4 ม.ค. 2023 เวลา 07:15 • หุ้น & เศรษฐกิจ
#ประเทศกำลังพัฒนาถามจีน
ภาพ-1 “ถนนไข่ไก่” ของมาดากัสการ์ เหตุใดชาวท้องถิ่นตั้งชื่อให้ทางหลวงสายใหม่เช่นนี้
ช่วงเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา จีนมีการลงทุนในโครงการ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”หรือ “Belt&Road” รวมกว่า 600,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นการร่วมมือในการพัฒนากับทั่วโลกด้วยเงินทองของแท้ ไม่เหมือนบางประเทศตะวันตกที่ดีแต่พูดว่าจะให้ความช่วยเหลือต่างประเทศ แต่ไม่มีแผนไม่เงินทุนมีแต่มโน
ปลายปี 2022 สมาคมผู้สื่อข่าวจีนจัดประชุมหัวข้อ “ร่วมสร้างสรรค์หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ผลักดันการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษย์” โดยเชิญชวนผู้สื่อข่าวกว่า 60 คนจากกว่า 50 ประเทศมาร่วม ดร.หวัง เหวินผู้อำนวยการสถาบันวิจัยการเงินฉงหยางมหาวิทยาลัยเหริมหมิน (หนึ่งในคลังสมองของจีน)ผู้นำเสนอหลักในที่ประชุมครั้งนี้
ผู้สื่อข่าวมาดากัสการ์ถาม ว่าหลังจากจีนเสนอข้อริเริ่มนี้แล้ว ตั้งแต่ปี 2018 มาดากัสการ์ได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือหลายฉบับ แต่เรารู้สึกว่าไม่มีผลคืบหน้ามากนัก
ดร.หวัง เหวินตอบ ขอบคุณมิตรจากมาดากัสการ์ โยให้ข้อมูลว่า เดือนมกราคมปี 2022 บริษัทจีนแห่งหนึ่งเพิ่งเสร็จสิ้นการสร้างทางหลวงสายหนึ่งระยะทาง 19 กิโลเมตรที่ชานกรุงอันตานานาริโว เมืองหลวงมาดากัสการ์ ชาวท้องถิ่นตั้งชื่อถนนนี้ว่า “ถนนไข่ไก่” เหตุใดจึงตั้ง
ชื่อนี้ เพราะว่าแต่ก่อนเป็นถนนสายเก่าที่พื้นถนนขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อมาก พ่อค้าขนส่งไข่ไก่ออกจากเมืองหลวงไปขายในที่ต่างๆ ไข่ไก่กว่าร้อยละ 20 จะแตกระหว่างทาง หลังจากสร้างใหม่ไข่ไก่ไม่แตกอีกแล้ว ทำให้กรุงอันตานานาริโวกลายเป็นเมืองศูนย์กลางแห่งอุตสาหกรรมไข่ไก่
1
ยังมีถนนอีกสายหนึ่งที่ผมจำได้แม่น นั่นคือทางหลวงระดับ 5A ของมาดากัสการ์ ที่เชื่อมต่อเมืองแอมบิโลบีที่อยู่ภาคเหนือกับเมืองเมืองท่าวูชิมารินาที่อยู่ภาคตะวันออก ระยะทาง 151 กิโลเมตร เมื่อก่อน การเดินทางระหว่างสองเมืองนี้ต้องใช้เวลาประมาณ 12 ชั่วโมง แล้วบริษัทจีนไปช่วยสร้างถนนใหม่ ปัจจุบันใช้เวลาเดินทางเพียง 2 ชั่วโมงกว่าเท่านั้น หลายปีมานี้ โครงการความร่วมมือระหว่างจีนกับมาดากัสการ์มีผลคืบหน้าอย่างแท้จริง ขอให้คุณเจียดเวลาไปหาความรู้ให้มากขึ้น
แต่คำถามของคุณก็แสดงให้เห็นปัญหาจริง แม้ว่าจีนมีโครงการก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานในมาดากัสการ์จำนวนมาก แต่คุณเป็นผู้สื่อข่าวของมาดากัสการ์ ยังไม่ค่อยรู้ความคืบหน้า นี่เป็นปัญหาของจีนเอง เพราะจีนมีการประชาสัมพันธ์ในด้านนี้น้อยมาก หวังว่าคุณจะสามารถไปช่วยทำข่าวให้ชาวบ้านมีความรู้เพิ่มมากขึ้น
ดร.หวัง เหวินเผยว่าปี 2013 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนไปเยือนคาซัคสถานและอินโดนีเซีย ได้เสนอข้อริเริ่ม “แถบเศรษฐกิจเส้นทางสายไหม”และ “เส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งศตวรรษที่ 21” ใช้ค่ำย่อ “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” (Belt&Road) ช่วงเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา และปัจจุบันเป็นนโยบายการต่างประเทศที่สำคัญอันดับหนึ่งของจีน
1
จนถึงปัจจุบัน จีนกับประเทศจำนวนมากได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมการผลิต ร่วมกันสร้างนิคมอุสาหกรรมกว่า 120 แห่งในประเทศต่างๆ อาทิ ไทย เวียดนาม กัมพูชา บังคลาเทศ เอธิโอเปีย เป็นต้น นี่เป็นความแตกต่างระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา นโยบายการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา สร้างภัยพิบัติอย่างใหญ่หลวงให้กับโลกช่วงกว่า 20 ปีที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกาก่อสงครามให้ชาวโลกอย่างมาก อาทิ สงครามอิรัก สงครามอัฟกานิสถาน สงครามซีเรีย สงครามลิเบีย รวมถึงสงครามยูเครน ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับสหรัฐอเมริกาเช่นกัน
ปัจจุบัน จีนเป็นประเทศใหญ่ที่ทันสมัยเข้มแข็ง แต่จะสร้างประโยชน์และความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันให้กับชาวโลก นี่เป็นวัตถุประสงค์พื้นฐานของการที่จีนเสนอ “Belt&Road”
ดร.หวัง เหวินระบุว่าแม้สมาชิกสภาฯ คลังเสมอและสื่อมวลชนส่วนหนึ่งของสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ยุโรปและอินเดียมีข้อสงสัย ติเตียน การดำเนินนโยบาย “Belt&Road” กระทั่งมีการใส่ร้ายด้วยก็ตาม แต่พวกเขาต้องยอมรับว่า จีนไม่ได้เดินสู่
หนทางเก่าของประเทศตะวันตกที่ว่า “ประเทศเข้มแข็งจะเป็นเจ้าโลก” ตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมา จีนก็ได้ย กระดับขึ้นเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลก และใน 10 ปีข้างหน้า อาจจะกลายเป็นอันดับ 1 ของโลก แต่จีนไม่ได้เดินสู่หนทางลัทธิความเป็นเจ้า แต่กำลังสร้างประเทศใหญ่แบบใหม่และหนทางความทันสมัยแบบจีน
1
ดร.หวัง เหวินกล่าวว่าปัจจุบันจีนกับทั่วโลกกำลังแบ่งปันกำไรมหาศาลที่มาจากรูปแบบการสร้างสรรค์ใหม่ในการพัฒนาการเงินการค้าและเทคโนโลยี อย่างเช่น ก่อนปี 2017 เคนยายังไม่มีทางรถไฟที่ทันสมัย จีนไปช่วนสร้างทางรถไฟที่เชื่อมต่อเมืองท่าใหญ่สุดมอมบาซาไปถึงกรุงไนโรบี ได้รับการชื่นชมจากชาวท้องถิ่น
ปี 2010 วิกฤติหนี้ของยุโรปทำให้รัฐบาลกรีซตกในสภาพที่จะล้มละลาย จีนเข้าไปช่วยสร้างสรรค์อัปเกรดท่าเรือที่กรุงเอเธนส์ของกรีซ ทำให้การขนส่งฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เศรษฐกิจของกรีซก็พัฒนาดีขึ้น โครงการแบบนี้มีจำนวนมาก และศักยภาพของ “Belt&Road”มีอีกมากที่ยังไม่ได้ปล่อยออกมา
3
ข้อมูลเบื้องต้น ปัจจุบันจีนมีเลข “8” สามประการที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศ ได้แก่ มีชาวจีนจำนวนประมาณ 8 ล้านคนทำงาน ศึกษาเรียนต่อและใช้ชีวิตในต่างประเทศ มีบริษัทจีนกว่า 80,000 บริษัทในต่างประเทศ มีการลงทุนประมาณ 8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในต่างประเทศ ชาวโลกเห็นว่าชาวจีนขยันขันแข็ง แต่ก็มีความกังวลที่จีนกำลังโตยิ่งขึ้น
ผู้สื่อข่าวเซเนกัลถามเรื่องกาปฏิบัติตามข้อริเริ่ม “Belt&Road”มีปัญหาเกี่ยวกับหนี้
ดร.หวัง เหวินตอบว่าคุณคงได้ยินข่าวตะวันตกบ่อย ที่ประณามว่าจีนใช้ลัทธิความเป็นเจ้าหนี้ในการผลักดัน“Belt&Road” นี่เป็นประเด็นในการโจมตีที่ใหญ่สุดต่อ “Belt&Road” ผมขอกล่าว
ด้วยความรับผิดชอบว่า โครงการก่อสร้างที่จีนทำในแอฟริกานั้น ปัญหาหนี้ไม่ใช่ปัญหาสำคัญเสมอ ผมขอยกตัวอย่างทางรถไฟที่เคนยา การสร้างทางรถไฟสายนี้ เคนยาเป็นหนี้จีน 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐเคนยาเอารายได้จากการประกอบกิจการรถไฟสายนี้ไปคืนหนี้จีน สื่อตะวันตกบอกว่า จีนใช้ “ลัทธิจักรวรรดินิยมเจ้าหนี้”กับเคนยา แต่ข้อเท็จจริงคือหนี้จากทางรถไฟสายนี้เป็นเพียงร้อยละ 10 ของหนี้ที่เคนยามีเท่านั้น
เคนยาสร้างทางรถไฟสายนี้ ทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 ต่อปี สามารถที่จะคืนหนี้จีนด้วยผลกำไรที่เกิดจากทางรถไฟสายนี้ ไม่มีปัญหาเลย นี่เป็นหนี้คุณภาพดี สิ่งที่สำคัญกว่าคือ การสร้างทางรถไฟสายนี้ ทำให้ราคาบ้านริมทางรถไฟสูงขึ้น สร้างความเจริญและโอกาสการพัฒนาจำนวนมากให้ชาวบ้านริมทางรถไฟ ถือว่ามีประสิทธิผลดีมาก คำว่า “ลัทธิจักรวรรดินิยมเจ้าหนี้”นั้นไร้สาเหตุ แต่เป็นคำที่มาจากความริษยา
ผู้สื่อข่าวอียิปต์ถาม จีนมีแผนขยายการลงทุนในประเทศอาหรับอย่างไร
ดร.หวัง เหวินตอบว่า ผมเคยไปอียิปต์ 3 ครั้ง สิ่งที่ทำให้ผมประทับใจมากที่สุดนั้น ไม่ใช่พีระมิดในกรุงไคโร แต่เป็นนิคมอุตสาหกรรมไท่ต๋าซู
เอซที่บริษัทจีนช่วยสร้างขึ้น ห่างจากกรุงไคโรประมาณ 170 กิโลเมตร ปี 2018 เพื่อนอียิปต์
พาผมไปชมนิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้ เวลานั้นมีบริษัทจีนกว่าร้อยบริษัทอยู่ในนั้น มีโรงงานจำนวนมาก มีชาวจีนหลายพันคนทำงานที่โน่น และมีพนักงานที่เป็นชาวอียิปต์ประมาณ 20,000 คน นิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้ ได้สนองผลิตภัณฑ์ให้กับอียิปต์และโลกอาหรับ ปัจจุบัน ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับอียิปต์ดีมาก จีนมีการลงทุนในอียิปต์เพิ่มมากทุกปี ปี 2020 จีนแซงหน้าสหรัฐอเมริกา กลายเป็นประเทศผู้ลงทุนในต่างประเทศใหญ่ที่สุดของโลก
ปีหลังๆ นี้ จีนมีการลงทุนต่อต่างประเทศเกินกว่า 150,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี เงินทุนเหล่านี้กระจายอยู่ทั่วโลก เป้าหมายการลงทุนส่วนหนึ่งจะไปแอฟริกาและประเทศอาหรับ คาดว่า 5 ปีข้างหน้า การลงทุนต่อต่างประเทศต่อปีของจีนอาจจะมีถึง 200,000 - 250,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ การลงทุนขนาดใหญ่แบบนี้ จะสร้างโอกาสการพัฒนาอย่างใหญ่หลวงให้กับทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนา
ผู้สื่อข่าวอุซเบกิสถานถามว่า ตะวันตกกำลังสร้างความเป็นปรปักษ์ด้านข่าวสารและสารสนเทศ ควรใช้วิธีอะไรในรักษาความมั่นคงของ“Belt&Road”
ดร.หวัง เหวินตอบว่าขอบคุณปัญหาของมิตรจากอุซเบกิสถาน ผมเคยไปอุซเบกิสถาน 2 ครั้ง เป็นประเทศที่สวยมาก ประเด็นของคุณสำคัญมาก ตะวันตกมิพียงใส่ร้ายจีนในด้านข่าว ทั้งยังกดดันขัดขวางการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน อาทิ ชิป ช่วง 4 ปีที่ผ่าน
มา สหรัฐอเมริกาก่อสงครามการค้าต่อจีนแต่ไม่สำเร็จ ไม่สามารถขัดขวางการพัฒนาของจีน คำสั่งห้ามในด้านชิป ก็ไม่สามารถขัดขวางการพัฒนาของจีนเช่นกัน ผมเชื่อมั่นว่า ใน 5-10 ปีข้างหน้า จีนจะสามารถผลิตชิปด้วยเทคโนโลยีของจีนเอง นอกจากนั้น สหรัฐฯ ใส่ร้าย “Belt&Road” ของจีนอย่างต่อเนื่อง สร้างภาพลักษณ์เชิงลบให้กับจีน จีนมีสำนวนโบราณว่า
“ความเป็นธรรมอยู่ในจิตใจของผู้คน” ปัจจุบัน ชาวโลกจำนวนมากขึ้นมีความคิดของตัวเองเพื่อพิจารณาว่าจีนเป็นประเทศอย่างไร ไม่ว่าตะวันตกจะใส่ร้ายจีนอย่างไร แต่ข้อเท็จจริงคือ จีนไม่เคยก่อสงครามใดๆ ไม่ได้เข้าร่วมสงคราม ไม่ได้นำมาซึ่งการปะทะและภัยพิบัติ จีนมีแต่นำมาซึ่งผลประโยชน์ต่างๆ อาทิ การค้า ความร่วมมือและสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน เราก็หวังว่า บรรดาผู้สื่อข่าวจะทำการรายงานข้อเท็จจริงอย่างละเอียดให้ชาวโลกได้ทราบ
ผู้สื่อข่าวลาวถาม หลายปีมานี้ ในระหว่างการดำเนินโครงการต่างๆ ของ “Belt&Road” มีปัญหาหรือความลำบากอะไรบ้าง
ดร.หวัง เหวินตอบว่าจีนมีความสามารถสูงมากในการก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน อย่างเช่น การสร้างอาคารสูง ใช้เวลาหลายเดือนก็สร้างเสร็จ สร้างสะพานใหญ่ข้ามแม่น้ำหลายร้อยเมตร อาจจะ 1-2 ปีก็สร้างเสร็จ สร้างท่าเรืออาจจะ 2-3 ปี สร้างทางรถไฟ 1-3 ปี แต่เมื่อบริษัทจีนไปทำที่ต่างประเทศ ก็ต้องเผชิญกับปัญหาซับซ้อนจำนวนมาก อาทิ เงินทุน กฎหมาย ภาษาวัฒนธรรม เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวอิรักถาม อิรักมีฐานะสำคัญมากน้อยแค่ไหนใน “Belt&Road”ของจีน เมื่อไหร่จะเปิดการลงทุนขนาดใหญ่ในอิรัก
ดร.หวัง เหวินตอบว่าอิรักเป็นประเทศที่จีนให้ความสำคัญมาก เป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 3 ของจีนในภูมิภาคเอเชียตะวันตก ปีหลังๆ นี้ การค้า
ระหว่างจีนกับอิรักพัฒนาเร็วมาก ปัจจุบัน ยอดการค้าเกินกว่า 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี จีนมีการลงทุนราว 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี แต่ขอพูดตรงๆ ว่า การลงทุนของจีนในอิรักที่เป็น 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปีนั้นน้อยมาก เมื่อเทียบกับยอดการลงทุนในต่างประเทศของจีน ที่เป็น 150,000 ล้านเหรียญ
สหรัฐต่อปี ยังไม่ถึงร้อยละ 1 สาเหตุที่ทำให้จีนยังไม่สามารถลงทุนขนาดใหญ่ในอิรักมี 3 ประการ หนึ่งคือความร่วมมือด้านการลงทุนระหว่างจีนกับอิรัก โดยเฉพาะด้านพลังงานและสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน จะถูกจำกัดจากสหรัฐอเมริกา เพราะสหรัฐอเมริกามีอิทธิพลสูงมากในอิรัก เมื่อจีนอยากลงทุนในอิรักมาก
ขึ้น สหรัฐอเมริกาก็บอกว่า จีนอยากจะควบคุมอิรัก ประการที่สองคือข้อขัดแย้งระหว่างชนเผ่าหลังสงคราม นักธุรกิจจีนเป็นห่วงการลงทุนล้มเหลว และประการที่สามคือปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม อย่าง เช่นภาวะนิเวศ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม อิรักมีฐานะทางภูมิศาสตร์สำคัญมาก มีความสามารถและมีศักยภาพสูง จีนยินดีร่วมมือกับอิรัก เชื่อมั่นว่าจะมีการลงทุนในอิรักมากขึ้น
ดร.หวัง เหวินระบุว่าปีหลังๆ นี้ การค้าระหว่างจีนกับประเทศรายทาง “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง”เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ว่าปีหลังๆ นี้ การเติบโตของการค้าต่างประเทศของประเทศส่วนใหญ่ติดลบ แต่กาค้าระหว่างจีนกับประเทศรายทาง “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง”ส่วนใหญ่มีการเติบโตกว่าร้อยละ 10 ต่อปี
ดร.หวัง เหวินระบุว่า ปัจจุบัน โลกาภิวัฒน์ที่มีจีนเป็นผู้นำนั้น ไม่ใช่จะสร้างกรอบที่ถือจีนเป็นศูนย์กลาง ประเทศอื่นอยู่โดยรอบ จีนไม่มีความมุ่งหมายเช่นนี้ ถ้าหากจีนเข้มแข็งยิ่งขึ้นและพัฒนายิ่งขึ้น โครงสร้างโลกที่จีนหวังนั้นจะเป็นโครงสร้างเครือข่ายที่เสมอภาค จีนหวังความเท่าเทียมกันระหว่างคนกับคน มีความเสมอภาคระหว่างประเทศ
จนถึงปี 2019จีนได้ทำการประชาสัมพันธ์”หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง”เสร็จสิ้นในขั้นแรก ต่อไปจีนหวังว่าจนถึงปี 2049 จีนจะอัปเกรด”หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง”ให้เป็นฉบับ 2.0 ที่เสน้นการพัฒนาอย่างมีคุณภาพสูง สร้างเส้นทางสายไหมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เส้นทางสายไหมที่เปิดกว้าง สร้างเส้นทางสายไหมที่มีความหลากหลาย สร้างเส้นทางสายไหมแห่งการสร้างนวัตกรรมและเส้นทางสายไหมดิจิทัล
ดร.หวัง เหวินชี้ให้เห็นว่าข้อริเริ่ม”หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง”ของจีน ไม่เหมือนกับแนวคิดความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของตะวันตกโดยสิ้นเชิง จีนไม่ยอมทำตามกระบวนการที่ว่าประเทศเข้มแข็งต้องก่อสงคราม ก็จะไปบีบประเทศอื่น ๆ ดังนั้น ทฤษฎีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของตะวันตกไม่สามารถอธิบาย”หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง”ได้ ฉะนั้น เราคงจะต้องเขียนตำราเรียนทฤษฎีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศฉบับใหม่แล้ว
ท้ายนี้”หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง”จะนำมาซึ่งสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองให้กับชาวโลกมากขึ้น จีนจะสร้างอารยธรรมรูปแบบใหม่ด้วย”หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” ช่วงกว่า 40 ปีที่ผ่านมา จีนไม่เคยใช้กองทหารและก่อสงครามไปปล้นประเทศอื่นๆ แต่ใช้การพัฒนาที่สันติ ส่งเสริมความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ โดยผ่านหนทางการพัฒนาที่สันติ จีนจะเป็นพลังขับเคลื่อนการเติบโตและความเจริญของทั่วโลก
โฆษณา