17 ธ.ค. 2022 เวลา 14:12 • อสังหาริมทรัพย์
Central ได้มองปัจจุบันทุกภาคส่วนกำลังอยู่ท่ามกลางความท้าทายระหว่างที่กำลังฟื้นตัวจากโควิด แน่นอนว่าพฤติกรรมผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ธุรกิจต้องปรับตัวตาม
สังเกตการณ์จับจ่ายใช้สอยของผู้คนกำลังฟื้นกลับมาอีกครั้งจากแรงกระตุ้นต่าง ๆ ทั้ง มาตรการภาครัฐ และ การทำการตลาดของภาคเอกชน แม้แต่ธุรกิจโณงภาพยนตร์ก็สามารถกลับมาดีขึ้นได้ใกล้เคียงกับธุรกิจอื่น ๆ โดย 2-3 ปีที่ผ่านทุกธุรกิจต้องเจออุปสรรคทั้งเงินเฟ้อ โดยเฉพาะโควิด-19 ปี 2566 จึงเป็นปีแห่งการพลิกฟื้น โดยเฉพาะธุรกิจภาคบริการ ที่จะได้รับอิทธิพลจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้น
Central มีการปรับเปลี่ยน โดยอาศัยจากสกิล Retail-Led Mixed-Use Development เพื่อสร้างแรงกระตุ้นให้เกิด Multiplier effect ไปสู่ 4 ภูมิภาคของประเทศไทย เพื่อยกระดับมาตรฐานการใช้ชีวิตของผู้คนมากขึ้น ปัจจุบัน Central เปิดบริการศูนย์การค้า 38 แห่ง ทั่วประเทศ มีคนมาใช้ชีวิตในศูนย์การค้ามากกว่า 1.2 ล้านคนต่อวัน หรือ 440 ล้านคนต่อปี ใน 5 ปีข้างหน้า central จะขยาย 4 ธุรกิจหลักเพื่อเพิ่ม traffic ให้เป็น 1.7 ล้านคนต่อวัน หรือ 620 ล้านคนต่อปี
โครงการ mixed-use จุดสำคัญที่เชื่อมโยง 4 ธุรกิจหลัก คือ Retail , Office , Hotel และ Residential ทำให้ผู้คนสามารถใช้ชีวิตในโครงการได้อย่างสะดวกได้ตลอด 24 ชั่วโมง อย่างครบวงจร มีการใช้ Bigdata จาก The one card มาสนับสนุนเพิ่ม ใน 5 ปีข้างนา บริษัทจะมีโครงการรวมทั้ง 4 ธุรกิจ มากกว่า 100 โครงการ กล่าวคือ กระจายสู่ทั่วประเทศ พร้อมผลักดัน SME และ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น และมีแผนขยายไปตลาดต่างประเทศ เช่นกันบวกกับเป้าหมายในปี 2050 คือ Net Zero ตาม Sustainability
Central ในฐานะเอกชนจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมในประเทศไทย มุ่งพัฒนาคน พัฒนาเมือง และพัฒนาประเทศ ด้วยการกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคสร้างความมั่งคั่งให้เกิดขึ้นในภูมิภาค วัลยา จิราธิวัฒน์
อ้างอิงข้อมูลจาก ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์
โฆษณา