20 ธ.ค. 2022 เวลา 14:13 • บ้าน & สวน
แมงป่องช้าง ( Giant Scorpion )
แมง ชนิดหนึ่งที่มักพบได้เสมอๆ เวลารื้อกองกิ่งไม้ใบไม้ ที่กองตามพื้นในบริเวณสวน ก็คือ แมงป่องช้าง มันชอบหลบตามที่มืดและมีความชื้น ตัวค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียว
แมงป่องช้างในสวน
แมงป่องช้างเป็นสัตว์มีเปลือกแข็งหุ้ม ลำตัวเรียว มีขาจำนวน ๔ คู่ อวัยวะที่โดดเด่น คือ "ก้ามใหญ่" (pedipalps) ๑ คู่ที่ดูทรงพลัง มันมีส่วนหัวและหน้าอกอยู่รวมกัน เรียกว่า"โปรโซมา" (prosoma) แมงป่องช้างมีตาบนหัวหนึ่งคู่ และตาข้างอีก ๓ คู่ ตรงปากมี"ก้ามเล็ก" (chelicera) ๑ คู่ ส่วนถัดมาเรียกว่า"มีโซโซมา" (mesosoma) ประกอบด้วยปล้อง ๗ ปล้อง ด้านหน้าท้องมีอวัยวะสำคัญคือ"ช่องสืบพันธุ์" (genital operculum)
และมีอวัยวะที่เรียกว่า"เพคไทน์" (pectines) หรือ"เพคเท็น" (pectens) ๑ คู่ มีรูปร่างคล้ายหวี ทำหน้าที่รับความรู้สึกจากการสั่นของพื้นดิน ส่วนสุดท้ายคือหางเรียวยาว เรียกว่า"เมตาโซมา" (metasoma) ประกอบด้วยปล้อง ๕ ปล้องกับปล้องสุดท้าย คือ"ปล้องพิษ" มีลักษณะพองกลมปลายเรียวแหลม คล้ายรูปหยดน้ำกลับหัว บรรจุต่อมพิษ มีเข็มที่ใช้ต่อย เรียกว่า"เหล็กไน" (sting apparatus) เสมือนเป็นเข็มเพชฌฆาต ฉีดพิษเพื่อคร่าชีวิตเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย
แม้ว่าแมงป่องมีตาหลายคู่ แต่มีประสิทธิภาพการมองเห็นต่ำมาก และไม่ไวพอจะรับแสงกระพริบได้ เช่น แสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูป และต้องใช้เวลานานในการปรับตาให้ตอบสนองต่อแสง สังเกตได้เมื่อมันถูกนำออกจากที่มืด ต้องใช้เวลานับนาทีจึงจะเริ่มเคลื่อนไหว
ข้อด้อยเรื่องสายตาได้ถูกทดแทนด้วยสิ่งอื่น หากสังเกตให้ดีจะพบว่าทั่วตัวแมงป่องปกคลุมด้วยเส้นขนนับไม่ถ้วน โดยเฉพาะบริเวณปล้องเพชฌฆาต ขนเหล่านี้รับความรู้สึกจากการเคลื่อนไหวของอากาศ ทำให้แมงป่องไวต่อเสียงมาก ดังนั้นจึงไม่แปลกที่แมงป่องจะชูหางขึ้นทันทีที่มีเสียง หรือมีการเคลื่อนไหวของสิ่งต่างๆ รอบตัว เมื่อมีเหยื่อหรือศัตรูเข้ามาใกล้ และสามารถมอบความตายให้กับเหยื่อได้อย่างแม่นยำ
แหล่งข้อมูล
โฆษณา