17 ธ.ค. 2022 เวลา 07:21 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
Search Engine อย่าง Google จะอยู่รอดได้หรือไม่ ? ในยุคที่ AI เริ่มตอบคำถามได้ดีกว่า
ในช่วงที่ผ่านมา เชื่อว่าหลาย ๆ คน คงได้มีโอกาสเห็นความฉลาดของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่มากขึ้นเรื่อย ๆ จนสามารถค้นหาข้อมูล ช่วยแก้ไขปัญหา หรือแม้เขียนบทความยาว ๆ ขึ้นมาก็ยังได้
ซึ่ง AI ที่เรากำลังพูดถึงนี้ มีชื่อเรียกว่า ChatGPT ซึ่งพัฒนาขึ้นมาโดย OpenAI บริษัทวิจัย และพัฒนาเทคโนโลยี AI ที่มียักษ์ใหญ่ในวงการอย่าง Microsoft เป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
รวมถึงมี อีลอน มัสก์ เจ้าพ่อแห่งวงการเทคโนโลยี เป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท
ChatGPT นี้ เป็น AI ที่มีความสามารถด้านภาษา สามารถพูดคุย และโต้ตอบ กับมนุษย์ได้ผ่านการ “แช็ต” ส่งข้อความ
โดย ChatGPT สามารถทำได้ทั้ง การหาข้อมูล ตอบคำถาม เขียนบทความยาว ๆ หรือแม้แต่การแก้ไขโจทย์ที่มีความยากข้อหนึ่งได้ โดยที่เราแทบไม่ต้องไปหาข้อมูลจากแหล่งอื่น ๆ เพิ่มเติม
1
นั่นหมายความว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ มีความเป็นไปได้ ที่เทคโนโลยี AI อย่าง ChatGTP อาจเข้ามาทดแทนการค้นหาข้อมูลด้วย Search Engine อย่าง Google ในที่สุด..
เพราะอย่าลืมว่า โดยปกติแล้ว การใช้ Search Engine อย่าง Google เพื่อหาข้อมูลในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง สิ่งที่ Google ทำคือ การค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ที่มีอยู่แล้วตามเว็บไซต์ มาแสดงให้ผู้ค้นหา เลือกที่จะกดเข้าไปในเว็บไซต์ต่าง ๆ อีกทอดหนึ่ง เป็นเหมือนข้อมูลดิบ ที่ผู้คนหาสามารถนำไปใช้ต่อได้
3
ซึ่งแตกต่างจากสิ่งที่ ChatGPT สามารถทำได้ นั่นคือการให้ข้อมูลที่เรียกได้ว่า เป็นการแก้ไขโจทย์ หรือทำตามความต้องการของผู้ค้นหาได้ในทันที โดยอาศัยข้อมูลจากหลายแหล่งรวมกัน เช่น
3
- หากถาม ChatGPT ว่า ข้าวผัดทำอย่างไร ก็จะได้รับคำตอบกลับมาเป็นการทำข้าวผัดอย่างสมบูรณ์
มีการบอกวัตถุดิบที่ต้องใช้อย่างละเอียด พร้อมอัตราส่วน พร้อมให้ข้อมูลวิธีทำ โดยแบ่งขั้นตอนออกเป็นข้อ ๆ ตั้งแต่ขั้นตอนแรก จนเสร็จออกมาเป็นข้าวผัด 1 จาน
1
- หากถาม ChatGPT ว่า ให้ช่วยแต่งเพลงเกี่ยวกับความรัก ก็จะได้รับคำตอบกลับมาเป็นเนื้อเพลง ที่มีภาษาสวยงาม
1
- หากถาม ChatGPT ว่า ขอไอเดียจัดงานวันเกิดสำหรับเด็กอายุ 10 ขวบ ก็จะได้รับคำตอบกลับมาเป็นไอเดียอย่างละเอียด
- หรือแม้แต่ให้ ChatGPT ช่วยอธิบายว่า ซูปเปอร์คอมพิวเตอร์ คืออะไร ChatGPT ก็สามารถช่วยตอบคำถามกลับมาได้
และแน่นอนว่า ตัวอย่างข้างต้นนี้ ChatGPT สามารถตอบกลับมาเป็นภาษา ที่ได้รับการเรียบเรียงมาเป็นอย่างดี มีความเป็นเหตุ เป็นผล จนมีความน่าเชื่อถือ
คำถามที่เกิดขึ้นคือ AI อย่าง ChatGPT จะเข้ามาทำหน้าที่แทน Search Engine อย่าง Google ในอนาคตได้จริงหรือไม่..
คำตอบนี้อาจยังไม่มีใครรู้อย่างแน่ชัด แม้ในปัจจุบัน จะดูเหมือนว่า ข้อมูลที่ได้จาก ChatGPT รวมถึง AI ของบริษัทอื่น ๆ ที่มีความสามารถใกล้เคียงกัน จะดูนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ในชีวิตจริงแล้วก็ตาม
1
แต่ก็ต้องยอมรับว่า ChatGPT ยังมีข้อจำกัดอีกมาก และอาจต้องใช้เวลาอีกหลายปี ในการพัฒนา..
1
เพราะในปัจจุบัน ความตั้งใจของ OpenAI ต้องการพัฒนา ChatGPT โดยมีเป้าหมายทางด้าน “ภาษา” เป็นหลัก นั่นคือ การทำให้ ChatGPT สามารถแช็ตกับมนุษย์ ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยประโยคที่ได้รับการเรียบเรียงมาเป็นอย่างดี และถูกหลักไวยากรณ์
ทำให้ปัญหาใหญ่ของการใช้ ChatGPT ในปัจจุบัน คือความถูกต้อง และน่าเชื่อถือของข้อมูล ซึ่งในบางครั้ง แม้จะได้รับคำตอบที่ดูเป็นเหตุเป็นผล และมีภาษาที่สวยงาม แต่กลับขาดความถูกต้อง เหมือนหยิบข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ มารวมกันเพียงอย่างเดียว
1
ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้าน AI หลายคน ก็มีความกังวลเช่นเดียวกันว่า ChatGPT รวมถึงเทคโนโลยี AI ที่มีลักษณะคล้าย ๆ กันนี้ อาจกลายเป็นแหล่งรวมข้อมูลเท็จ หรือข่าวปลอม แพร่กระจายไปยังโลกโซเชียลมีเดียได้อย่างรวดเร็ว..
1
อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจุบัน ChatGPT อาจยังไม่ได้พร้อมทำงานทดแทน Search Engine อย่าง Google ได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ก็ต้องยอมรับว่า ในอนาคต เทคโนโลยี AI ในลักษณะเดียวกันนี้ อาจเข้ามามีส่วนช่วยในกระบวนการค้นหาข้อมูลของมนุษย์มากยิ่งขึ้น
ซึ่งแน่นอนว่า Google คือฝ่ายที่ได้รับผลกระทบ และต้องปรับตัวมากที่สุด..
1
แต่ก็นับว่าโชคดี ที่ Google เอง ก็ไม่ได้อยู่เฉย ๆ และรอดูผลงานความสำเร็จของ ChatGPT ซึ่งพัฒนาโดย OpenAI บริษัทที่ Microsoft เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง
2
เพราะที่ผ่านมา Google ก็พัฒนาเทคโนโลยี AI ในลักษณะคล้าย ๆ กัน ในหลากหลายชื่อ ทั้ง BERT, MUM, และ LaMDA
แต่ส่วนใหญ่เป็นการพัฒนา AI ซึ่งช่วยปรับปรุงคุณภาพการค้นหา และช่วยให้ Google เข้าใจภาษาที่มนุษย์ใช้มากยิ่งขึ้น
แต่ Sundar Pichai ซึ่งเป็น CEO ของ Google ก็ยืนยันว่า AI ของตัวเอง ก็มีความสามารถในระดับเดียวกับที่ ChatGPT สามารถทำได้
2
แต่สาเหตุที่ทำให้ Google ยังไม่นำ LaMDA ออกมาให้ทดลองใช้กันแบบสาธารณะ ก็เพราะ Google ต้องการใช้ความรอบคอบ และระมัดระวัง ในการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ ๆ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อบริษัทใหญ่อย่าง Google เอง
1
สิ่งที่ทำให้ Google ต้องระมัดระวังก่อนที่จะนำเทคโนโลยี AI ออกมาให้ใช้จริง เป็นเพราะเทคโนโลยี AI ในลักษณะนี้ มักมีปัญหาในด้าน “อคติ” ซึ่งเกิดจากข้อมูลที่ AI ใช้
2
อย่างในกรณีของ ChatGPT ก็เจอปัญหาอคติ เกี่ยวกับเพศ และเชื้อชาติ ซึ่งอาจทำให้คำตอบที่ได้ กลายเป็นการเหยียดเพศ หรือคนผิวดำขึ้นมา
3
รวมถึงผู้ใช้งาน ChatGPT หลายคน ตั้งข้อสังเกตว่า ChatGPT บางครั้ง ให้ข้อมูลที่ “ไม่เป็นความจริง” อยู่บ่อยครั้ง ทั้งการบิดเบือนข้อมูลทางประวัติศาสตร์ แก้ประวัติของบุคคล หรือแม้แต่ให้ข้อมูลที่อันตรายโดยไม่มีความสมเหตุสมผลใด ๆ เลย
2
เช่น ครั้งหนึ่ง ChatGPT เคยให้ข้อมูลว่า การใส่เศษภาชนะเซรามิกที่แตก จะช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหารในเด็กทารก เป็นต้น
4
ซึ่งแน่นอนว่า หาก ChatGPT ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ ก็คงยากที่ AI จะกลายเป็นเครื่องมือในการค้นหาสิ่งที่มนุษย์สงสัยได้อย่างจริงจัง ในอนาคตอันใกล้นี้..
อย่างไรก็ตาม ก็ต้องยอมรับว่า หากเทคโนโลยี AI ไม่ว่าจะเป็น ChatGPT ที่พัฒนาโดย OpenAI หรือจะเป็น AI ของ Google
ก็ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า เทคโนโลยีเหล่านี้ จะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหา รวมถึงตอบคำถาม หรือปลดล็อกโอกาสใหม่ ๆ ให้กับมนุษย์ได้อย่างแน่นอน
2
เพียงแต่ อาจยังต้องใช้เวลาในการพัฒนา จนเทคโนโยี AI มีความสามารถ และความน่าเชื่อถือ มากกว่าในปัจจุบัน..
1
สำหรับใครที่ต้องการเข้าไปลองเล่น AI ChatGPT ของ OpenAI สามารถเข้าไปลองเล่นได้ที่เว็บไซต์นี้ > https://chat.openai.com/chat
โฆษณา