เมื่อคืนวันพุธที่ 16 ที่ผ่านมา Simon Barry โชว์รันเนอร์ของ Warrior Nun ได้ประกาศผ่านทวีตเตอร์ส่วนตัวว่า 'Netflix จะไม่ต่ออายุซีรีส์ Warrior Nun พร้อมทั้งขอบคุณแฟนๆ ทีมงานและนักแสดงที่ร่วมต่อสู้มาด้วยกัน'
แต่ถึงอย่างนั้น Warrior Nun 2 ก็ยังมีผู้ชมและจำนวนชั่วโมงการสตรีมมิ่งติด top 10 นานถึง 3 สัปดาห์ เป็นที่นิยมใน 70 ประเทศ ซึ่งมีฐานผู้ชมและได้รับความนิยมมากกว่า The Young Royal ที่ได้ไปต่อซีซัน 3 อย่างเทียบไม่ได้
ทั้งนี้ยังสามารถดึงซีซัน 1 ให้กลับขึ้น top 10 สู้กับซีรีส์ชูสตรีมหรือเรื่องที่มีฐานแฟนคลับหนาที่เข้าชนพร้อมกันได้อย่างไม่น้อยหน้า
Warrior Nun ซีซัน 2 ยังได้รับคะแนนจากนักวิจารณ์บน Rotten Tomatoes ถึง 100% และจากฝั่งผู้ชม 99% ซึ่งนับว่าป็นสถิติที่สูงสุดในบรรดาซีรีส์ดั้งเดิมของ Netflix และยังมากกว่า Warrior Nun ซีซัน 1 อย่างน่าเห็นได้ชัด
แต่ถึงอย่างนั้นคุณภาพและตัวเลขที่น่าพึงพอใจของ Warrior Nun ก็ไม่มีความหมายเพียงพอสำหรับ Netflix ที่จะให้เรื่องนี้ได้ไปต่อ
การประกาศยกเลิกต่อสัญญา Warrior Nun จึงถูกตั้งข้อสังเกตว่า Netflix ตั้งใจที่จะไม่ต่อสัญาญา Warrior Nun มาตั้งแต่ต้นด้วยการไม่โปรโมท ไม่พยายามขายรายการนี้เลย ไม่ส่งให้นักวิจารณ์รีวิว และให้เข้าชนสตรีมพร้อมซีรีส์ใหญ่อย่าง The Crown, Manifest, Dead to Me ฯลฯ ที่ขนโปรโมทกันมาเต็มคันรถ ซึ่งนับว่าเป็นการพยายามฆ่ากันให้ตายบนจออย่างแท้จริง
แต่เมื่อผลลัพธ์ของ Warrior Nun กลับออกมาดีเกินหน้าเกินตา เหตุผลการยกเลิก Warrior Nun จึงยังเป็นปริศนามาจนถึงตอนนี้
เนื่องจากตัวละครหลักของเรื่อง Ava มีแฟนหนุ่มในซีซันแรกอย่างออกนอกหน้า ก่อนจะเปิดตัวว่าเป็นไบเซ็กชวลในซีซัน 2 แต่หากตั้งใจดูก็จะพบว่าเรื่องราวใน Warrior Nun อบอวลไปด้วยความเควียร์มาแต่อ้อนแต่ออก
(ซีรีส์แซฟฟิกในที่นี่หมายถึงซีรีส์ที่มี Main Character เป็นแซฟฟิกนะคะ ถ้าใครเอาเรื่องที่มีแซฟฟิกเป็น Side Character หรือมีฉากรวมกันยาวไม่ถึงหนึ่งตอนมาแย้ง รบกวนให้กลับไปพิจารณามาใหม่อีกทีว่าเรากำลังพูดถึงปัญหาเดียวกัน)
ในปี 2022 ปีนี้ปีเดียว มีซีรีส์แซฟฟิก 2 เรื่องที่ถูก Netflix ยกเลิก คือ First Kill และตามด้วย Warrior Nun ...ค่ะ คู่ขนานไปกับอคิลเลียน 2 เรื่องที่ได้ต่ออายุไปจนถึงซีซัน 3 เห็นปัญหาไหมคะ?
แต่ Netflix ไม่ได้ทำแบบนี้เป็นปีแรก เรื่องราวอย่างเดียวกันเคยเกิดขึ้นกับ Gypsy, Sense8, One Day At a Time, Everything Sucks!, I Am Not Okay With This และ Glow
ซีรีส์เรื่องที่เราพอจะนึกออกว่ามีตัวละครหลักเป็นแซฟฟิกและได้เล่าจนจบเรื่องอย่างสมศักดิ์ศรีคือ Orange is the New Black ที่เต็มไปด้วยตัวละครหญิงที่หลากหลายและแซฟฟิกกระจายเต็มเรื่อง จนดูเหมือน Netflix จะลืมไปแล้วว่าใครสร้างพวกเขามา
แต่ทั้งนี้ก็ยังมี Acane ที่ได้ไปต่อเป็นกรณียกเว้นเพราะไม่ใช่ทุนของ Netflix โดยตรง แต่แค่ลงฉายในสตรีมมิ่งเท่านั้น และยังมีอีกเรื่องให้จับตามองต่อไปอย่าง Daughter from another mother ที่บทบาทยังไม่ชัดเจนนัก และอาจจะมีเรื่องอื่น ที่ไม่ถูกกล่วถึงในที่นี้
ก่อนหน้า Warrior Nun ประกาศก็มีประกาศยกเลิก The Bastard Son & The Devil Himself ไปแล้ว (ขอแสดงความเสียใจต่อแฟน ๆ ด้วย) ตอนเห็นประกาศว่าโดนยกเลิก เรารู้ตัวเลยว่าถ้า The Bastard Son & The Devil Himself ไม่รอด Warrior Nun คงยาก