14 ธ.ค. 2022 เวลา 05:34 • หุ้น & เศรษฐกิจ
✅✅ สรุปคลิปกลยุทธ์ VI ปี 2566 ถอดบทเรียนพี่พีรนาถ โชควัฒนา 📌
1
สิ่งที่เป็นบทเรียนที่พี่พีได้รับในปีนี้ พี่พีบอกว่าทุกปีมันก็เหมือนกัน ไม่ได้สนใจภาพmacro เพราะหุ้นมีขึ้นมีลง ส่วนใหญ่จะสนใจแต่บริษัทที่ถือหุ้น
หลายคนกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกในปีหน้า แต่จากการที่พี่พีได้ใช้บริการbtsก็ยังมีคนแน่นมากขนาดนักท่องเที่ยวจีนยังไม่มา จึงคิดว่าเศรษฐกิจไทยก็ยังน่าจะได้อยู่ คนที่มีรายได้จากนักท่องเที่ยวที่มากขึ้น ก็น่าจะจับจ่ายมากขึ้นด้วย
📌มือใหม่มีวิธีการเลือกหุ้นอย่างไร❓
พี่พี “ เลือกหุ้นจากสิ่งที่เข้าใจเท่านั้น ”อะไรที่เข้าใจไม่ได้ก็จะไม่สนใจเลย แต่ตอนนี้หลังจากที่อยู่มานานและเจ็บตัวเยอะแล้ว สิ่งหนึ่งที่เตือนตัวเองอยู่ตลอดเวลา คือ หุ้นทุกตัวที่คนสนใจเยอะๆ พี่พีจะไม่สนใจเลย เช่น อาหารสัตว์เลี้ยง Tech consult จะไม่สนใจเลย รอช่วงคนที่ไม่สนใจถึงจะกลับมาดู เพราะคิดว่าเก่งสู้เด็กสมัยใหม่ไม่ได้ เพราะหุ้นในกระแสจะมีคนเก่งๆสนใจเยอะ เพราะตลาดไม่เคย balance
> หุ้นที่คนสนใจเยอะราคามัก over price
> พอคนเลิกสนใจราคาก็จะ under valuation
พี่พีลงทุนแบบไม่โลภ และจากการวิเคราะห์มาแล้ว สาเหตุที่ขาดทุนเกิดจากการที่โดนล่อเข้าไปในหุ้นที่มีกระแสและไม่ได้รู้จริงเหมือนกับคนอื่น ขนาดพยายามที่จะอยู่นอก circle ของความสนใจแล้วมันก็ยังได้ยิน บางคนเขาไวกว่า อยู่ในต้นกระแส ปั่นกระแสขึ้นมาให้คนอื่นตาม แล้วก็รู้ว่าต้องออกเมื่อไหร่ แต่พี่พีถือยาวถ้าไปตามเขาเสร็จแน่นอน
1
- ภาพปีหน้าถ้าตลาดผันผวนจริง พี่พีก็จะทยอยลดmargin แต่หุ้นที่สนใจส่วนใหญ่คนจะไม่สนใจ เมื่อไหร่ที่มีคนสนใจ มีvolumeเข้ามาซื้อเยอะๆจะทยอยออกอยู่แล้ว
1
“ พี่พีจะซื้อตอนคนไม่สนใจ และจะทยอยออกตอนคนแห่ซื้อเยอะๆ ”
1
เพราะมันจะไม่เดือดร้อนใคร พี่พีจะไม่ขายตั้งbid แต่ตั้งofferอย่างเดียว
1
หุ้นที่คนไม่สนใจพี่พีบอกว่าใช้ Technical มาดูได้ คือลงมาเรื่อยๆแล้วมันหยุดลง เริ่มนิ่งๆ sideway ข้างล่างนาน แล้ว volume หายไปเลย ค่อยๆศึกษาไปทีละนิดละหน่อย ดูภาพรวมมากกว่าตัวเลข ตอนที่รู้สึกว่าคิดผิดก็จะศึกษาเพิ่ม ถ้าไม่แน่ใจก็หยุดไปก่อน
1
พี่พีบอกว่าตัวเองเป็น active investor หลายๆบริษัทที่ถือหุ้นจะรู้สึกว่าเป็นเจ้าของจริงๆจะพยายามไปช่วยเขา อะไรที่contributeได้เยอะก็จะถือเยอะขึ้น แต่ก็ไม่เสมอไป
📌Check list หุ้นคุณภาพดี
พี่พีลง start-up เยอะ และคิดว่าการลงบริษัท กับ start-up มันเหมือนกัน การลง start-up จะต้องถูกจริตกับfounderก่อน
สิ่งสำคัญที่สุดในการลงทุน คือ “ เจ้าของบริษัท ” ✨
บริษัทต้องดูว่าเจ้าของบริษัทต้องถือหุ้นเยอะหน่อย ควรเกิน50% เพราะผลประโยชน์ของเค้าจะไปกับบริษัท จะมีโอกาสทำให้เราเติบโตไปพร้อมกับเขา
พี่พีจะเข้าบริษัทที่เล็กๆเท่านั้น บริษัทที่market cap ใหญ่ๆจะไม่เข้าเลย
ถ้าจะเปลี่ยนตัวพี่พีจะดูที่ความน่าสนใจของธุรกิจเปลี่ยนไปจริงๆ เช่น จากคอมพิวเตอร์มาเป็นมือถือ
เวลาซื้อหุ้นไม่ต้องดูที่โอกาสในการเติบโต พอผิดหวังมัน under value เราซื้อตอนที่มัน under แล้วมันขึ้นมาที่เหมาะสม ก็โอเคแล้ว แต่ปกติมันก็จะไม่เหมาะสมจะunderเยอะๆ แล้ว over ไปพอสมควร
การดูว่าหุ้นมัน under พี่พีจะเปรียบเทียบ market cap กับ cost industry เช่น ธุรกิจที่พันล้านมีบริษัทไหนบ้างในตลาด? แล้วดูความเหมาะสมเทียบกัน ไม่ได้เทียบในกิจการเดียวกัน แล้วก็ดูคุณภาพของกิจการว่าเป็นยังไง?
พี่พีไม่ได้สนใจหุ้นเล็กที่ไม่มีกำไร ไม่มีพื้นฐาน
> หุ้นเล็กที่ถูกลาก ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นเล็กที่ไม่มีพื้นฐาน
> หุ้นเล็กที่มีพื้นฐาน ไม่ถูกคนมองมันมี พี่พีมีเยอะมากในพอร์ท เกิน100ตัว
📌มุมมองความเสี่ยงและโอกาสระหว่างหุ้นที่ทำธุรกิจหลักอย่างเดียวกันอย่างยาวนาน กับ หุ้นที่เจ้าของขยันทำธุรกิจหลายsector
ถ้าเขาขยายตอนแข็งแกร่งโอเค มันมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ขึ้นอยู่กับเจ้าของว่าใช้คนเป็นหรือเปล่า
ปกติเวลาเข้าซื้อจะดูปันผลประกอบ เพราะใช้margin ดอกเบี้ย4-5%
กลุ่มEV รถยนต์พี่พีไม่เคยดู
กลุ่มเครื่องสำอางค์ เป็นกลุ่มที่ดี เพราะใช้แล้วหมดไป ไม่ต้องใช้หมดก็ยังซื้อใหม่ได้ น่าสนใจ
กลุ่มผลิตเสื้อผ้า ค่าแรงเพิ่มขึ้นจะมีความเสี่ยงหรือเปล่า พี่พีมองว่าเสื้อผ้าเป็นปัจจัย4 ยังไงก็ขายได้ เป็นของซื้อด้วยอารมณ์ หุ้นที่มีสนใจมา7ปีแล้ว เพิ่งจะได้ซื้อ
กลุ่มโรงพยาบาล สมัยก่อนพี่พีไม่มี ตอนนี้มีบ้างแต่ไม่เยอะ เก็บจากช่วงโควิดมาหลายโรงอันไหนขึ้นเยอะแล้วก็มีขายออกไป ถือเป็นsectorที่ค่อนข้างเข้มแข็งสำหรับบ้านเรา
1
การใช้เงินกู้ในการลงทุน พี่พีไม่แนะนำ ถ้าไม่จำเป็นไม่ควรใช้ มันอันตราย เพราะเราถือหุ้นระยะยาว margin เป็นเงินกู้ระยะสั้น ยกเว้นจะได้เป็นloan 10 ปี แล้วถือหุ้น10ปี บริษัทที่ไปลงมันgrowthได้ปันผลสูงกว่าดอกเบี้ยเงินกู้ยังโอเค แต่ก็ไม่แนะนำ
เกณฑ์การคัดเลือกหุ้นในปีหน้า มีหุ้นต่ำกว่าราคา IPO เยอะเลย ถ้าพอร์ทเล็กให้ดูหุ้นที่ต่ำกว่าราคา IPO แต่market cap เล็กๆ ไม่มีคนสนใจ
ปันผลขั้นต่ำขึ้นอยู่กับแต่ละกิจการว่าเป็นยังไง
พี่พีไม่ไปลงทุนในต่างประเทศ เลือกแค่ในตลาดไทยที่สนใจ
1
กลุ่มชุดชั้นใน มีแต่เจ้าของขายหุ้น ซึ่งพี่พีไม่ชอบบริษัทที่เจ้าของขายหุ้น โดยไม่มีเหตุผลสมควร
บริษัทขนม พี่พีมีแต่ไม่ใช่ที่ PEสูงๆ ไม่ซื้ออนาคต เอาแต่ปัจจุบัน
หุ้นน้ำประปา พวกสัมปทาน พี่พีไม่เข้าใจ อะไรที่คิดว่าปลอดภัยยังจะมีคนแย่งไปเลย
หุ้นอสังหา พี่พีลงทุนแทบไม่ได้กำไร เพราะหุ้นเยอะมาก ตลาดไม่ให้PE แทบcoverไม่ได้
วิธีหาหุ้นเล็กที่เติบโต เป็นของรอบตัว ต้องดูว่าใครคือลูกค้า แล้วลูกค้ารู้สึกยังไง ใครคือคู่แข่ง ดูเคาน์เตอร์รอบๆกัน ดูศักยภาพว่าปลอดภัยหรือเปล่า dividendได้ประมาณนึง growthต่ำๆก็ได้แล้ว ซื้อจุดที่คิดว่าคุ้ม อย่างJMART ไม่ได้เซ็กซี่ ซื้อตอนdividend yieldมันสูงมาก เขามีความต้องการที่จะgrowth แต่หลายโปรเจคก็ไม่สำเร็จ แต่เขาขยันคิดดี ไม่สำเร็จก็ทำอย่างอื่นแทน
และถ้า PE เกิน 30 จะเริ่มรู้สึกว่าแพงไป ช่วงครึ่งปีหลังพี่พีมีไอเดียในการลงทุนว่าStart-up มันเสี่ยงกว่าการลงทุนในsetมากๆ และvaluationบางบริษัทที่ไม่ได้กำไรมันมากกว่าบริษัทจดทะเบียนอีก หลังๆเลยเอามาเทียบกับstart-upที่ไม่มีPE ถ้าลงทุนใน start-upได้ ในsetก็สบาย
พี่พีเข้าไปลงทุนใน Start-up บางอันที่เป็นSME ก็มี
เลือกจาก founderถูกชะตา อยากช่วยสนับสนุน ไม่รู้เรื่องอะไรก็อยากจะรู้ มีลงทุน Tech ,Big data , AI. Ceber security นอกตลาด แล้วหลังจากนั้นก็ดูว่าบริษัทจดทะเบียนไหนต้องการพวกนี้ก็ทำหน้าที่ไปแนะนำเขา
————————///////////////////////—————————
🙏🏻🙏🏻ขอบคุณคลิปดีๆจากรายการ ถามอีกกับอิก 🙏🏻🙏🏻
สรุปคลิป by แอดมินสานฝัน
ผู้สนับสนุน
สนใจเปิดบัญชี ค่าคอมหุ้น 0.05%
TFEX สัญญาละ 18-20
กับโบรคเกอร์
แนะนำหุ้นโดยที่ผู้แนะนำการลงทุนที่มีใบอนุญาต
แจ้งชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรทาง INBOX ได้เลยครับ
โฆษณา