24 ธ.ค. 2022 เวลา 05:17 • กีฬา
การที่เด็กสักคนจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้นั้น การมีพรสวรรค์อย่างเดียวอาจไม่พอ แต่จำเป็นต้องได้รับ “การถูกส่งเสริม” อย่างเหมาะสมด้วย นี่คือเรื่องของอัลฟอนโซ่ เดวีส์ ที่อพยพจากแคมป์ผู้ลี้ภัย ไปอยู่แคนาดา
2
โลกใบนี้เราเห็นมาหลายเคสแล้ว ที่สมัยเด็กดูมีแววเหลือเกิน แต่พอรู้ตัวอีกที ไม่รู้พรสวรรค์ที่มีเหล่านั้นมันสูญหายไปไหน
กรณีของอัลฟอนโซ่ เดวีส์ ซูเปอร์สตาร์ของบาเยิร์น มิวนิค เป็นเคสที่ดี ที่ทำให้เห็นว่า "การส่งเสริม" จากคนรอบตัว มีความหมายแค่ไหนกับเด็กคนหนึ่ง
ในปี 2000 ประเทศไลบีเรีย ในทวีปแอฟริกามีสงครามกลางเมือง สองสามีภรรยา เดเบียห์ กับ วิคตอเรีย หนีตายอพยพไปแคมป์ผู้ลี้ภัยที่กาน่า และในแคมป์ เธอคลอดลูกชาย 1 คน เขามีชื่อว่าอัลฟอนโซ่ เดวีส์
1
ภายในแคมป์ผู้ลี้ภัย ชีวิตเต็มไปด้วยความลำบาก ตั้งแต่เกิดจนถึง 5 ขวบ เดวีส์ไม่ได้รับการศึกษาใดๆ มีแค่พ่อ-แม่ สอนให้อ่านออกเขียนได้ ไปตามมีตามเกิด ว่าง่ายๆ คือมองไม่เห็นแสงสว่างในชีวิตว่าตัวเองจะทำอะไรได้
แต่แล้วในปี 2005 สหประชาชาติ มีโครงการชื่อ Resettlement หรือที่แปลว่า "ตั้งถิ่นฐานใหม่" โดยประเทศพัฒนาแล้วจะให้สัญชาติกับผู้ลี้ภัยจำนวนหนึ่ง เพื่อมอบโอกาสเริ่มต้นชีวิตใหม่ในประเทศของตัวเอง นี่คือโครงการเพื่อมนุษยธรรมล้วนๆ ครอบครัวของเดวีส์จึงยื่นเรื่องขอย้ายไปแคนาดาที่สุด โดยไปอยู่ที่เมืองออนตาริโอ
ที่แคนาดา เดวีส์ได้สิทธิ์เล่าเรียนฟรี ที่โรงเรียนประถม แต่ถามว่าอยู่อย่างสุขสบายไหม คำตอบคือ ก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบขนาดนั้น คุณพ่อต้องทำงานหนักในโรงงานปศุสัตว์ ส่วนคุณแม่ต้องเป็นภารโรง ทั้งคู่เก็บเงินเพื่อใช้จ่ายในครอบครัวให้ผ่านไปได้แบบเดือนชนเดือน
เดวีส์ เริ่มรู้จักกีฬาฟุตบอลโดยเล่นกับเพื่อนที่โรงเรียนประถมนี่เอง และเมื่อเล่นไปเรื่อยๆ มันก็ชัดเจนว่าเขาก็มีพรสวรรค์โดดเด่นกว่าเด็กรุ่นเดียวกัน มีแววจะก้าวเป็นผู้เล่นอาชีพได้
แต่เป็นที่ทราบกันว่า ถ้าหากเด็กสักคนอยากเป็นผู้เล่นอาชีพ คุณต้องเข้าเรียนที่อะคาเดมี่สอนฟุตบอล เพื่อเรียนศาสตร์ฟุตบอลอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ใช่แค่เตะบอลกันเองขำๆ แต่ปัญหาคือคุณพ่อคุณแม่ของเดวีส์เป็นแรงานอพยพ ไม่ได้มีเงินขนาดนั้น พวกเขาจะเอาเงินจากไหนให้ลูกไปเรียนล่ะ
แต่ก่อนที่เดวีส์จะถอดใจ คุณครูชั้น ป. 6 ที่ชื่อว่า เมลิสซ่า กัซโซ่ รู้สถานการณ์ครอบครัวของลูกศิษย์ดี เธอจึงแนะนำว่า ที่เมืองเอ็ดมอนตันจะมีโปรแกรมชื่อ "ฟรี ฟุตตี้" คือจะให้เด็กนักเรียนที่ไม่มีเงินเข้าคลาสอะคาเดมี่เอกชนมารวมตัวกัน เพื่อรับการสอนแบบฟรีๆ จากโค้ชมืออาชีพ โดยสภาเมืองจะเป็นคนจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายให้
5
เมื่อรู้ดังนั้นเดวีส์จึงเข้าร่วมโปรแกรมฟรี ฟุตตี้ และเขาก็ได้เรียนรู้ศาสตร์ฟุตบอลที่ยกระดับฝีเท้าได้ โดยที่พ่อแม่ไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มเลย
พอได้เรียนฟุตบอลอย่างจริงจัง เดวีส์ก็เก่งขึ้น และมาได้ทุนนักกีฬาจากมัธยมเซนต์นิโคลัส โรงเรียน ม.ต้น ที่มีชื่อเสียงในเมือง และหลังจากเรียนจบ สโมสรฟุตบอลแวนคูเวอร์ ไวท์แคปส์ ก็เซ็นสัญญาเขาไปอยู่ด้วยทันทีในฐานะนักเตะเยาวชน
เดวีส์เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่สุดท้ายเขาจะได้ลงเล่นในเวทีเมเจอร์ลีก เป็นครั้งแรกด้วยวัย 15 ปีกับอีก 8 เดือนเท่านั้น เป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดอันดับ 2 ตลอดกาลที่ได้ลงเล่นในเมเจอร์ลีก เป็นรองแค่เฟรดดี้ อาดูคนเดียว
จากนั้นตอนอายุ 17 เดวีส์ก็ได้ย้ายจากสโมสรแวนคูเวอร์ ไวท์แคปส์ ไปเล่นให้บาเยิร์น มิวนิค หนึ่งในทีมฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยราคา 22 ล้านดอลลาร์ เป็นผู้เล่นที่มีราคาแพงที่สุดในประวัติศาสตร์เมเจอร์ลีก และได้รับการยกย่องว่าเป็นแบ็กซ้ายดาวรุ่งที่เก่งที่สุดในโลก
1
แล้วพอเขาอายุ 18 รัฐบาลแคนาดาก็มอบสัญชาติให้อย่างเป็นทางการ เดวีส์กลายมาเป็นผู้เล่นทีมชาติแคนาดา และเป็นกำลังหลักช่วยพาทีมแคนาดาเข้ารอบฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกในรอบ 36 ปี
บางทีถ้าวันนั้นไม่มีโครงการฟรี ฟุตตี้ เดวีส์ก็อาจไม่ได้เรียนศาสตร์ฟุตบอล พรสวรรค์ที่ซ่อนอยู่ในตัวอาจจะหายไปตั้งแต่นั้น ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นมันก็คงเป็นอะไรที่น่าเสียดายอย่างมาก
2
หรือในมุมของแคนาดาเอง การที่คุณมีโครงการที่ส่งเสริมให้เด็กสักคนมีโอกาสที่ดีในชีวิตของเขา วันหนึ่งเด็กคนนั้นก็อาจใช้ความสามารถของตัวเอง มาช่วยพัฒนาประเทศได้เช่นกัน เหมือนอย่างที่เดวีส์ ทำให้วงการฟุตบอลแคนาดาแข็งแกร่งขึ้น และเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกได้สำเร็จ
2
การส่งเสริมพรสวรรค์ของเด็กสักคน เราอาจจะไม่ได้เห็นผลในวันนี้หรือพรุ่งนี้ แต่รู้ตัวอีกที ถ้ามันทำให้เขาเข้าใกล้ความฝันของตัวเองได้อีกนิด ก็เป็นเรื่องน่าดีใจแล้ว
2
#NATIONALHERO
โฆษณา