15 ธ.ค. 2022 เวลา 08:08 • ข่าวรอบโลก
เหลือเชื่อ !! ประเทศแรกในโลกที่ทำสำเร็จ นิวซีแลนด์ได้ออกกฏหมาย ที่จะส่งผลให้ทั้งประเทศปลอดการสูบบุหรี่ เรียบร้อยแล้ว
2
มีข่าวใหญ่ของโลก และต้องถือว่าเป็นนวัตกรรมของกฎหมายที่ประเทศนิวซีแลนด์สามารถฝ่าฟันปัญหาอุปสรรคนานัปการออกกฎหมายสำเร็จ
โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขนิวซีแลนด์ A.Verrall ได้ออกมาแถลงว่า
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (13ธันวาคม2565) รัฐสภาของนิวซีแลนด์ได้ผ่านกฎหมายฉบับสำคัญยิ่ง ด้วยเสียงเกือบเป็นเอกฉันท์ มีสมาชิกรัฐสภาเพียงพรรคเดียวเท่านั้นที่คัดค้านและเป็นพรรคเล็กด้วย
โดยกฎหมายดังกล่าว มีเจตนาที่จะทำให้ประเทศนิวซีแลนด์ เป็นประเทศแรกของโลกที่ปลอดบุหรี่
1
อย่างน้อยที่สุด ในสามปีข้างหน้าจะทำให้คนสูบบุหรี่มีจำนวนต่ำกว่า 5% ของประชากร และจะค่อยทยอยพบคนรุ่นใหม่ปลอดบุหรี่หรือไม่สูบบุหรี่ เพิ่มเป็นลำดับ
โดยหลักการสำคัญที่สุดคือ กำหนดให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 14 ปีในปัจจุบันคือเกิดในปี 2008 จะไม่สามารถซื้อบุหรี่โดยถูกต้องตามกฎหมายอีกต่อไป แล้วก็จะไม่สามารถซื้อต่อไปได้ตลอดชีวิต
3
ดังนั้นจำนวนเด็กที่เกิดใหม่ในแต่ละปี ก็จะเข้าเงื่อนไขอันนี้ด้วย ทำให้สัดส่วนของผู้ที่ไม่สามารถซื้อบุหรี่โดยถูกกฎหมาย จะเพิ่มขึ้นเรื่อยเรื่อย
จะทำให้จำนวนผู้ที่สูบบุหรี่ลดลงเมื่อคิดเป็นร้อยละของประชากร
โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้กล่าวว่า ช่วงเวลาหลายทศวรรษที่ผ่านมา นิวซีแลนด์ได้ยอมให้บริษัทบุหรี่ร่วมกับอีกหลายฝ่าย ทำให้ธุรกิจบุหรี่สามารถครองตลาดของประชาชนในนิวซีแลนด์ โดยผลิต จำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เป็นอันตรายแก่ชีวิตและเสพติดมากขึ้น
และยังกล่าวต่อไปว่า นิวซีแลนด์มีกฎหมายที่เข้มงวดมากในการดูแลสุขภาพ เช่น เรามีกฎหมายที่เข้มงวดกับเรื่องอันตรายความปนเปื้อนของสารต่างๆในแซนด์วิชมากกว่าการป้องกันอันตรายที่เกิดจากบุหรี่เสียอีก
เรื่องของสิ่งเสพติดแต่ถูกกฎหมาย เป็นปัญหาโลกแตกเรื้อรังมานาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุราหรือบุหรี่ ซึ่งต่อไปก็จะมีเรื่องกระท่อมและกัญชาเข้ามาด้วย
แม้ส่วนใหญ่จะทราบกันดีถึงพิษภัยหรือภยันตราย เช่น
สุรา ทำให้มีความเสี่ยงต่อตับแข็งเกิดเป็นมะเร็งตับ เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุในการขับรถหรือควบคุมยานพาหนะต่างๆ นำมาซึ่งความเสียหายทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินของตนเองและผู้อื่นที่ไม่ได้ดื่ม เสี่ยงในการทำให้เกิดการทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกายกัน
บุหรี่ มีความเสี่ยงทำให้เกิดมะเร็งปอด ทำให้มีความเสี่ยงต่อผู้อยู่ใกล้ชิด เช่น คนในครอบครัว ญาติสนิทมิตรสหาย สามารถเกิดมะเร็งปอดได้ด้วย เรียกว่าผู้สูบมือสอง (Passive Smoker)
แม้ทุกประเทศจะเห็นถึงพิษภัยดังกล่าว แต่ทั้งบุหรี่และสุราก็ยังคงมีอยู่ในเกือบทุกประเทศทั่วโลกแบบถูกกฎหมายเสียด้วย
1
เหตุก็น่าจะมาจาก มีผู้เสพติดเป็นจำนวนมากและมีความยากลำบากในการเลิก ตลอดจนยังไม่เห็นภัยอันตรายอันใกล้ตัวในระยะสั้น
มีบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีรายได้มหาศาลจากผลิตภัณฑ์อันตรายต่อสุขภาพดังกล่าว ส่งผลให้ใช้ความพยายามและสร้างอิทธิพลในรูปแบบต่างๆ ให้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวยังคงอยู่ได้
และรัฐบาลหลายประเทศ ก็ยังหวังรายได้จากบุหรี่และเหล้า นำมาบริหารประเทศ แม้จะมีการศึกษาที่ชัดเจนว่า ได้ไม่คุ้มเสีย คือภาษีที่เก็บได้นั้น เมื่อนำมารวบรวมแล้ว เทียบกับความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไม่ได้เลย
หลากหลายประเทศที่ตระหนักถึงภยันตรายดังกล่าว ก็ทำได้เพียงลดหรือควบคุมการบริโภคให้น้อยลงเช่น
กำหนดอายุของผู้ที่จะซื้อหรือบริโภค กำหนดสถานที่ที่ห้ามไม่ให้สูบบุหรี่ กำหนดการห้ามขับรถ ถ้าดื่มจนมีระดับแอลกอฮอล์สูงเกิน
หลายประเทศพยายามออกกฏหมายที่จะทำให้ปลอดบุหรี่และสุรา แต่ก็ยังไม่เคยประสบความสำเร็จอย่างจริงจัง
วันนี้นิวซีแลนด์เป็นประเทศแรกของโลก ที่สามารถสร้างเรื่องน่าตื่นเต้นและน่าชื่นชม สามารถผลักดันกฎหมายที่ถือว่าเป็นนวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ เพราะทำได้ยากมาก และยังไม่มีประเทศใดในโลกทำได้มาก่อน
1
โดยรัฐสภาของนิวซีแลนด์ได้ผ่านกฎหมายที่มีนัยสำคัญหลายประการได้แก่
1) ห้ามประชาชนนิวซีแลนด์ที่มีอายุตั้งแต่ 14 ปีลงมา ซื้อบุหรี่ และในอนาคตเมื่อคนเหล่านี้อายุมากกว่า 14 ปี มากกว่า 20 ปี หรือโตเป็นผู้ใหญ่ ก็ห้ามซื้อบุหรี่เช่นกัน
2) เร่งลดความเข้มข้นของนิโคตินซึ่งเป็นสารอันตรายและเสพติดลง
3) ลดจำนวนร้านค้าที่ขายบุหรี่ลงมากถึง 90% จาก 6,000 ร้าน เหลือ 600 ร้าน
4) รณรงค์อย่างหนักในกลุ่มผู้ที่ติดบุหรี่อยู่แล้ว
ทั้งนี้พบว่ามาตรการที่ผ่านมาในอดีต นิวซีแลนด์สามารถลดจำนวนผู้สูบบุหรี่ลงได้เป็นลำดับ ขณะนี้ลงมาอยู่ในระดับ 10% ของประชากร แต่ยังมีชาวพื้นเมืองเมารีที่ติดอยู่สู งถึง 28%
ทางการของนิวซีแลนด์บอกว่า รัฐบาลจะทำการปกป้องประชาชนครอบครัว ให้มีอายุที่ยืนขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และระบบสุขภาพจะประหยัดเงินมากถึง 5,000 ล้านเหรียญนิวซีแลนด์ต่อปีในการดูแลรักษาผู้ป่วยที่เกิดจากการสูบบุหรี่อีกด้วย
1
แน่นอน เรื่องแบบนี้ต้องมีปฏิกิริยาต่อต้านไม่เห็นด้วย ทั้งจากบริษัทยักษ์ ใหญ่ที่ผลิตบุหรี่ นักการเมืองบางส่วนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ตลอดจนประชาชนที่สูบบุหรี่ ร้านค้าจำหน่ายบุหรี่เป็นต้น
แต่ด้วยวิสัยทัศน์ ความกล้าหาญ และการบริหารจัดการที่ยอดเยี่ยมของรัฐบาลนิวซีแลนด์ ร่วมกับภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง
1
ในที่สุดก็บรรลุความสำเร็จ ทำให้กฏหมายดังกล่าวผ่านรัฐสภาออกมาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะมีผลในปี 2566 เป็นต้นไป
น่าสนใจมากว่า จะมีประเทศใดเป็นลำดับที่สองของโลกที่ออกกฏหมายในลักษณะนี้อีก
อยากให้ประเทศไทยเรา เป็นประเทศลำดับที่สอง ที่ออกกฏหมายแบบนิวซีแลนด์ครับ
1
Reference
โฆษณา