17 ธ.ค. 2022 เวลา 04:58 • หนังสือ
เล่นของสูง
The DIP
Seth Godin 2007
แกนหลักของเล่ม คือการเตือนเราว่า ถ้าจะทำอะไร ต้อง Be The Best
เพราะโลกจะเลือกและจำสิ่งที่ดีที่สุดเท่านั้น ถ้าตัดสินใจทำอะไร ต้องบอกตัวเองว่า เราต้อง Be The Best ในเรื่องนั้นเท่านั้น ถ้าขึ้นไปถึงระดับนั้นไม่ได้ ก็ควรเปลี่ยนไปทำอย่างอื่น
กว่าจะไปถึงจุดที่ Be The Best ได้
ทุกคนต้องเจอ 3 สถานการณ์นี้ ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง
1. The Cul De Sac ช่วงเวลาแห่งการทดลอง ทดลอง และทดลอง เพื่อให้เราไปถึงจุดที่เราอยากเป็น ช่วงนี้ต้องอาศัยการสังเกตผลความเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด ถ้าเราเห็นแล้วว่า ลองเต็มที่แล้วก็ไม่แววว่าเราจะดีขึ้นกว่าเดิมในเรื่องนั้น ให้หยุดได้เลย เพราะค่าเสียโอกาสมันสูงเกินกว่าที่เราจะลองไปเรื่อยๆ
2. The Cliff ช่วงเวลาที่ทุกอย่างดีไม่มีปัญหา แต่อยู่เหมือนฟ้าผ่าลงมาจนทุกอย่างพังทลายไปหมด ถือเป็นบททดสอบกำลังใจอย่างมากว่าล้มแล้วจะลุกขึ้นได้ไหม
3. The Dip สถานการณ์ที่ยาก ท้าทายแต่ก็ดึงดูดให้เราเอาชนะเพราะมูลค่าการเดิมพันมันสูงมากจนเรายอมแพ้ไม่ได้ เหมือนสิ่งที่เราเรียกว่าเล่นของสูงนั่นล่ะครับ
เรื่องไหนที่ไม่ยาก ไม่เสี่ยง ไม่เค้นให้เราทุ่มสุดตัวระดับ All-In เรื่องนั้นยังไม่ใช่ The Dip
สองสถานการณ์แรก จะพาเราไปสู่ความล้มเหลวถ้าเรายังฝืนและดื้อทำไปโดยไม่เลิก ใครกำลังเจอทั้ง 2 สถานการณ์นี้อยู่ ให้เลิกได้เลยไม่ต้องลังเล
การเลิกไม่ใช่การยอมแพ้หรือล้มเหลวเพราะเราเลิกที่วิธีการ (Tactics) ไม่ใช่เลิกที่เป้าหมายระยะยาว (Goal and Strategy)
จำไว้ว่า เราแค่เลิกวิธีการที่ไม่เวิร์ค
เราไม่ล้มเลิกทุกอย่างที่ตั้งใจและอยากได้
อย่ากลัวหรือรู้สึกผิดที่จะเลิก
6 สาเหตุที่ทำให้เราล้มเหลวในเรื่องที่ทำ
- หมดแรง หมดทุน หมดเวลา
- เรากลัว ไม่กล้าทำอย่างเต็มที่จึงไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่ต้องการ
- ทำไม่จริง เหยาะแหยะ
- ใจไม่เต็มร้อยเท่าเดิมที่เริ่มต้น
- สนใจผลลัพธ์ระยะสั้นมากกว่าผลระยะยาว
- เลือกlสิ่งที่เราต้องการเป็น The Best ผิดเรื่อง
แต่ก่อนจะเลิก ถาม 2 คำถามนี้กับตัวเองก่อนตัดสินใจ
1. เราวิตกกังวลจนเกินไปไหม จนไม่เป็นอันทำอะไร
2. เรามีวิธีที่ดีในการวัดผลความก้าวหน้าของตัวเองหรือยัง
ถ้าคำตอบที่ได้ชัดเจน
การตัดสินใจเลิกก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย
เพราะบางครั้ง การเลิกทำในสิ่งหนึ่ง
อาจพาเราไปสู่ความสำเร็จเดียวกันได้ด้วยวิธีอื่น

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา