17 ธ.ค. 2022 เวลา 12:10 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
The Banshees of Inisherin ผลงานล่าสุดของผู้กำกับ มาร์ติน แม็คโดนาห์ (Three Billboards Outside Ebbing, Missouri) กลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญบนเวทีออสการ์ที่กำลังจะมาถึงช่วงต้นปีหน้าไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ว่าจะเป็นกระแสตอบรับที่ดีเกินคาดตั้งแต่การเปิดตัวที่เทศกาลหนังเมืองเวนิสเมื่อสามเดือนที่ผ่านมา รวมถึงการที่มีรายชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำมากที่สุดในตอนนี้
อีกทั้งการแสดงของ โคลิน ฟาร์เรลล์ และ เบรนดัน กลีสัน แน่นอนว่าก็ชวนให้ลุ้นไปตามๆ กันได้ไม่ยาก หรือแม้กระทั่ง แบร์รี คีโอกัน ที่เรื่องนี้ดูเหมือนจะไม่มีอะไร ก็ทำเอาเราเชื่อสนิทใจไปกับความซื่อ เคอะเขินในบทบาทที่ได้รับอย่างน่าสนใจ เชื่อว่าคงได้เห็นกันไม่บ่อยนักในผลงานของเขา
หนังว่าด้วยเหตุการณ์ของสองเพื่อนที่เคยสนิทกันมาก จู่ๆ อีกฝ่ายเกิดอาการไม่อยากคุยกับอีกฝ่ายขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล ความจริงเหตุผลคือมันเป็นเรื่องความหมายของการมีชีวิตอยู่ ที่ทุกความสัมพันธ์อาจต้องเจอเมื่อเดินทางมาถึงจุดหนึ่ง แต่ดันเป็นความคิดที่สวนทาง เห็นต่างและไม่ลงรอยกับเพื่อนของเขาแทบจะทุกประการ แม้ว่าทั้งหมดจะเกิดขึ้นจากพฤติกรรมการเงียบใส่อีกฝ่ายก็ตาม
อีกคนจึงได้แต่สงสัยว่าตัวเองทำอะไรผิด พยายามหาเหตุผลถึงการตีตัวออกห่างของเพื่อน และดูเหมือนยิ่งค้นหาคำตอบ สถานการณ์ก็เริ่มเลวร้ายลงเรื่อยๆ จากเรื่องตลกร้ายเพียงเล็กน้อย ก็นำไปสู่ความฉิบหายได้ในที่สุด ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนของชายวัยกลางคนสองคนนี้มันทั้งสับสัน น่าสงสัย และชวนตั้งคำถามไปกับความงุนงงอยู่ตลอดเวลา หรือช่วงที่ผ่านมาเราไม่เคยรู้จักกันจริงๆ กันแน่
เราชอบที่หนังเปิดมาก็เริ่มเข้าสู่ประเด็นเรื่องเลยทันที มันเป็นบรรยากาศตึงๆ ที่ก่อตัวขึ้นจนสัมผัสได้ตั้งแต่ต้นจนนาทีสุดท้าย มุมหนึ่งก็มองว่าการกระทำมันแอบดูซับซ้อน อีกมุมหนึ่งก็เห็นว่าบางการตัดสินใจของตัวละครนั้นแสนจะเรียบง่ายและมีความตรงไปตรงมาอยู่ในนั้น
ซึ่งภาพสะท้อนในความสัมพันธ์ของทั้งคู่อาจเปรียบได้เป็นสถานที่บนเกาะนอกชายฝั่งไอร์แลนด์รวมถึงเซ็ทติ้งในช่วงยุคสงครามกลางเมืองของหนัง ถึงแม้ว่าบนเกาะที่พวกเขาอาศัยอยู่จะเงียบสงบห่างไกลจากตัวสงคราม หากแต่ความขัดแย้งที่วนเวียนอย่างไม่จบสิ้นนั้นก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากการต่อสู้ของพวกเขาทั้งสองคนเลยแม้แต่น้อย
โดยรวมแล้วเป็นหนังดราม่าที่เล่นกับประเด็นของจุดแตกหัก การสลายหายไปในความสัมพันธ์ได้แอบเจ็บอยู่พอสมควร และส่วนตัวคิดว่าหนังเล่าได้สนุกด้วย ซึมซับง่ายกว่าที่คิดเอาไว้ทีแรก อีกอย่างคือต้องนับว่าเป็นการนำมาฉายในไทยได้เร็วทันเวลาดีมาก นึกว่าจะต้องรอให้พ้นสิ้นปีไปก่อนซะอีกถึงจะได้ดู ตอนนี้สามารถรับชมได้แล้วทาง Disney+ Hotstar

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา