Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Inspiration Channel
•
ติดตาม
26 ธ.ค. 2022 เวลา 23:00 • หนังสือ
90 ความรู้ หนังสือเรื่อง "นั่งตกปลากับบัฟเฟตต์" Gone Fishing with Buffett (ฌอน เซีย)
2
EP12:90 ความรู้ หนังสือเรื่อง "นั่งตกปลากับบัฟเฟตต์" Gone Fishing with Buffett (ฌอน เซีย)
จงนำสิ่งที่คุณเรียนจากหนังสือนี้ไปใช้และลงมือทำ ผลลัพธ์จะไม่เกิดขึ้น หากปราศจากการลงมือทำ การอ่านหนังสือเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถสร้างความมั่งคั่งให้คุณได้
คุณต้องเริ่มลงทุนจริงๆ
ฌอน เซีย
☑️ 1.หนังสือ "นั่งตกปลากับบัฟเฟตต์" เป็นหนังสือที่เหมาะกับนักลงทุนมือใหม่ ที่หัดลงทุนในหุ้น โดยการลงทุนแบบเน้นคุณค่า ตามแนวทางของวอร์เรน บัฟเฟตต์
☑️ 2.ด้วยเรื่องเล่าผ่านตัวละคร 2 คน คือ ฌอน นักลงทุนมือใหม่ไฟแรง กับชายชราลึกลับที่ท่าเรือ เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจและเรียนรู้
☑️ 3.ในตลาดการลงทุนในหุ้น คนส่วนใหญ่ไม่สามารถเอาชนะตลาดได้ ดังนั้น อย่าได้ลอง
☑️ 4.ตามสถิติเกือบ 70% ของกองทุนที่บริหารจัดการโดยมืออาชีพ ไม่สามารถเอาชนะตลาดได้ในระยะยาว
☑️ 5.ตลาดหุ้นขึ้นหรือลงกี่จุด
คำว่า "ตลาด" นั้น โดยทั่วไปแล้ว หมายถึง ดัชนีตลาดหุ้น
☑️ 6.ดัชนีตลาดหุ้นนั้นมีอยู่หลายดัชนี และดัชนีตลาดหุ้นถูกคำนวณจากหุ้นหลายๆ ตัว โดยทั่วไปแล้ว
มาจากหลายอุตสาหกรรม
☑️ 7.ในสหรัฐอเมริกา มีดัชนีที่รู้จักกันในชื่อ ดัชนีสแตนดาร์ดแอนด์พัวร์ส หรือ S&P 500 ซึ่งคำนวณจากหุ้นขนาดใหญ่ 500 ตัวแรก
ในสหรัฐอเมริกา
☑️ 8.แต่ละวันเมื่อราคาหุ้น 500 ตัวนี้ เปลี่ยนแปลงการเคลื่อนไหวของราคา หุ้นเหล่านี้ จะถูกคำนวณหาค่าเฉลี่ย เพื่อเป็นตัวแทนของตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา
☑️ 9.ในประเทศไทย มีดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index) หรือที่เรียกกันว่า "ปู่เซต" เป็นตัวแทนของตลาดหุ้นของไทย
☑️ 10.ดัชนีเหล่านี้ เป็นเกณฑ์มาตรฐานสำหรับผู้จัดการกองทุนส่วนใหญ่ว่า ทำผลงานได้ดีหรือไม่ แค่ไหน
☑️ 11.จงเป็นนักลงทุนที่ชาญฉลาด อย่าเป็นหนูตะกละตาบอด ลองหยุดพักสักครู่ และสะท้อนความรู้สึกของคุณ และซื่อสัตย์กับตัวคุณเอง
☑️ 12.มันเป็นไปไม่ได้สำหรับใครก็ตาม ที่จะทำกำไรอย่างสม่ำเสมอ จากการเทรดอย่างที่พวกนั้น กล่าวอ้างในโฆษณา
☑️ 13.การลงทุนในหุ้น คุณสามารถ "รวยเร็ว" ได้ อาจเป็นภายใน 3 ถึง 10 ปี ถือว่าเร็วมาก แต่จริงๆ แล้ว มันขึ้นอยู่กับเงินต้นที่คุณนำมาลงทุน กับสภาวะตลาดขณะนั้นๆ ต่างหาก
☑️ 14.สิ่งแรกเราควรลงทุนในตนเองก่อน ด้วยการเรียนรู้วิธีซื้อหุ้นแบบ "การลงทุนแบบเน้นคุณค่า"
☑️ 15.จงจำกฎ 2 ข้อนี้ไว้เสมอ
กฎการลงทุนข้อที่ 1 คือ "อย่าขาดทุน" กฎการลงทุนข้อที่ 2 คือ "อย่าลืมกฎข้อที่หนึ่ง"
☑️ 16.คนส่วนใหญ่เข้ามาในตลาดหุ้น โดยตั้งเป้าว่า จะทำเงินให้ได้มากๆ แต่พวกเขาไม่ได้ตระหนักว่า การขาดทุนสร้างความเสียหายขนาดไหน
☑️ 17.ถ้าเราลงทุนด้วยเงิน 1,000 บาท แล้วขาดทุน 50% เงินจะเหลือ 500 บาท แต่การจะทำให้เงิน 500 บาท ไปเป็น 1,000 บาท เราต้องทำกำไร 100% ถึงจะได้เงิน 1,000 บาทเท่าเดิม
☑️ 18.คนส่วนใหญ่คิดว่า เพื่อที่จะลงทุนในตลาดหุ้น จำเป็นต้องเสี่ยงเยอะๆ แต่แท้จริงแล้ว "ความเสี่ยงเกิดจากการละเลย"
☑️ 19.การลงทุนเป็นเรื่องเรียบง่าย สิ่งที่เราทำ คือ ซื้อธุรกิจที่ดีและยอดเยี่ยม และซื้อมันในราคาที่สมเหตุสมผล แล้วรอจนกว่าตลาดจะตระหนักคุณค่าของธุรกิจนั้น และราคาก็จะพุ่งขึ้นไป
☑️ 20.ราคาหุ้นอาจขึ้น เมื่อนักวิเคราะห์เขียนบทวิเคราะห์ว่า ธุรกิจกำลังไปได้สวย แต่ความจริง ก็คือ ข่าวลือเหล่านี้ไม่ได้ทำให้ธุรกิจดีหรือเลว แต่ราคาหุ้นกลับเหวี่ยงเหนือการควบคุม นั่นเป็นเรื่องธรรมดาในระยะสั้น
☑️ 21.ตลาดหุ้น คือ สถานที่เดียวที่คนขับรถบีเอ็มดับเบิลยู ไปขอคำแนะนำจากคนที่นั่งรถไฟฟ้า
☑️ 22.ตลาดหุ้นเปลี่ยนแปลงเสมอ แต่หลักการลงทุนไม่เคยเปลี่ยน
"ซื้อธุรกิจที่ดี ในราคาที่เหมาะสม"
และทำซ้ำๆ จนกว่าจะรวย
☑️ 23.การเรียนรู้วิธีลงทุน และทวีคูณเงิน นี่คือ สิ่งที่เรียกกันว่า
"พลังของการทบต้น"
☑️ 24.อย่าสูญเสียชื่อเสียงและความซื่อสัตย์ เราสามารถเอาเงินที่ขาดทุนไปแล้วกลับมาได้เสมอ แต่ถ้าเราสูญเสียความน่าเชื่อถือแล้ว มันต้องใช้เวลาและความพยายามอีกนานมาก ที่เราจะได้รับมาอีก
☑️ 25.เราต้องมองหุ้นว่า หุ้นคือธุรกิจ เพราะว่านั่นคือ สิ่งที่เป็นจริงๆ มันไม่สมเหตุสมผลเลยที่จะซื้อธุรกิจ โดยที่เราไม่รู้ว่า ธุรกิจนี้ทำอะไร และสร้างผลงานเป็นอย่างไร
☑️ 26.ในตอนเริ่มต้น เรามุ่งซื้อธุรกิจที่มีราคาถูก ซึ่งก็คือ ธุรกิจที่ขายในราคาต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี (Book Value)
☑️ 27.เบนจามิน เกรแฮม ได้อธิบายว่า มูลค่าทางบัญชีของธุรกิจนั้น คล้ายกับความมั่งคั่งสุทธิของบุคคล
☑️ 28.เบนจามิน เกรแฮม คือ บิดาแห่งการลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value investing)
☑️ 29.คนส่วนใหญ่กระโดดเข้าร่วมวงหลังจากเห็นโอกาสได้เงิน และไม่ได้คิดถึงการขาดทุน ที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้
☑️ 30.กุญแจสำคัญ ก็คือ การซื้อเฉพาะธุรกิจที่มีความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างยั่งยืนเท่านั้น เพราะว่ามันจะชนะ และจะชนะอย่างต่อเนื่อง ตราบเท่าที่ยังมีความได้เปรียบเหนือกว่าคู่แข่ง
☑️ 31.จงจำไว้ว่า วิธีที่เราทำบางเรื่อง ก็มักจะเป็นวิธีที่เราจะใช้ทำมันทุกเรื่องนั่นแหละ ถ้าเราไม่มีวินัยกับเรื่องเล็กน้อย เราก็จะไม่มีวินัยกับทุกๆ เรื่อง
☑️ 32.การลงทุนไม่ใช่เป็นเพียงทักษะ แต่เป็นรูปแบบการใช้ชีวิตด้วย
☑️ 33.ธุรกิจที่มีแหจับปลาจะสามารถดึงลูกค้าเข้ามา และลูกค้าจะกลับมาซ้ำแล้วซ้ำอีก เมื่อต้องการสินค้าหรือบริการใด ลูกค้าก็จะไปที่ร้านนั้น แทนที่จะเป็นอีกร้านหนึ่ง
☑️ 34.การมองธุรกิจที่ได้เปรียบ 5 ข้อ คือ
1.ธุรกิจส่งมอบสินค้า/บริการใดให้ลูกค้า
2.มีคนอื่นส่งมอบด้วยหรือไม่
3.เราจะรับคุณค่านั้นจากที่อื่นหรือไม่
4.ทำไมเราเลือกรับคุณค่าจากธุรกิจนี้
5.ข้อ 4 เป็นสิ่งที่ยั่งยืนระยะยาวหรือไม่
☑️ 35.การมองธุรกิจทั้ง 5 ข้อนี้ จะทำให้เราเข้าใจในธุรกิจที่คิดว่า น่าจะมีความได้เปรียบทางการแข่งขันที่ยั่งยืน จากนั้น เราถึงจะไปดูที่ตัวเลขผลประกอบการ
☑️ 36.สิ่งที่นักลงทุนจำเป็นต้องมี ก็คือ ความสามารถที่จะประเมินธุรกิจที่ได้เลือกลงทุนไว้อย่างถูกต้อง
☑️ 37.ในฐานะนักลงทุน เรากำลังซื้อธุรกิจ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ที่จะซื้อหุ้นที่เราเข้าใจ
☑️ 38.เราไม่ควรรีบเข้าไปลงทุนในธุรกิจที่เราไม่เข้าใจ เพียงเพราะว่า หุ้นที่เราเข้าใจไม่ได้ กำลังขายในราคาที่น่าสนใจ
☑️ 39.เศรษฐกิจโลกย่อมเป็นวัฏจักร มีขาขึ้นและมีขาลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราต้องการลงทุนในธุรกิจที่รุ่งเรืองในช่วงเศรษฐกิจขาขึ้น และยังอยู่รอดได้ในช่วงเศรษฐกิจขาลง
☑️ 40.กำไรของธุรกิจนี้จะมีความยั่งยืนในระยะยาวหรือไม่ โดยใช้เครื่องมือการวิเคราะห์ที่เรียกว่า STEP ที่คิดโดยศาสตราจารย์โจเซฟ วันชิวยัง จากคณะบริหารธุรกิจมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหนานหยาง
☑️ 41.STEP คือ
S-Social Cultural สังคมวัฒนธรรม(ลูกค้า)
T-Technology เทคโนโลยี
E-Economic เศรษฐกิจ และ P-political การเมือง (กฎหมายและข้อบังคับ)
☑️ 42.ธุรกิจโฆษณา ซึ่งเป็นธุรกิจแบบบีทูบี B2B ที่หมายถึง ธุรกิจกับธุรกิจ อาจจะไม่ปรากฏในรายชื่อบริษัทที่เราลงทุน แต่มันเป็นธุรกิจที่ดี ที่ส่งมอบคุณค่าให้กับธุรกิจด้วยกัน
☑️ 43.5 วิธีของบริษัทที่จะสร้างความได้เปรียบ
1.ความแตกต่างของผลิตภัณฑ์
2.การสร้างแบรนด์
3.ต้นทุนต่ำ
4.ต้นทุนการเปลี่ยนแปลงไปใช้คู่แข่งสูง
5.กำแพงทางกฎหมายที่ป้องกันรายใหม่เข้ามา
☑️ 44.สำหรับธุรกิจ ผลงานในอดีต คือ สิ่งที่พิสูจน์ นั่นจะเป็นตัวบอกเราว่า การคาดการณ์ของเรา เกี่ยวกับความได้เปรียบในการแข่งขันของธุรกิจนั้น ถูกต้องหรือไม่
☑️ 45.การอ่านรายงานประจำปีของบริษัท จะทำให้คุณเข้าใจธุรกิจมากขึ้น และช่วยให้คุณตัดสินใจว่า
คุณควรจะซื้อธุรกิจหรือไม่
☑️ 46.สำหรับหุ้นไทย สามารถหารายงานทางการเงินได้ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
☑️ 47.จงเลือกธุรกิจที่มีความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างยั่งยืน และมีผลการดำเนินงานในอดีตที่ดีเป็นข้อพิสูจน์
☑️ 48.เราจะซื้อหุ้น IPO ก็ต่อเมื่อใน 1 วันมี 25 ชั่วโมง เพราะการลงทุนแบบเน้นคุณค่า เป็นเรื่องของสามัญสำนึก ซื้อธุรกิจที่ดี ในราคาที่สมเหตุสมผล
☑️ 49.เราต้องการเลือกธุรกิจที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เราต้องการธุรกิจที่สามารถใช้ทรัพยากรที่ได้มาอย่างดีที่สุด หรือสามารถรักษาทรัพยากรนั้นให้อยู่กับธุรกิจได้
☑️ 50.ธุรกิจที่มีเพชรล้ำค่าอยู่ คือ ธุรกิจที่มีผลการดำเนินงานที่กำไร ให้กับเจ้าของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
☑️ 51.กำไรต่อหุ้น บอกเราว่า หุ้น หนึ่งหุ้นมีกำไรเท่าไหร่ เราต้องการรู้ว่า ธุรกิจมีประสิทธิภาพมากเพียงใด ให้ดูจากอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น หรือ ROE (Return On Equity)
☑️ 52.เราต้องการธุรกิจที่มีค่าเฉลี่ย ROE มากกว่า 15% อย่างต่อเนื่อง
ROE ยิ่งมากยิ่งดี เพราะว่านั่นแสดงถึงการเติบโตที่สูงกว่า และการใช้เงินทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่า
☑️ 53.ทุกครั้งที่ธุรกิจทำกำไรจะนำมาใช้ดังนี้
1.จ่ายเงินปันผล
2.เก็บกำไรไว้ซึ่งจะทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น
3.นำกลับไปลงทุนในธุรกิจโดยการขยายธุรกิจ หรือซื้อหุ้นกลับคืนมา
☑️ 54.เพื่อไม่ให้การตกแต่งบัญชี และผู้บริหารมาหลอกเราให้เชื่อว่า ธุรกิจมีประสิทธิภาพ เราต้องตรวจสอบเพิ่มเติม เราจะต้องพิจารณาอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์
หรือ ROA (Return on Assets)
☑️ 55.หลักการง่ายๆ คือ ROA ต้องมากกว่า 7% ถ้า ROE สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ ROA ไม่ได้มีแนวโน้มเช่นนั้น อาจหมายความว่า ธุรกิจไม่มีประสิทธิภาพ
☑️ 56.ทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดของเรา คือ ตัวเราเอง เพราะฉะนั้น จงดูแลตัวเอง และลงทุนในตัวเองอย่างสม่ำเสมอ
☑️ 57.ตอนที่เราเริ่มศึกษาอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น และอัตราผลตอบแทนจากทรัพย์สิน นั่นคือ
"เรากำลังตรวจสุขภาพทางการเงิน"
☑️ 58.สัญญาณอันตรายข้อที่ 1 ก็ คือ "เมื่อธุรกิจมีเงินกู้มากเกินไป"
☑️ 59.เงินกู้มีต้นทุน ต้นทุนของการกู้เงิน ก็คือ อัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะทบต้นสูงขึ้นไปเรื่อยๆ เมื่อธุรกิจไม่สามารถจ่ายเงินกู้คืนได้
☑️ 60.หนี้ซึ่งเปรียบเหมือนลูกบอลหิมะ ก็จะพอกพูนถ้าคุณไม่จ่ายคืน และนี่คือ สาเหตุที่คนมีความสามารถหลายๆ คนต้องล้มละลาย
☑️ 61.ธุรกิจไม่ควรมีหนี้สินระยะยาวเกิน 5 เท่า ของกำไรจากการดำเนินงาน
☑️ 62.ธุรกิจควรมีความสามารถที่จะทำกำไรอย่างสม่ำเสมอ และจ่ายหนี้สินระยะยาวได้ภายใน 5 ปี ถ้ามากเกินกว่า 5 ปี เห็นท่าจะไม่ค่อยดีแล้ว
☑️ 63.สัญญาณอันตรายข้อที่ 2
"เงินไม่เพียงพอหรือเปล่า"
☑️ 64.ความคิดสร้างสรรค์ คือ คุณสมบัติซึ่งเป็นที่ต้องการอย่างยิ่งในธุรกิจส่วนใหญ่ ยกเว้นในสำนักงานบัญชี
☑️ 65.เราต้องการบัญชีที่ตรงไปตรงมา และแสดงข้อเท็จจริงมากที่สุด การตกแต่งบัญชีเป็นอันตรายอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุน
☑️ 66.กระแสเงินสดอิสระของธุรกิจ คือ เงินที่ธุรกิจได้มาจากการดำเนินงาน หักด้วยรายจ่ายลงทุน ซึ่งหมายถึง ค่าใช้จ่ายเพื่อคงหรือเพิ่มมูลค่าของสินทรัพย์
☑️ 67.กระแสเงินสดอิสระ เป็นตัวบอกว่า บริษัทสามารถเก็บเงินได้เท่าไหร่
☑️ 68.มี 2 สิ่งที่ต้องตรวจสอบในงบกระแสเงินสด นั่นก็คือ กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน และกระแสเงินสดอิสระ เราต้องการเห็นทั้งสองอย่างเป็นบวกอย่างสม่ำเสมอ
☑️ 69.สัญญาณอันตรายข้อที่ 3
"อำนาจในการตั้งราคาของธุรกิจ"
☑️ 70.เราต้องลงทุนให้เงินงอกเงย ไม่เช่นนั้น เราจะจนลง เพราะเงินออมจะมีค่าลดลง และสามารถซื้อของได้น้อยลงเมื่อเวลาผ่านไป
☑️ 71.ธุรกิจที่เยี่ยมยอดไม่ได้ขึ้นอยู่กับผู้บริหาร แต่การมีผู้บริหารที่มีความซื่อสัตย์และสุจริตเป็นสิ่งสำคัญ แต่เราไม่มีทางแน่ใจ
ได้ 100%
☑️ 72.หัวใจสำคัญที่สุดเกี่ยวกับธุรกิจ คือ ความสามารถในการทำกำไรอย่างสม่ำเสมอ ทำกำไรได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว และมีความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างยั่งยืน
☑️ 73."ราคา" คือ สิ่งที่เราจ่าย
ส่วน "มูลค่า" คือ สิ่งที่เราได้รับ
☑️ 74.การซื้อธุรกิจในราคาสมเหตุสมผล หมายความว่า เราจะจ่ายในราคาที่เหมาะสมเชิงธุรกิจเท่านั้น
นั่นหมายความว่า "เราไม่ซื้อหุ้นในราคาที่สูงกว่ามูลค่าของหุ้น"
☑️ 75.ในระยะสั้นตลาด คือ เครื่องลงคะแนนเสียง แต่ในระยะยาวตลาด คือ เครื่องชั่งน้ำหนัก
☑️ 76.ในระยะสั้นตลาดอาจตั้งราคาสูงเกินไปหรือต่ำเกินไป ขึ้นอยู่กับ "ความรู้สึก" ของนักลงทุน ที่มีต่อธุรกิจ
☑️ 77.แต่สุดท้ายแล้ว สิ่งที่สำคัญอย่างแท้จริง ก็คือ "มูลค่าของธุรกิจ" ราคาของธุรกิจจะถูกกำหนดโดย มูลค่าของธุรกิจในที่สุด
☑️ 78.นายตลาดเป็นหุ้นส่วนที่ดี
แต่เป็นที่ปรึกษาที่ไม่ได้เรื่อง
นายตลาดมีหน้าที่รับใช้เรา ไม่ใช่ออกคำสั่ง
☑️ 79.ถ้าเราต้องการผลตอบแทนสูงขึ้น เราต้องซื้อในราคาที่ต่ำลง
ยิ่งต้องการราคาที่ต่ำลง โอกาสที่จะซื้อก็จะลดลง
☑️ 80.การหาราคาซื้อเป้าหมายมี 5 ขั้นตอน
1.หาอัตราเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปีของกำไรต่อหุ้น
2.ประเมินกำไรต่อหุ้น 10 ปีต่อจากนี้
3.ประเมินราคาหุ้น 10 ปีต่อจากนี้
4.กำหนดราคาซื้อเป้าหมาย ณ ปัจจุบัน จากผลตอบแทนที่ต้องการ
5.เพิ่มส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัย
☑️ 81.เราจะซื้อหุ้นเมื่อราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง เพราะท้ายที่สุด ตลาดจะกำหนดราคาหุ้นอย่างถูกต้อง นั่นหมายความว่า ราคาหุ้นจะเพิ่มสูงขึ้น และเราจะขายได้กำไร
☑️ 82.เมื่อเราเป็นเจ้าของธุรกิจที่ยอดเยี่ยม ในราคาที่สมเหตุสมผล เราควรถือมันไว้จนกว่ามันจะไม่สมเหตุสมผลทางธุรกิจ
☑️ 83.สถานการณ์ที่หนึ่ง ที่จะขายหุ้น คือ เมื่อราคาสูงขึ้นและให้ผลตอบแทนตามที่ต้องการหรือมากกว่า
☑️ 84.สถานการณ์ที่สอง ที่จะขายหุ้น คือ เมื่อมีโอกาสอื่นที่ดีกว่า
ถ้าเราสามารถหาธุรกิจที่ดีกว่า และสามารถให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า
☑️ 85.สถานการณ์ที่สาม ที่จะขายหุ้น คือ เมื่อธุรกิจสูญเสียความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างยั่งยืน อันเนื่องมาจากสภาพแวดล้อมทางธุรกิจเปลี่ยนแปลงไป
☑️ 86.ความคิดของเรา เรื่องการตัดสินใจเป็นหมู่คณะ ก็คือ การมองไปในกระจก เราต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง
☑️ 87.เราต้องเรียนรู้จากประสบการณ์ของตัวเอง แต่ทุกครั้งที่มีโอกาส เราควรต้องเรียนรู้จากประสบการณ์คนอื่นด้วย
☑️ 88.อย่าสับสนระหว่าง
"ความร่ำรวย" กับ "ความสำเร็จ"
☑️ 89."เงิน" เป็นเพียงแค่สิ่งที่แสดงนิสัยที่แท้จริงของแต่ละคนออกมา
☑️ 90.จงนำสิ่งที่คุณเรียนจากหนังสือเล่มนี้ไปใช้ และลงมือทำ ผลลัพธ์จะไม่เกิดขึ้น หากปราศจากการลงมือทำ การอ่านหนังสือเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถสร้างความมั่งคั่งให้คุณได้ คุณต้องเริ่มลงทุนจริงๆ
-หนังสือเรื่อง : นั่งตกปลากับบัฟเฟตต์
-เขียนโดย : ฌอน เซีย
-แปลโดย : พงษ์พันธ์ วงศ์หนองเตย และ เมษ์ ยางประยงค์
-จำนวน 220 หน้า
-ราคา 245 บาท
-จัดพิมพ์โดย : บริษัท ลีฟ ริช
ฟอร์เอฟเวอร์ จำกัด
-จัดจำหน่ายโดย : บริษัท ซีเอ็ด
ยูเคชั่น จำกัด (มหาชน)
-สรุปโดย : Inspiration Channel
-สามารถฟังคลิปเสียงได้ที่ 🗣️
https://youtu.be/pULqxgy5MbU
-🙏ขอบคุณมากครับ
หนังสือ
การลงทุน
ตลาดหุ้น
4 บันทึก
5
4
4
5
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย