27 ธ.ค. 2022 เวลา 13:15 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
**ไม่มีเนื้อหาสปอย
ดู Avatar The way of water จบ สิ่งที่ได้กลับมานอกจากภาพ CG ที่สวยสะกดแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ณรมย์สัมผัสได้จากหนัง Avatar คือเรื่องของความรักเลยค่ะ … อย่าเพิ่งตีความถึงความรักแนวโรแมนติกไปซะก่อนนะคะ ^^ Avatar คงไม่ใช่หนักรักแนวๆนั้น
เพราะณรมย์มีความเชื่อว่าความรักเป็นหนึ่งในพลังงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด มวลพลังงานของมันถ่ายเทให้สิ่งมีชีวิตไม่ว่าจะโลกไหนๆก็แล้วแต่ขับเคลื่อนชีวิตของตนไปด้วย ”ความหวัง” และ “ความสุข” ซึ่งถ้าเราขาด 2 สิ่งนี้ไป จิตวิญญาณของเราคงไม่ต่างไปจากซอมบี้ไร้หัวใจแน่ๆ
ทุกคนคิดว่า “ความรัก” ในมุมมองของคุณคืออะไรคะ?
ลองให้ความหมาย ลองนิยามความรักแบบตรงไปตรงมากับตัวเองดู ก่อนอ่านความรักทั้ง 6 แบบของโลก Pandora ในมุมมองของณรมย์ดูค่ะ 😊
สำหรับโลก Pandora ในหนัง Avatar ทั้ง 2 ภาคนั้น เนื้อเรื่องที่เล่าออกมาผ่านจอภาพยนตร์ช่างกลมกล่อม สนุก น่าตื่นเต้นแค่ไหน แต่ณรมย์ขอเลือกสัมผัสถึงพลังงานความรักที่ส่งมาให้แบบเด่นไม่เบา ยิ่งภาค 2 ที่เน้นเรื่องความรักความสัมพันธ์ของครอบครัว …. เราก็จะไม่ขอมองข้ามเลยล่ะ :)
1. ความรักกับเอวา
เอวา- ที่เป็นเหมือนดั่งขั้วหัวใจ เหมือนดั่งแกนสมองของชาวนาวี ขั้วหัวใจและแกนสมองที่เราๆไม่เคยมองเห็นหรือจับต้องเลยซักครั้งในชีวิตแต่เรารู้จริงๆนะ ว่ามันมีอยู่จริงๆ (ถึงแม้จะคนละความหมายกันระหว่างความหมายทางกายภาพกับความเชื่อก็เถอะ) “ขาดเธอ ขาดใจ” คำนี้ผุดขึ้นมาทันทีเลย ^^
ความรักต่อเอวาที่ชาวนาวีมีให้นั้นยิ่งใหญ่และบริสุทธิ์มาก มันเต็มไปด้วยความศรัทธาอย่างสูงสุดตั้งแต่วันที่ยังไม่ได้ออกมาหายใจบนโลก Pandora กันเลย ไปจนวันที่หมดลมหายใจจากไป ซึ่งสำหรับชาวนาวีแล้ว พวกเขากับเอวาจะไม่มีวันตัดขาดจากกัน
สายสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับเอวาจะเชื่อมโยงกับตลอดไปไม่มีวันจบสิ้น จากรุ่น สู่รุ่น เอวาจะเป็นที่พักพิง เป็นพยานศักดิ์สิทธิ์ เป็นปัญญา และเป็นคำตอบให้พวกเขาเสมอ ตลอดไป
2. ความรักกับทุกสรรพสิ่งรอบตัว
ชาวนาวีให้เกียรติเพื่อนร่วมโลกบนดาว Pandora ของเขาทุกชีวิต ทุกใบไม้ใบหญ้า ต้นไม้ทุกต้น สรรพสัตว์น้อยใหญ่ สถานที่ทุกแห่ง อากาศ สายลม และการมี “Bonding” หรือ การเชื่อมสายสัมพันธ์ระหว่างกันของพวกเขากับบรรดาสรรพสัตว์ หรือ สรรพสิ่งที่เป็นเรื่องปกติวิสัยของชาวที่นี่ (ซึ่งการ Bonding นี้เป็นสิ่งที่ณรมย์ชื่นชอบและขอชื่นชมในไอเดียของคนเขียนบทมาก ส่วนตัวมองว่ามันเจ๋งมากๆเลย)
ชาวนาวีพวกเขาไม่แยก ชั้น วรรณะว่าเอ็งเป็นสัตว์ที่พูดไม่ได้ส่วนพวกข้ามีภาษาที่ใช้กันในพวกพ้อง แต่คิดว่าพวกเราคือสิ่งมีชีวิตที่เท่าเทียมและต่างมีอาณาเขตของตน พึ่งพากันได้ในบางครั้ง เข่นฆ่ากันบ้างในบางครั้งเพื่อการดำรงชีพและรักษาเผ่าพันธุ์ให้ดำรงอยู่ แต่ไม่มีการบุกรุกระรานกัน ซึ่งความรักต่อทุกสรรพสิ่งของชาวนาวีนี่แหละนำมาซึ่งสันติภาพและความสงบสุขอย่างแท้จริง ชีวิตที่มีความสุขแบบเรียบง่าย ให้ความเคารพต่อกันแบบจริงใจมันช่างสวยงาม และสง่างามด้วยตัวมันเอง
3. ความรักกับครอบครัวและบรรพบุรุษ
ขนาดกับสรรพสิ่งอื่นๆยังมี Bonding เพื่อเชื่อมโยงสายใยให้แนบชิดแล้วความรักระดับคู่ชีวิตมันจะลึกซึ้งขนาดไหนกันนะ? ^^
ความรักเชิงโรแมนติกในโลก Pandora นอกจากจะสื่อกันได้ผ่านทางกายภาพและความรู้สึกทั่วไปแล้ว ก็ยังอยากยกเรื่อง Bonding ขึ้นมาอีกซักรอบ เพราะมันให้ความรู้สึกที่เหนือกว่าจริงๆสำหรับณรมย์ มันเป็นการสื่อสาร รับส่งกันในระดับที่ลึก ถ้าพูดให้เข้าใจกันชัดๆคงใช้คำว่าระดับ “จิตวิญญาณ” การที่จะไม่ปล่อยมือจนกว่าจะหมดลมหายใจจากกัน
อันที่จริงในโลก 3D ที่เราอยู่กันนี้ก็มีการสัมผัสถึงสายสัมพันธ์ระดับจิตวิญญาณกันเป็นปกติอยู่ อย่างที่ใครๆเรียกว่าระดับ Soulmate, Twinflame,เนื้อคู่ หรืออะไรก็ตาม ซึ่งตรงนี้โลก Pandora และ Planet Earth ของเราไม่มีอะไรต่างกันเลย …
แต่สิ่งที่ดูเหมือนจะต่างกันมากๆซึ่งเป็นสิ่งที่ณรมย์คิดเอาเองนะว่ามันสอดคล้องบนพื้นฐานความเคารพต่อกันนั่นก็คือ ที่โลก Pandora ชาวนาวีไม่น่าจะมีกิ๊กกันนะ 😂 รักซ้อน รักซ่อนเงื่อนเพื่อนทรยศ คงไม่น่ามี
ณรมย์มองเห็นแต่ความเคารพและความศรัทธาในกันและกันต่อชาวนาวีกันเองและต่อสรรพสิ่งรอบกายพวกเขา พวกเขาเห็นคุณค่าและให้คุณค่าต่อกัน แม้แต่บรรพบุรุษที่จากไปแล้วชาวนาวีก็ยังเห็นคุณค่าเสมอ
4. ความรักในพวกพ้องและชาวต่างเผ่า
ถึงแม้ชาวนาวี แต่ละเผ่าในโลก Pandora จะแบ่งอาณาเขตกันอย่างชัดเจน ซึ่งอันที่จริงก็ไม่ต่างอะไรเลยกับชาวโลกอย่างเราที่แบ่งภูมิประเทศ แบ่งทวีป และมีเชื้อสายแตกต่างกันเห็นได้ชัด แต่เมื่อชาวนาวีมีภัยมา หรือต้องการที่หลบภัย ความรัก ความเคารพต่อกันที่มีอย่างเต็มเปี่ยมเป็นเหมือนพื้นฐานหลักในหัวใจก็ทำให้ชาวนาวีมองข้ามความแตกต่างเรื่องนี้ไปได้ทุกครั้ง
(ระหว่างเขียนบทความนี้ ณรมย์อินไปหาข่าวเก่าๆเกี่ยวกับชาติพันธุ์โรฮิงญา เห็นภาพมนุษย์ลอยคอในทะเลแบบนั้นแล้วปวดใจมากทีเดียว ซึมไปหลายนาที)
กลับมาที่โลก Pandora ค่ะ สายสัมพันธ์แน่นแฟ้นต่อเพื่อนร่วมโลก การเคารพต่อชีวิต 1 ชีวิต อาจเป็น 1 ครอบครัว หรือแม้กระทั่งชนเผ่าทั้งเผ่า ทำให้ชาวนาวีเปิดรับคำขอช่วยเหลือเสมอ แล้วเวลาพวกเขาตัดสินใจช่วยนี่คือช่วยจริงๆ เปิดรับจริงๆไม่มีแอบแฝง คือสู้กันเคียงบ่าเคียงไหล่อย่างที่เห็นกันในหนังนั่นเลย
5. ความรักในศัตรู
อ่านแล้วอาจดูย้อนแย้ง ศัตรูไม่น่าถูกรัก แต่ในที่นี้ณรมย์ขอเสนอในมุมมองที่ว่า ชาวนาวีไม่ทำเกินกว่าเหตุต่อศัตรู สิ่งที่พวกเขาทำมีเพียงการ “ปกป้องตัวเอง” เท่านั้น เห็นได้ชัดว่าชาวนาวีเลือกตอบโต้อย่างสมเหตุสมผลต่อ “ศัตรู” ที่ตั้งใจเข้ามาทำลายวิถีชีวิตของตน แต่เราจะไม่เห็นชาวนาวีวางแผนไปอุ้มศัตรูจับมาทรมานหรือรีดข้อมูลอะไรทำนองนั้นแน่ๆ พวกเขาก็แค่ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ไม่เอ็งก็ข้าในสนามรบนี่แหละ ใครจะอยู่ใครจะไป
6. ความรักในวิถีชีวิตของตน
โลก Pandora เป็นโลกในฝันของณรมย์เลยค่ะและเชื่อว่าหลายคนก็คิดแบบเดียวกัน ก็มันเหมือนสวรรค์บนดินขนาดนั้น เป็นใครก็น่าจะขอไปใช้ชีวิตซักครั้งถึงแม้จะแค่ไปเที่ยวก็เถอะ (ถ้ามันเป็นไปได้จริงๆอ่ะนะ …นี่ยอมละทิ้งชาบู หมูกะทะและชานมไข่มุกได้เลย!)
ณรมย์เชื่อว่าชาวนาวีเองก็รัก เคารพและภูมิใจในวิถีของตัวเองมากๆเห็นได้จากถึงแม้ชาวนาวีจะนำเทคโนโลยีบางอย่างของชาวโลกมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันอยู่บ้าง อย่างเช่นการหัดใช้อาวุธปืนหรือการใช้เครื่องมือสื่อสารบางอย่าง แต่เราคงไม่เห็นชาวนาวีนำเครื่องนุ่งห่ม เสื้อผ้าต่างๆอย่างชาวโลกมาสวมใส่ในโลก Pandora ของเขา เราคงไม่เห็นชาวนาวีเลือกขับขี่เครื่องบินในชีวิตประจำวันแทนการขี่อิกราน (Ikran) แน่ๆอ่ะ!
ถึงแม้ความสัมพันธ์ระหว่างชาวนาวีกับนักวิทยาศาสตร์ชาวโลกจะเป็นไปด้วยดีขนาดไหนแต่การเคารพซึ่งกันและกันเหล่านั้นก็ไม่ได้นำมาซึ่งการมีอิทธิพลด้านการปรับเปลี่ยนเชิงพฤติกรรมเลยแต่เป็นลักษณะการพึ่งพาอาศัยกันมากกว่า
กลับมาที่คำถามข้างต้นที่ถามไปว่า “ความรักคืออะไร?” …. ความรักของคุณคืออะไรคะ? ตอบตัวเองกันว่าอย่างไรบ้าง?
สำหรับณรมย์ ^^
-ความรักคือ การมี”เมตตาจิต”และมี”ศรัทธา”ต่อคนๆนั้น หรือสิ่งๆนั้น “แบบที่เป็นตัวตนของเขาอย่างแท้จริง”-
-เมตตา คือ ความปรารถนาดี อยากให้เขามีความสุขจริงๆ
-ศรัทธา คือ ความเชื่อมั่น การมีความหวังในตัวเขาเสมอ (และต้องไม่ยึดติดนะ … ข้อนี้ต้องพูดกันยาวในคราวต่อๆไป😁)
คำตอบของคำถามครั้งนี้ของณรมย์ยาวกว่าคำตอบที่เคยถามตัวเองตอนที่ยังอายุน้อยกว่านี้ค่ะ ความยาวของคำตอบที่ต่างกันคงมากับประสบการณ์ชีวิตที่ติดตัวมาตามอายุ เด็กกว่านี้ก็มีคำตอบอีกแบบ อายุเท่าตอนนี้ก็มีคำตอบอีกแบบ … ซึ่งจะตอบแบบไหนก็ไม่มีผิดมีถูก
ประเด็นสำคัญคือความรักที่คุณได้ให้คำตอบ ให้คำนิยามมันไว้นั้นน่ะ คุณได้ใช้มันกับตัวเองบ้างรึป่าวคะ? ณรมย์ว่ามันวัดได้เลยนะว่าเรา “รักตัวเอง” จริงๆมั้ย? หรือเรารักตัวเองแค่ไหน?
ณรมย์ลองเอาคำนิยามที่ให้ไว้มาถามตัวเองอย่างตรงไปตรงมาว่าเรานี่มีเมตตาและมีศรัทธากับตัวเองรึป่าว(ฟะ?!) … อืมมมมม.. คำตอบที่ได้คือเรายังคงต้องทำการบ้านกับตัวเองอีกยกใหญ่เลย 🤣🤣😂🤣😊 ซึ่งไม่เป็นไร ยินดี! ยินดี! (อย่างน้อยก็รู้ว่าเรายังรักตัวเองได้มากกว่านี้อีก😊)
แล้วส่วนตัวคุณละคะ? ครั้งนี้ลองให้คำตอบที่ให้ไว้เป็นคำถามดูบ้างซักครั้ง แล้วหากมีอะไรที่จะช่วยเปิดปัญญาหรืออยากแชร์กับณรมย์ ทางนี้ยินดีมากๆเลยค่ะ ❤️😊
🤍-รู้คุณค่าของตัวเองคือพื้นฐานรักที่ดีอย่างแท้จริง-🤍
ณรมย์
โฆษณา