรับสั่งแก่ทหารทุกนายให้ยกเลิกการใช้คำว่า "เชลยศึก" กับชาวจีนที่ถูกจับได้ และนำเชลยศึกเหล่านั้นไปทำการสังหารที่บริเวณแม่น้ำแยงซี การสังหารเชลยศึกส่วนใหญ่เกิดขึ้นในวันที่ 18 ธันวาคม หรือถูกเรียกว่า String Gorge Massacre
ทหารญี่ปุ่นใช้เวลาในช่วงเช้าเพื่อมัดเชลยศึกเข้าด้วยกันเป็นจำนวนหลายแถว และเปิดฉากยิงใส่ด้วย ปืนกล เชลยศึกที่ถูกมัดอยู่ไม่สามารถหนีได้ ทำได้เพียงกรีดร้องเท่านั้น เชลยศึกราว 57,500 คนถูกสังหาร
บางส่วนถูกทหารญี่ปุ่นมัดเข้าด้วยกัน และให้เหยียบกับระเบิด เพื่อสังหารหมู่ บ้างก็มัดเข้าด้วยกันแล้วจุดไฟเผา
Nanjing Massacre: Denmark honours hero who rescued Chinese
ทหารญี่ปุ่นทำการทารุณกับชาวนานกิงเกินกว่าที่มนุษย์จะเข้าใจได้ เช่น ฝังทั้งเป็น โดยจะขุดหลุม และฝังเชลยให้โผล่ขึ้นมาแค่เพียงหน้าอกหรือแค่คอ เพื่อจะได้รับทุกข์ทรมานต่างอีกหลายอย่าง
เช่น ฉีกเป็นชิ้น ๆ ทหารญี่ปุ่นคว้านตับไตไส้พุง ตัดหัวหรือสับเหยื่อเป็นชิ้นๆแล้วโยนให้สุนัขกิน ตอกเชลยไว้กับแผ่นไม้แล้วให้รถถังแล่นทับ ใช้เป็นที่ซ้อมเสียบดาบปลายปืน ควักลูกตา หั่นจมูกและใบหูก่อนเผาทั้งเป็น
การสังหารพลเรือน
หลังทหารจีนยอมแพ้ ก็เท่ากับไม่เหลือใครที่จะปกป้องพลเรือนในตัวเมือง ทหารญี่ปุ่นหลั่งไหลเข้ามา ยึดอาคารที่ทำการรัฐบาล ธนาคารและโรงเก็บสินค้า ยิงผู้คนตามท้องถนนอย่างไม่เลือกหน้า
โดยใช้ทั้งปืนพก ปืนกล ยิงเข้าไปในฝูงคนที่มีทั้งทหารที่บาดเจ็บ หญิงชรา และเด็ก ๆ ทหารญี่ปุ่นฆ่าพลเรือนทุกมุมเมือง ไม่ว่าจะตามตรอกเล็กหรือถนนสายใหญ่ หรือแม้แต่ในอาคารที่ทำการรัฐบาล
NanJing Massacre
การข่มขืน
หญิงชาวจีนถูกข่มขืนไม่ต่ำกว่า 20,000 คน ญี่ปุ่นข่มขืนชนิดไม่เลือกหน้า ไล่ตั้งแต่ชาวนา เด็กนักเรียน ครู พนักงานระดับบริหาร คนงาน อาจารย์มหาวิทยาลัย หรือแม้กระทั่งแม่ชี ต่างก็เลี่ยงไม่พ้นการถูกข่มขืนทั้งสิ้น
โดยผู้หญิงคนหนึ่งจะตกไปอยู่ในมือของทหารประมาณ 15 ถึง 20 คน บางคนในจำนวนนี้ถูกเรียงคิวจนถึงแก่ความตาย แต่กฎของกองทัพที่ว่าห้ามข่มขืนผู้หญิงของฝ่ายตรงกันข้ามนั้น ทำให้ทหารสังหารเหยื่อเสียเมื่อเสร็จธุระ
พฤติกรรมเช่นนี้ไม่ได้กระทำกันเฉพาะในหมู่พลทหาร แม้ระดับนายทหารก็ไม่เว้น บางคนยังเตือนให้พลทหารจัดการเหยื่อเมื่อเสร็จธุระเพื่อกำจัดหลักฐาน
หญิงในนานกิงถูกข่มขืนชนิดไม่เลือกที่และไม่เลือกเวลา
หนึ่งในสามของการข่มขืนทั้งหมดเกิดขึ้นตอนกลางวันแสก ๆ และไม่มีสถานที่แห่งใดปลอดจากการข่มขืน เช่น คนท้อง หญิงชรา ในเรือนแม่ชี ในโบสถ์ แม้แต่ในโรงเรียน
นอกจากนี้คนเฒ่าคนแก่ยังไม่สามารถใช้ความชราเป็นเกราะคุ้มกันการข่มขืนได้ ผู้เฒ่าต่างต้องเผชิญทารุณกรรมทางเพศอย่างถ้วนหน้าและซ้ำซาก ยายวัยแปดสิบจำนวนมากถูกข่มขืนจนตายคาที่ และอย่างน้อยก็ถูกยิงตายเพราะปฏิเสธการถูกข่มขืน
Memorial Hall for the Victims of the Nanjing Massacre by the Japanese Invaders
หลังสงคราม
แม้ว่าสงครามโลกครั้งที่สองได้จบลงไปแล้วด้วยความพ่ายแพ้ของญี่ปุ่น จากการกระทำสังการหมู่ชาวจีนในนานกิง ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างจีน - ญี่ปุ่นตกต่ำอย่างถาวรที่ไม่อาจฟื้นฟูขึ้นมาได้ เพราะชาวจีนได้โกรธแค้นญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก
จึงได้ทำการต่อต้านญี่ปุ่นตลอดมาจนถึงปัจจุบัน ถึงแม้ญี่ปุ่นจะเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจและรักสันติสุขก็ตามหรือแม้แต่นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นหรือจักรพรรดิญี่ปุ่นมากล่าวขอโทษด้วยตนเองก็ไม่อาจทำให้ชาวจีนยกโทษได้เลย
ในหลักสูตรวิชาประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นก็ยังทำการบิดเบือนด้วยการข้ามกระทำอันโหดร้ายในนานกิงและบอกว่า "เพียงแค่ยึดนานกิงเท่านั้น ทำให้ชาวจีนไม่พอใจและไม่ไว้ใจต่อญี่ปุ่นมาก"
โฆษณา