MasterCard ธุรกิจเสือนอนกิน 11 ล้านล้าน
รู้หรือไม่ว่า เหล่าบริษัทอเมริกัน จะมีอัตรากำไรสุทธิเฉลี่ยราว 10% หรือพูดง่าย ๆ คือ หากขายของได้ 100 บาท เฉลี่ยแล้วบริษัทอเมริกันจะได้กำไร 10 บาท
แต่รู้หรือไม่ว่ามีอยู่บริษัทหนึ่ง ที่ทำกำไรเก่งกว่าค่าเฉลี่ยเป็น 4 เท่า หรือมีกำไรมากถึง 40 บาท จากรายได้ 100 บาท
เรากำลังพูดถึง MasterCard ธุรกิจตัวกลางรับชำระเงิน ปัจจุบันมีมูลค่าบริษัท 11.4 ล้านล้านบาท
วันนี้ เรามาดูกันว่าทำไม MasterCard ถึงทำกำไรเก่ง ขนาดนี้ ? ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
หากเราหยิบบัตรเดบิต หรือบัตรเครดิตของตัวเองขึ้นมา แบรนด์ MasterCard ก็น่าจะเป็นโลโกคุ้นตาของใครหลายคน
ซึ่งก็ต้องบอกก่อนว่า MasterCard ไม่ได้เป็นผู้ออกบัตรเดบิต หรือบัตรเครดิตโดยตรง
แต่จะเป็นเพียงผู้ให้ License กับทางสถาบันการเงิน เช่น ธนาคาร แล้วทางธนาคารก็จะนำไปออกเป็นบัตรให้กับคนทั่วไปอีกที
โดย MasterCard ก็จะได้รับเงินส่วนแบ่งจากทุก ๆ ธุรกรรมการใช้บัตร เฉลี่ยราว 0.14%
แม้จะดูเป็นส่วนแบ่งที่ไม่ได้สูง แต่ส่วนแบ่งตรงนี้ เรียกได้ว่าเป็นรายได้ประจำ หรือ Recurring อธิบายง่าย ๆ คือ ธุรกรรมมันเกิดขึ้นตลอดเวลา
ในขณะเดียวกัน MasterCard ก็แทบไม่ได้ออกแรงอะไรเลย เพียงแค่คอยควบคุมระบบชำระเงินเท่านั้น
ค่าใช้จ่ายของ MasterCard ก็จะเป็นโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ฐานข้อมูล
หมายความว่ายิ่ง MasterCard มีธุรกรรมมากเท่าไร
รายได้ของ MasterCard ก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
และยิ่ง MasterCard สร้างการเติบโตต่อไปได้เรื่อย ๆ รายได้ที่เติบโตขึ้นมา ก็จะไหลลงมาเป็นกำไรทันที จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ธุรกิจกลุ่มนี้ มีความสามารถในการทำกำไรสูงกว่าอุตสาหกรรมอื่น
และถ้าถามว่ามีบัตร MasterCard มากขนาดไหน ก็ต้องบอกว่าปัจจุบัน มีบัตร MasterCard อยู่ราว 2,600 ล้านใบ หรือเกินกว่า 1 ใน 3 ของประชากรทั้งโลก เลยทีเดียว
ทีนี้ ลองมาดูกันว่าผลประกอบการที่ผ่านมาของ MasterCard เป็นอย่างไร ?
ปี 2020 รายได้ 5.3 แสนล้านบาท กำไร 2.2 แสนล้านบาท
ปี 2021 รายได้ 6.6 แสนล้านบาท กำไร 3.0 แสนล้านบาท
12 เดือนล่าสุด รายได้ 7.5 แสนล้านบาท กำไร 3.4 แสนล้านบาท
คิดเป็นรายได้เติบโตเฉลี่ย 42%
กำไรเติบโตเฉลี่ย สูงถึง 55%
ด้วยการเติบโตแบบก้าวกระโดด และการทำธุรกรรมเกิดขึ้นซ้ำ ๆ ทั่วโลกอยู่ตลอดเวลา รวมถึงแม้ว่าในช่วง 1-2 ปีมานี้ เราต้องเผชิญกับช่วงล็อกดาวน์ MasterCard ก็ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
เรื่องนี้ จึงสะท้อนไปยังมูลค่าบริษัท MasterCard
ที่เติบโตตามผลประกอบการมาโดยตลอด
ปัจจุบัน MasterCard กลายมาเป็นธุรกิจเสือนอนกิน มูลค่า 11.4 ล้านล้านบาท ปรับตัวขึ้นมาเป็นเท่าตัว ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ หุ้นของ MasterCard รวมถึง Visa อีกหนึ่งธุรกิจตัวกลางรับชำระเงินใหญ่สุดในโลก ก็เป็นหนึ่งในธุรกิจ ที่กองทุน MEGA10 คาดว่าจะเข้าไปลงทุน
โดยกองทุนนี้จะเข้าไปลงทุนใน 10 บริษัท ทรงอิทธิพล ที่สุดในโลก นอกเหนือจาก MasterCard แล้วก็มีบริษัทที่แข็งแกร่งอื่น ๆ อีก เช่น Apple, Alphabet, Microsoft, Tesla, Visa ใครสนใจสามารถซื้อได้ที่ https://finno.me/mega-lt22
และโปรโมชันพิเศษ ผู้ซื้อกองทุน MEGA10-SSF / MEGA10RMF ภายในวันที่ 30 ธ.ค. นี้* จะได้รับหน่วยลงทุนกองทุนเปิดทาลิสตลาดเงิน (TLMMF) อีกด้วย
โดยทุกยอดการลงทุน 25,000 บาท จะได้รับหน่วยลงทุน TLMMF มูลค่า 50 บาท (0.2% ของทุกยอดการลงทุน 25,000 บาท)
*มูลค่าการซื้อหน่วยลงทุนที่ร่วมรายการจำกัดที่ไม่เกิน 1,000,000 บาท ในช่วง 1 ก.พ. - 30 ธ.ค. 65 ผู้ที่ซื้อกองทุนนี้ในช่วง IPO ไปแล้วก็จะได้รับโปรโมชันนี้เช่นกัน และรวมถึงการโอนย้ายกองทุนจาก บลจ. อื่นด้วย
สามารถซื้อได้ที่ https://finno.me/mega-lt22
หรือเบอร์ตรงของ ฝ่ายบริการของ บลจ.ทาลิส
02-0150215, 02-0150216, 02-0150217, 02-0150212 จะมีคนช่วยเหลือในการเปิดบัญชี
หรือส่งข้อความ Inbox ฝากชื่อและเบอร์โทรศัพท์ ไว้ที่เพจ กองทุน MEGA 10 https://m.me/MEGA-10-103015699329555 เพื่อให้ฝ่ายบริการติดต่อกลับ
คำเตือน: กองทุนรวมนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะ เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงของกองทุนรวมก่อนตัดสินใจลงทุน ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.talisam.co.th
- 116
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
