Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Product Builder - I love your pain
•
ติดตาม
27 ธ.ค. 2022 เวลา 04:07 • ธุรกิจ
วิธีทำ Business Model Canvas ให้เอาไปใช้ได้จริง ไม่ใช่แค่เขียนให้เสร็จแล้วจบ
Business Model Canvas คือเครื่องมือที่ช่วยให้คุณมองให้ครบทุกมุม เวลาจะสร้างของใหม่ หรือจะวิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบัน
ประกอบด้วย 9 องค์ประกอบของธุรกิจ ที่คุณควรตอบให้ได้ สำหรับไอเดียที่คุณมี
.
วิธีทำ Business Model Canvas
1. เริ่มจาก Customer Segment ก่อน
เขียนสรุป กลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง และปัญหาและความต้องการของพวกเขา
.
2. เขียน Value Proposition คือ จุดขายของไอเดียนี้ในมุมลูกค้า
เขียนเสร็จแล้ว คิดทบทวนว่า มันใช่สิ่งที่ลูกค้าต้องการจริงๆหรือเปล่า แก้ปัญหาลูกค้าได้ดีกว่าคู่แข่งจริงหรือเปล่า
.
3. ถ้าไอเดียคุณ ตอบโจทย์และต้องการเจาะกลุ่มเป้าหมายหลายกลุ่ม ก็ให้เขียน Customer Segment ให้ครบ (แต่แนะนำไม่ควรเกิน 2 Segment) และเขียน Value Proposition สำหรับแต่ละ Segment
.
4. เติม Customer Relationship & Channels
Customer Relationship คือ คุณอยากให้ลูกค้ามี Experience อย่างไร คุณมองความสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างไร
เช่น เป็นลูกค้าระยะยาว
เป็นลูกค้าที่ต้องมีคนคอยดูแลใกล้ชิด
เป็นแบบ Community
เป็นลูกค้าที่ self service ทำเองหมด
เป็นลูกค้าที่ร่วมกันสร้าง Product/Platform
หรือเป็นลูกค้าที่มาซื้อหรือใช้ Product/Service โดยที่ไม่ต้องมีการเก็บข้อมูลอะไร
ส่วน Channels คือ
ลูกค้าจะรู้จักคุณ ได้ทางไหนบ้าง
จะใช้บริการคุณ ได้ทางไหนบ้าง
และคุณวางแผนจะรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าผ่านช่องทางไหน
ทั้ง Customer Relationship และ Channels นั้นคุณต้องวางแผนให้สอดคล้องกับกลุ่มลูกค้าและรูปแบบธุรกิจ
ถ้าคุณขายของแพง คุณก็สามารถทำ Customer Relationship และ Channel ในการหาลูกค้า ที่มีค่าใช้จ่ายแพงได้
แต่ถ้า รายได้ที่คุณได้จากลูกค้าต่อหัวน้อย โดยคุณหวังว่าจะได้ลูกค้าเยอะ
Customer Relationship และ Channels ที่ใช้ก็ต้องต้นทุนต่ำหรือต่ำมาก
.
5. ระบุ Revenue Streams
คือการตอบให้ได้ว่าธุรกิจคุณจะทำเงินจากใครและยังไง (ซึ่งไม่จำเป็นต้องทำเงินจากผู้ใช้งาน เช่น Facebook, Youtube ก็ได้)
คุณสร้างคุณค่าอะไรให้กับเขา
ทำไมเขาถึงต้องจ่ายเงินให้คุณ
.
6. คิดถึง Key Resources, Key Activities, Key Partners ที่ต้องมี เพื่อให้ไอเดียเกิด
Key Resources คือ ทรัพยากร เช่น สถานที่ คน เทคโนโลยี
ถ้าไอเดียคุณเป็น web หรือ app อย่างเดียว, Key Resources หลักๆ ของคุณคือ คน และ ความรู้
Key Activities คือ กิจกรรมสำคัญที่บริษัทหรือทีมต้องทำเพื่อให้ธุรกิจดำเนินการได้
คุณลองคิดดูว่า กระบวนการ ตั้งแต่ก่อนจะได้ลูกค้ามา จนถึงลูกค้าได้ในสิ่งที่เขาต้องการ และหลังจากนั้น ทีมคุณต้องทำอะไรบ้าง
อะไรคือขั้นตอนสำคัญ
Key Partners คือ บริษัทอื่นหรือคนอื่น ที่ต้องมีเพื่อให้ไอเดียเกิด
พาร์ทเนอร์มาเสริมในจุดที่ทีมคุณไม่มี
คุณควรตอบให้ได้ว่า คุณต้องการพาร์ทเนอร์แบบไหนถึงจะตอบโจทย์ลูกค้า
แค่พาร์ทเนอร์ทั่วไปในเรื่องนั้น หรือต้องเป็นตัวท๊อปในเรื่องนั้น ลูกค้าถึงจะมาใช้บริการ
และตอบให้ได้ด้วยว่า แต่ละพาร์ทเนอร์ ทำไมเขาต้องมาร่วมกับคุณ ทำไมเขาต้องเพิ่มช่องทางและคนมาให้บริการบนแพลทฟอร์มคุณ
ช่อง Key Partners นั้นก็เป็นไปได้ว่า ถ้าไอเดียนั้นทีมคุณสามารถทำได้เองหมด ก็ไม่จำเป็นต้องมีพาร์ทเนอร์ก็ได้
.
7. ระบุ Cost Structures
คุณต้องเข้าใจและประมาณการต้นทุนได้ โดยเฉพาะต้นทุนก้อนใหญ่ในการสร้างและดำเนินธุรกิจออกมา และต้นทุนเฉลี่ยต่อการได้ลูกค้ามาหนึ่งคน
ถ้าไอเดียคุณต้องมีต้นทุนสินค้า คุณต้องรู้ว่ากลยุทธ์ต้นทุนสินค้าจะเป็นยังไง จะต้องเน้นต้นทุนต่ำๆสุดๆ ผลิตให้มากที่สุด หรือสินค้าคุณไม่ได้แข่งราคา
.
8. อ่านทั้ง 9 ช่องที่คุณเติม เพื่อดูว่าทุกอย่างมันสอดคล้องกันหรือไม่
.
9. ทดสอบสิ่งที่เขียนในแต่ละช่องว่าจริงหรือเปล่า และปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามผลที่ได้จากการทดสอบ
ทุกอย่างที่คุณเขียนไปครั้งแรก สำหรับไอเดียใหม่ คือ assumption หรือสิ่งที่คุณคิดว่าน่าจะเป็นอย่างนี้
แต่ของจริง อาจจะไม่ใช่อย่างที่คุณคิด
ดังนั้นคุณต้องทดสอบ
ช่องที่คุณควรทดสอบก่อนเลยคือ Customer Segment และ Value Proposition
แล้วค่อยลงรายละเอียดเพื่อทดสอบสิ่งที่เขียนลงไปในช่องอื่นๆ ต่อไป
เมื่อทดสอบแล้ว ได้เรียนรู้มา ก็เอามาปรับแก้ใน Business Model Canvas
เมื่อปรับสิ่งหนึ่งแล้ว ก็ต้องตรวจดูว่า ที่เขียนในช่องอื่น ยังสอดคล้องกันหรือเปล่า
ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนคุณมั่นใจในทุกช่องใน Business Model Canvas ให้มากที่สุด
.
สิ่งที่คนมักทำผิด เวลาทำ Business Model Canvas
1. ทำจากซ้ายไปขวา โดยเริ่มที่ช่อง Key Partners
ไอเดีย ต้องเริ่มจากลูกค้า โดยเฉพาะว่ากลุ่มเป้าหมายคืออะไร ปัญหาที่จะแก้คืออะไรก่อน
2. ไม่ได้ศึกษาคู่แข่ง
ทำให้เขียน Value Proposition ออกมาแล้ว ไม่ต่างจากคู่แข่งที่มีอยู่ในตลาดเลย
3. Customer Segment กว้างไป
การสร้างของใหม่ต้องโฟกัส โฟกัสกับกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง และปัญหาที่เฉพาะเจาะจง
ถ้ากลุ่มเป้าหมายกว้างไป สิ่งที่เจอคือจะมีหลายปัญหาที่ต้องแก้
ทำให้ไม่สามารถสร้างไอเดียที่แก้ปัญหาให้ดีกว่าปัจจุบัน 10 เท่าได้
4. คิด Value Proposition เฉพาะลูกค้า ไม่ได้คิดสำหรับพาร์ทเนอร์หรือผู้ใช้งานอื่นบนแพลทฟอร์ม
เช่น ไอเดียแอปส่งอาหาร แต่โฟกัสแค่ลูกค้า ไม่ได้มามอง Value Proposition สำหรับคนขับ และสำหรับร้านค้า ว่าทำไมต้องใช้คุณ
.
ถ้าชอบ content การทำของใหม่ หาไอเดีย ทดสอบไอเดีย ทำ new tech product
ฝากกด Like กด Share ด้วยนะครับ
จะได้ไม่พลาดคอนเทนท์ที่ตั้งใจเขียนทุกวัน
ใครมีอะไรอยากพูดคุย สอบถาม, message มาได้เลยครับ
ขอบคุณครับ
การตลาด
missiontothemoon
ธุรกิจ
4 บันทึก
5
1
4
5
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย