24 ธ.ค. 2022 เวลา 04:14 • ธุรกิจ
🔎[#ทันหุ้นนอกกับKP] Facebook จะรอดไหม?! รีวิวความท้าทายหลังจากเปลี่ยนมาใช้ชื่อ Meta และลุยสร้างโลก Metaverse!
📌 ผ่านมาร่วม 1 ปีกว่าๆ แล้วตั้งแต่บริษัท Facebook ได้เปลี่ยนชื่อตัวเองเป็น Meta และประกาศลงทุน เพื่อมุ่งสู่การสร้างโลก Metaverse อย่างจริงจัง วันนี้เรามาย้อนดูว่าระหว่างทาง เกิดอะไรขึ้นบ้าง? ทำไมหุ้นเฟส.. เอ้ย Meta ถึงร่วงกว่า 70% จาก 323 ดอลลาร์สหรัฐ ลงมาอยู่ที่ 90 ดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนที่ผ่านมา เรามารีวิวความท้าทายต่างๆ ที่บริษัทเจอ และการแก้เกมของบริษัทกัน
╔════════════╗
ใครสนใจหุ้นต่างประเทศ หรือธุรกิจนวัตกรรมเจ๋งๆ สามารถร่วมกลุ่มลงทุนหุ้นต่างประเทศ #ทันหุ้นนอกกับKP ใน Line ได้เลยครับ ไม่มีค่าใช้จ่าย รายละเอียดในคอมเม้นต์
╚════════════╝
ความท้าทายที่ 1 : นโยบาย Apple ที่เปลี่ยนไป
หลังจากที่ Apple ปล่อย iOS 14.5 ออกมา Meta ก็เหมือนโดนตัดขาไปข้าง เพราะนโยบายความเป็นส่วนตัวใหม่นั้น เมื่อใดที่คุณกดเลือกไม่ให้ Meta ติดตามการใช้งานระหว่างแอป (Ask App not to track) Meta จะค่อยๆ รู้จักคุณน้อยลงเรื่อยๆ ทันที
นอกจากนี้จะรู้ยากขึ้นด้วยว่า Ad ที่ยิงหาคุณนั้น มันมีประสิทธิภาพแค่ไหน ในเมื่อยิงไม่แม่น และไม่รู้ยิงไปแล้วได้ยอดขายกลับมาแค่ไหน แบรนด์ต่างๆ (ลูกค้าที่แท้จริงของ Meta! ไม่ใช่พวกเรา) จึงเลือกที่จะลดการยิง Ad ลักษณะนี้ลง คุณ Mark บอกว่าแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวกระทบรายได้ของ Facebook ระดับ 3 แสนล้านบาท หรือเกือบ 10% ของยอดขายปี 2021 เลยทีเดียว
ความท้าทายที่ 2: Tiktok กินแชร์อย่างต่อเนื่อง
การทุ่มเงินบุกตลาดโลกของ Tiktok อย่างจริงจัง ในช่วงที่ทุกคนมีเวลาว่างอยู่บ้านเยอะๆ ทำให้คนเปลี่ยนพฤติกรรมมาเล่น Tiktok อย่างรวดเร็วจนทำให้ Daily Active User ของ Meta ในประเทศพัฒนาแล้ว (ที่มาหลักของรายได้) หดตัวลงเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ การหดตัวลงเป็นอะไรที่น่ากลัวมากเพราะเราไม่รู้ว่าจะหดถึงเมื่อไหร่ และจะหดแรงขึ้นเรื่อยๆไหม
ความท้าทายที่ 3: สภาพเศรษฐกิจ
สาเหตุสำคัญอีกอย่างที่ทำให้หุ้นตกก็เนื่องมาจากสภาพเศรษฐกิจโลกที่เริ่มจากเงินเฟ้อ และปัจจุบันดูเหมือนจะชะลอจนเข้าสู่ Recession ซึ่งทั้งสองเรื่องนี้ทำให้หุ้นเทคฯทุกตัวโดนหมด Meta ไม่ใช่ข้อยกเว้น
ความท้าทายที่ 4: เฮีย Mark Zuckerberg นั่นแหละ!
จริงๆ งบการเงินไตรมาสล่าสุดของ Facebook ไม่ได้แย่อย่างที่คาด แต่ในขณะที่ทุกบริษัทต่างรัดเข็มขัดลดต้นทุน Mark Zuckerberg กลับออกมาบอกว่าเราจะลงทุนใน Metaverse ต่อแบบจริงจังปีละเป็นแสนๆ ล้านบาท หลังจากที่ออกมาบอกแบบนี้ปุ๊บ หุ้นก็ตกทันทีเพราะนักวิเคราะห์ยังไม่เชื่อว่า Metaverse จะทำเงินได้จริง โปรเจ็คอะไรใช้เงินเป็นแสนๆ ล้าน แต่รายได้ยังหลักหมื่นล้านเท่านั้น
นอกจากนี้เมื่อ Mark บอกแล้ว ไม่มีใครห้ามเขาได้ เพราะเขามีสิทธิโหวตทุกอย่างในบริษัทมากกว่าครึ่ง แปลว่าถ้า Mark ไม่สนใจกำไร ใช้เงินจนเฟสบุ๊คล้มละลายก็ไม่มีใครทำอะไรเขาได้อยู่ดี (ถ้าเป็น CEO ทั่วไปอาจโดนไล่ออกไปนานแล้ว)
เรื่องทั้งหมดนี้ทำให้ บริษัท Meta มียอดขายที่ไม่เติบโต แถมอัตรากำไรที่เคยได้ปกติอยู่ที่ประมาณ 25-35% ของยอดขาย ลดลงเหลือ 15% ในไตรมาสล่าสุดเท่านั้น และไม่เหลือกระแสเงินสดอิสระเลย เพราะเอาเงินไปลงทุนหมด!
📌 Meta จะสามารถก้าวข้ามผ่านอุปสรรคเหล่านี้ไปได้หรือไม่ ผู้บริหารเชื่อว่าเป็นไปได้ ล่าสุดหุ้นได้ปรับตัวขึ้นมาบ้างแล้ว เนื่องจาก
1. คุณ Mark ออกมาพูดย้ำล่าสุดว่า Metaverse เป็นแค่ส่วนหนึ่งของการลงทุนเท่านั้น เงินก้อนใหญ่ยังเอาไปลงทุนพัฒนาโปรดักส์เดิมๆ ให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นการลงทุนในเซิฟเวอร์ AI เพื่อที่จะได้ยิง Ads และแนะนำคอนเทนต์ได้ตรงใจผู้ใช้งานมากขึ้น
2. คุณ Mark ยังได้ปลดคนกว่า 11,000 คน และแสดงให้เห็นว่าบริษัทก็สนใจเรื่องค่าใช้จ่ายเหมือนกัน จุดนี้ทำให้นักลงทุนหายห่วงเรื่องการลงทุนแบบไม่มีลิมิตของเขาได้บ้าง
3. Daily Active User ในอเมริกาของ Meta ได้กลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้งในไตรมาสล่าสุด แสดงให้เห็นว่าบริษัทเริ่มยับยั้ง “การแย่งเวลา” จาก Tiktok ได้บ้างแล้ว โดย Product Reels ใน Instagram ที่ก็อป Tiktok มาเริ่มมีการใช้งานมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ลดความน่าเป็นห่วงเรื่องโดน Tiktok ทำลายล้าง
4. บริษัทสามารถหาช่องทางการทำเงินใหม่ๆ จากการโฆษณาที่เห็นผลลัพธ์เรื่องการปิดการขายได้โดยตรง เช่น
• โฆษณา ผ่าน Whatsapp ในเครือและปิดการขายในนั้นเลย
• Click-to-message คลิ๊กแอดแล้วแชทกับแอดมินเพื่อซื้อของ
นอกจากนี้เริ่มทำรายได้โฆษณาจาก Reels แล้วด้วย ถึงแม้จะยังไม่ดีเท่าโฆษณาแบบเก่า
การพัฒนาด้าน Metaverse ยังคงมีให้เห็นต่อเนื่องโดยล่าสุดออกแว่นตาตัวใหม่.. Oculus Pro แว่น VR ราคา $1500 สำหรับใช้ในองค์กรเป็นหลัก และยังโชว์เทคโนโลยีล้ำๆ อย่างการเรนเดอร์หน้าผู้ใช้แบบเสมือนจริง และเซ็นเซอร์สวมข้อมือที่สามารถใช้แทนจอยได้
📌 ทั้งนี้หนทางของ Metaverse ยังอีกยาวไกลต้องดูกันอีกนานมากๆ ว่าจะทำเงินกลับมาให้บริษัทได้แค่ไหน
สุดท้ายมีอีกเรื่องให้นักลงทุนอาจลุ้นแจ็กพ็อตเล่นๆ คือการโดนแบนของ Tiktok ในสหรัฐอเมริกา เหมือนที่จีนแบน Big Tech ในประเทศเช่นกัน ถ้าเกิดขึ้นจริง Meta จะได้ประโยชน์เต็มๆ
ถึงภาพจะดูดีขึ้นแต่ราคาหุ้นนั้นบอกเราว่า น้อยคนที่เชื่อว่า Meta จะกลับมาเติบโตแบบติดจรวดเหมือนในทศวรรตที่ผ่านมา
คุณล่ะคิดว่า Meta ที่เชื่อมโยงคนกว่า 3 พันล้านคนบนโลก จะอยู่รอดไปได้อีกนานแค่ไหน?
เนื้อหาและภาพโดย เมฆ เพจหุ้นเปลี่ยนโลก x ทีม Trader KP
╔════════════╗
ลงทุนในหุ้นต่างประเทศผ่านแอป InnovestX เติมเงิน แลกเงิน ลงทุนง่าย ครบ จบในแอปเดียว พร้อมค่าธรรมเนียมถูกสะเทือนวงการ !
หลังดาวน์โหลด ฝากใส่ Referral code : TRADERKP ให้ทีม Trader KP ด้วยครับ
(รายละเอียดเพิ่มเติมในคอมเม้นท์)
╚════════════╝
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรา ฝากคิดคามกด Like และ Share เพื่อให้นักลงทุนท่านอื่นได้รับข้อมูลที่มีประโยชน์เหล่านี้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
#ทันโลกกับTraderKP #TraderKP #ทันหุ้นนอกกับKP

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา