b. กด Test แสงเลเซอร์ดู โดยปรับค่า Power ไว้ให้ค่อนข้างสูงไว้ก่อน (ราวๆ30%) แล้วเอาอะครีลิกใสหรือกระดาษไปแปะไว้ที่หน้า 1st Mirror (กระจกบานที่อยู่หน้าหลอด) แล้วกด Test สั้นๆดู ถ้ารอยแผลที่เกิดขึ้นบนแผ่นอะครีลิก/กระดาษ ถ้าจุดที่เกิดขึ้นเป็นจุดทึบใหญ่ ถ้าบนอะครีลิกใสจะเป็นเป็นหลุมทรงกรวย แสดงว่าหลอดมีกำลังแรงอยู่ในระดับปกติ แต่ถ้าจุดที่เปิดขึ้นเกิดขึ้นไม่ทึบเต็ม หรือถ้าจะให้เป็นจุดทึบเต็มต้องกด Test ค้างไว้นานๆถึงจะขึ้นเต็ม แสดงว่าหลอดเริ่มเสื่อมสภาพแล้วควรเปลี่ยน
a. อัตราทดของชุดขับเคลื่อนมอเตอร์ ยิ่งระบบมีอัตราทดสูงรอยแผลตัดก็จะยิ่งเรียบ แต่เวลาวิ่งแกะสลักจะทำได้ช้าลง
b. ความเร็วในการตัด โดยยิ่งตัดไวรอยหยักก็จะชัดมากขึ้นทั้งนี้เกิดจากการสั่นของมอเตอร์เมื่อวิ่งไวขึ้น
c. ความแรงและความนิ่งของลมที่ปลายหัวตัด(Nozzle) ถ้าปั๊มลมลมออกไม่นิ่งรอยตัดก็จะเป็นคลื่นตามการกระพือของปั๊มลมด้วยเช่นกัน และถ้าลมเบาไปจะทำให้การตัดหนาๆรอยตัดด้านล่างจะเป็นคลื่นเยอะ
ตัวอย่างรอยตัดอะครีลิก
ความละเอียดทำได้โดยทดลองตัดรูป3เหลี่ยมมุมฉากบนอะครีลิกหนา3-5 มม ดู เนื่องจากรูป3เหลี่ยมมุมฉากจะทำให้เราเห็นความละเอียดของเครื่องทั้งในรูปแบบการทำงานแกนเดียวและ2แกนพร้อมกัน โดยเส้นตัดแนวตั้งจะทำให้เราเห็นความละเอียดเครื่องในแนวแกน Y เส้นตัดแนวนอนจะทำให้เราเห็นความละเอียดเครื่องในแกน X และแส้นทะแยงมุมจะทำให้เราเห็นการตัดหยาบที่สุดหรือเลวร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้น เนื่องจากมอเตอร์2แกนทำงานพร้อมกัน ถ้ายอมรับแผลที่เกิดจากรอยตัดในด้านเส้นทะแยงมุมได้ก็ถือว่าใช้ได้
หรือใช้วิธีการทดสอบให้ยิงลากเส้นเป็นแถวทั้งแนวนอนและแนวตั้งดูตามรูป ถ้าเครื่องแน่นหนาดี สายพานตึงไม่มี Backlash เส้นทุกเส้นจุดเริ่มกับจุดจบต้องเสมอกัน ทั้งนี้โดยปกติเวลาเทสเส้นแนวตั้งจะวิ่งได้ช้ากว่าเส้นแนวนอนเพราะเส้นแนวตั้งคือการคเลื่อนที่แกน Y ซึ่งมันมีความหนักกว่าแกน X