19 ธ.ค. 2022 เวลา 05:30 • ธุรกิจ
ต้องยอมรับว่าเทคโนโลยีและนวัตกรรมในปัจจุบัน เป็นตัวช่วยสำคัญที่เข้ามามีบทบาทต่อการใช้ชีวิต และไม่ใช่แค่มาช่วยสร้างความสะดวกสบายเท่านั้น แต่ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ต่อการทำงานในด้านอื่น ๆ ได้อีกหลากหลายรูปแบบ เช่นเดียวกับระบบรักษาความปลอดภัยในปัจจุบัน ที่ถูกพัฒนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยกระดับด้านความปลอดภัยให้มีความรัดกุมมากขึ้น ผ่านการใช้งานเทคโนโลยีระบุตัวตนด้วย AI แต่กว่าจะพัฒนามาถึงจุดที่ใช้งานได้อย่างชาญฉลาดเช่นนี้ จะต้องผ่านอะไรมาบ้าง ลองไปย้อนรอยดูถึงความสำเร็จนี้กัน!
Biometrics รากฐานที่แท้จริงของระบบระบุตัวตนด้วย AI
เพราะทุกก้าวของการพัฒนา ต้องมีที่มาจากโมเดลที่สามารถใช้งานได้จริง เช่นเดียวกับระบบ Biometrics หนึ่งในนวัตกรรมรักษาความปลอดภัยที่ดีที่สุดในยุคหนึ่ง ก่อนจะถูกเปลี่ยนผ่านมาสู่ยุคปัจจุบันที่ใช้ระบบการระบุตัวตนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาแทนที่
เทคโนโลยีพิสูจน์อัตลักษณ์ (Biometrics) คืออะไร?
เทคโนโลยีพิสูจน์อัตลักษณ์ (Biometrics) เป็นเทคโนโลยีชีวมิติใกล้ตัว โดยมีจุดประสงค์ในการใช้งานเพื่อระบุตัวตนและตรวจพิสูจน์ผู้ใช้งาน โดยจะใช้เทคนิคการแปรค่าอัตลักษณ์ของบุคคล(Personal Identity) ที่ระบุได้จากกายภาพและพฤติกรรม โดยจะมีรายละเอียดการทำงาน ดังนี้
การระบุโดยใช้ลักษณะทางกายภาพ
เป็นการใช้ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ให้ระบบได้ทำการพิสูจน์และยืนยันข้อมูล สามารถใช้ได้ทั้งการสแกนลายนิ้วมือ การวิเคราะห์โครงร่าง สแกนม่านตา และตรวจสอบใบหน้า เพื่อวิเคราะห์และเทียบเคียงกันแบบจุดต่อจุด พร้อมยืนยันว่าบุคคลดังกล่าวมีลักษณะทางกายภาพตรงกับข้อมูลที่บันทึกไว้
การระบุโดยใช้ลักษณะทางพฤติกรรม
เป็นการตรวจสอบในสิ่งที่ไม่สามารถจับต้องได้ แต่บ่งบอกถึงอัตลักษณ์เฉพาะตัวของบุคคลผ่านพฤติกรรมอันเป็นเอกลักษณ์อย่าง การพิมพ์ เสียงพูด กลิ่น และลายเซ็น ซึ่งวิธีนี้ในยุคก่อนถือได้ว่าเป็นหนึ่งในนวัตกรรมการระบุตัวตนที่สามารถทำได้อย่างแม่นยำ
จะเห็นได้ว่า แท้จริงแล้วระบบ Biometrics มีความปลอดภัยที่รัดกุมและถูกนำไปปรับใช้ในระดับที่แตกต่างกันได้อย่างยืดหยุ่น ทว่ามนุษย์เองก็มีการพัฒนาไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้งเช่นกัน ทำให้ระบบความปลอดภัยที่เคยเสถียร กลายเป็นมีช่องโหว่ขนาดใหญ่ที่สามารถแทรกซึมการเข้าถึงได้ง่าย ด้วยการปลอมแปลงตัวตนไม่ว่าจะเป็นวิธีอย่าง การใช้สกอตซ์เทปคัดลอกลายนิ้วมือหรือการปลอมแปลงลายเซ็น เป็นต้น และด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมความปลอดภัยใหม่ ๆ อย่างการ “ระบุตัวตนด้วย AI” ขึ้นมาแทนที่
ก้าวเข้าสู่ยุคอัจฉริยะกับการระบุตัวตนด้วย AI
การระบุตัวตนด้วย AI (Face Recognition AI) คือระบบการจดจำ ผ่านกระบวนการวิเคราะห์และประมวลผลจากภาพใบหน้าที่ตรวจจับได้ ด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) ซึ่งนวัตกรรมนี้ได้ถูกนำไปใช้กันอย่างแพร่หลาย และพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยได้สูง แถมยังสามารถระบุตัวตนด้วยความรวดเร็วจากการทำงานของ AI อัจฉริยะที่สามารถจดจำ ตรวจสอบ และเข้าใจลักษณะของมนุษย์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ!
ข้อดีของการระบุตัวตนด้วย AI ที่พัฒนาต่อยอดมาจาก Biometrics
การันตีมาตรฐานความปลอดภัย ยืนยันได้อย่างแม่นยำ
ยกระดับความปลอดภัยที่พัฒนาต่อยอดมาจากระบบ Biometrics ด้วยการเพิ่มขั้นตอนการระบุตัวตนด้วยอัลกอริทึมของ AI ที่สามารถจดจำและวิเคราะห์ได้อย่างอัจฉริยะ พร้อมช่วยพิสูจน์อัตลักษณ์ได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว ตอบโจทย์ธุรกิจที่ต้องการบริการลูกค้าในแบบเรียลไทม์ ช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำธุรกรรมต่าง ๆ ให้มีความรัดกุมที่สุด
ไร้โอกาสปลอมแปลงใบหน้าด้วย Liveness Detection
สะดวกยิ่งกว่าด้วยความสามารถของเทคโนโลยีระบุตัวตนด้วย AI ที่สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างรูปถ่ายและบุคคลจริงได้อย่างแม่นยำ ช่วยป้องกันการปลอมแปลงตัวตน ทั้งยังสามารถป้องกันการถูกโจมตีทางไซเบอร์ และการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ชอบธรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
ตอบโจทย์ยุคโควิด-19 กับการใช้งานแบบ Contactless
มิติใหม่ของระบบการยืนยันตัวตนก่อนเข้าทำงานและการเข้าถึงข้อมูล ผ่านการใช้ Face Recognition ในการการระบุตัวตน ตอบโจทย์การใช้งานแบบ Contactless ในยุคที่ต้องระมัดระวังการสัมผัส นอกจากนี้ยังช่วยลดความล่าช้าที่เกิดจากการประมวลผลผ่านลายนิ้วมือ ที่อาจเกิดผิดพลาดได้อีกด้วย
Think AI Think AIGEN
อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่ลิงค์ : https://bit.ly/3VHQ66v
ผู้ที่สนใจเกี่ยวกับการนำโซลูชัน AI-Powered Face Recognition ไปใช้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้กับธุรกิจ
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ AIGEN ได้ที่
· Facebook : AI GEN : ไอเจ็น
· Line : @aigen
โฆษณา