4 ม.ค. 2023 เวลา 12:00 • ไลฟ์สไตล์
วันหนึ่งความธรรมดา อาจกลายเป็นเรื่องพิเศษ เมื่ออยู่ท่ามกลางโลกดิจิทัล
หนึ่งในกิจกรรมที่ผมชอบมากที่สุดเวลาเดินทางไปต่างเมืองหรือต่างประเทศคือ การไปสวนสาธารณะครับ นอกจากจะไปเดินเล่นหรือวิ่งแล้ว ผมยังชอบไปดูผู้คนที่นั่นด้วย
1
ครั้งล่าสุดที่ผมไปชิคาโกมา ผมก็ไปนั่งๆ เดินๆ ในสวนสาธารณะริมทะเลสาบมิชิแกนอยู่ครึ่งวัน เนื่องจากวันนั้นเป็นวันอาทิตย์ที่อากาศดี คนจึงหนาตา ผมเดินมาบริเวณริมน้ำและก็สังเกตว่าคนที่อยู่แถวๆ นั้น มีกิจกรรมที่น่าสนใจ คือคนจำนวนมากอ่านหนังสือจากกระดาษกันอยู่ บางคนนอนอยู่บนเปลญวนที่เอามาเอง บางคนปิกนิกทานอาหารกับครอบครัว และบางคนกำลังง่วนอยู่กับการลงสีภาพวาด
1
แทบไม่มีใครจับอะไรที่เป็นหน้าจออิเล็กทรอนิกส์เลย
1
ภาพตรงหน้าทำให้ผมคิดว่าในโลกที่เต็มไปด้วยความเร็วและข้อมูลที่โหมกระหน่ำแบบไม่ให้หยุดพักผ่อน เชื่อว่าความแอนะล็อก รวมถึงความเงียบสงบและการจดจ่อ สุดท้ายแล้วคือความเป็นมนุษย์ และจะกลายเป็นความ “พิเศษ” หรือจะเรียกว่าความ “หรูหรา” ในยุคอนาคตที่ผู้คนใฝ่หา
5
ความเป็นมนุษย์
ผมจำความรู้สึกตอนให้ AI อย่าง ChatGPT เขียนบทความภาษาอังกฤษครั้งแรกได้ บทความที่ว่านั้นออกมาครบถ้วนมากๆ เรียกได้ว่าแก้อีกนิดหน่อยก็เอาไปใช้ได้เลย
5
วินาทีนั้นยอมรับว่าในฐานะ Content Creator เมื่อเห็น AI ทำได้ขนาดนี้ รู้สึกทั้งทึ่งและกลัวไปพร้อมๆ กัน
2
คือทึ่งในความสามารถของ AI ในขณะเดียวกันก็กลัวว่าอนาคตเราจะยังมีงานทำอยู่ไหม
แต่หลังจากที่ผมลองนั่งคิดๆ ดูแล้ว ก็พบว่าจริงอยู่ว่าเทคโนโลยีนั้นเก่งขึ้นเร็วมาก แต่ในที่สุดแล้วบางทีมนุษย์อาจต้องการอะไรมากกว่านั้น มนุษย์อาจจะต้องการเชื่อมโยงกับคนจริงๆ เหมือนกันมากกว่าหรือเปล่า
10
อันนี้เป็นแค่การคาดเดาเฉยๆ นะครับ แต่ผมคิดว่าในอนาคตเราอาจจะมีสิ่งที่เรียกว่า “Verified … by human”
4
เช่น หนังสืออาจจะมีตราที่เขียนว่า Verified written by human หรือการรับรองว่าหนังสือเล่มนี้เขียนโดยคนจริงๆ นะ เป็นต้น
1
ก็คล้ายๆ กับสติกเกอร์ที่ติดตามอาหารออร์แกนิกอะไรจำพวกนั้นน่ะครับ
2
พูดถึงหนังสือผมก็นึกได้ว่าผมยกเลิกสมาชิกของแอปพลิเคชันสรุปหนังสือต่างๆ ที่สรุปหนังสือต่างประเทศไปทั้งหมด เพราะรู้สึกว่ามันไม่ได้ใช้งานจริงๆ สิ่งที่สรุปถามว่าครบถ้วนไหมก็ต้องบอกว่าครบถ้วน แต่สิ่งที่ขาดหายไปเลยคือพลังของสิ่งที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อ และบริบทของหนังสือในแง่ของการนำสิ่งที่เราอ่านมาใช้งานต่อ
4
ทุกวันนี้ผมกลับมาอ่านหนังสือเป็นเล่มๆ อย่างเดียว แล้วอ่านเยอะขึ้นมาก เพราะหลังจากลองมาหลายอย่างผมพบว่าสิ่งที่ช่วยในการเรียนรู้สิ่งใหม่ รวมถึงตกผลึกสิ่งเก่าด้วย สำหรับผมก็คือ “หนังสือ” นี่แหละครับ
5
การอ่านหนังสือสำหรับผมแทบจะเป็นหนึ่งในการทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งวิธีเดียวเลย มันคือการที่ความรอบรู้ของหนังสือกับความรอบรู้ของเราบวกกันและตกผลึกออกมาเป็นเรื่องใหม่หรือมุมมองใหม่ๆ ที่จะถูกหยิบมาใช้เมื่อถึงเวลา
2
การถ่ายทอดเรื่องราวผ่านตัวอักษรเป็นสิ่งที่มนุษย์ทำกันมานานมากแล้ว
และสิ่งนี้เป็นเรื่อง “ธรรมดา” ที่อาจจะ “พิเศษ” ได้ในอนาคตอันใกล้
1
ความเงียบสงบและการจดจ่อ
3
ในโลกที่เต็มไปด้วยข้อมูลที่โหมกระหน่ำใส่เราไม่หยุดหย่อน โลกที่เราสามารถเสียเวลาเป็นชั่วโมงๆ ไถหน้าฟีดบนโซเชียลมีเดียดูวิดีโอสั้นๆ ของผู้คนซึ่งเราจะลืมมันไปทันทีหลังจากนั้น รู้ทั้งรู้ว่าไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากนัก แถมบางทีอาจจะยิ่งทำให้เราเศร้าเพราะเกิดการเปรียบเทียบอีก แต่ดูเหมือนว่าเราก็ไม่สามารถหยุดพฤติกรรมนี้ได้
ในหนังสือเรื่อง Four Thousand Weeks ของ Oliver Burkeman พูดถึงเรื่อง Attention Economy หรือ “ระบบเศรษฐกิจเพื่อแย่งความสนใจของผู้บริโภค” ไว้ได้อย่างน่าสนใจว่า นอกจากมันจะเป็นเครื่องจักรในการขับเคลื่อนความเชื่อและบริบทของสังคมแล้ว มันยังทำให้เวลาของคุณหมดไปเพราะคุณเอาเวลามา “สนใจ” ในสิ่งที่คุณไม่ได้ “ใส่ใจ” และดูเหมือนว่าเรามีอำนาจน้อยมากที่จะควบคุม “ความสนใจ” ของเรา เพราะเรามักแพ้ต่อความเย้ายวนของ Attention Economy เสมอ
1
อย่างที่เราทราบกันว่าโซเชียลมีเดียนั้นไม่ใช่ของฟรี และจริงๆ แล้วคุณไม่ได้เป็นลูกค้า แต่เป็นสินค้าที่ถูกขาย โดยสินค้าที่ว่าก็คือ “ความสนใจ” หรือ Attention ของเรานั่นเอง โดยการออกแบบของโซเชียลนั้นถูกหยิบยืมมาจากการออกแบบของบ่อนกาสิโน ที่พยายามจะทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า Variable Rewards หรือผลตอบแทนที่ไม่จำเจ
3
เพราะตอนที่คุณรีเฟรชหน้าจอหรือเลื่อนเพื่อดูวิดีโอถัดไป คุณไม่รู้เลยว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง จะมีโพสต์ใหม่หรือคลิปที่น่าสนใจไหม ความไม่แน่นอนนี้ทำให้เราอยากลองอีกครั้ง ซึ่งหลักการนี้คือหลักการของเครื่องเล่นสล็อตเลย
3
สิ่งที่เราต้องคำนึงถึงก็คือ ชีวิตของเราจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับเรื่องที่เราสนใจ และการที่โลกปัจจุบันทำให้เราถูกดูดความสนใจไปมากมายแบบนี้ทำให้เราตั้งสมาธิกับอะไรไม่ได้ง่ายๆ
4
หรือพูดอีกแง่หนึ่งคือเราอาจสูญเสียความสามารถใน “การจดจ่อ” ไปนั่นเอง
ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะเราอาจกล่าวได้ว่า “ความจดจ่อ” คือ “ชีวิต” เหมือนที่หนังสือเล่มนี้เขียนไว้ว่า
1
“ประสบการณ์การมีชีวิตประกอบขึ้นมาจากผลรวมของทุกสิ่งที่คุณสนใจจดจ่อล้วนๆ ในบั้นปลายชีวิตเมื่อมองย้อนกลับไป อะไรก็ตามที่ดึงดูดความสนใจของคุณจากขณะหนึ่งไปสู่อีกขณะหนึ่งก็คือชีวิตของคุณ”
2
ถ้าหากถามว่าทุกวันนี้เราจดจ่อกับกิจกรรมที่เราทำอยู่มากแค่ไหน
1
ถ้าพูดเรื่องง่ายที่สุดก็อย่างเช่นการทานข้าว ลองสังเกตตัวเองในมื้ออาหารถัดไปว่า เรารับรู้รสชาติของอาหารแค่ไหน เราได้ดื่มด่ำกับอาหารมากกว่าแค่การถ่ายรูปลงโซเชียลมีเดียหรือเปล่า รวมถึงเราสนใจบทสนทนาของคนตรงหน้าหรือสนใจข้อความในมือถือมากกว่ากัน
2
หลายคนสัมผัสเรื่องเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี จึงไม่แปลกที่เรื่องการทำสมาธิที่เคยดูเหมือนเป็นเรื่องศาสนาและไม่ค่อยเกี่ยวกับชีวิตคนทั่วไปเท่าไร แต่ทุกวันนี้กลับกลายเป็นเรื่องที่คนพูดถึงกัน ถ้าเราไปยืนที่ชั้นหนังสือเราจะพบหนังสือมากมายที่ไม่ใช่หนังสือธรรมะที่พูดเรื่องนี้
3
เรามีการพูดถึง Social Media Detox และมีกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อเรื่องนี้โดยเฉพาะเยอะมาก
เรามีแอปพลิเคชัน สารคดี รวมไปถึงสถานที่ที่สามารถไปพักผ่อนจิตใจเพื่อทำสมาธิได้ โดยไม่ได้อยู่ในรูปแบบของสถานปฏิบัติธรรมแบบเดิมๆ และธุรกิจเหล่านี้กำลังเฟื่องฟูอย่างมาก
1
เห็นได้ชัดว่ามีคนจำนวนมากต้องการที่จะมีชีวิตที่ “เงียบสงบ” และ “จดจ่อ” มากขึ้น
1
อะไรก็ตามที่สร้างช่วงเวลาแบบนี้ได้ จะกลายเป็นของที่ “พิเศษ” มากๆ ในยุคนี้
ชีวิตแบบแอนะล็อก
1
ข้อมูลจาก Statista บอกไว้ว่า หลังจากที่แผ่นเสียงถูกแทนด้วยเทปในช่วงยุค 80 และยอดขายก็เหลือแบบเฉพาะกลุ่มมากๆ มาตลอด แต่ในช่วงปี 2007 เราเริ่มเห็นการกลับมาของยอดขายแผ่นเสียงแบบก้าวกระโดด จากปีละไม่ถึงล้านแผ่น มาเป็น 42 ล้านแผ่นในปี 2021 (เฉพาะในสหรัฐอเมริกา) และแนวโน้มยังทะยานขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่แผ่นเสียงเก็บเพลงได้นิดเดียวแถมแพงมากๆ อีกต่างหาก
ถามว่าการเล่นเพลงจากแผ่นเสียงนั้นสะดวกกว่าระบบสตรีมมิงหรือไม่ ก็ต้องตอบว่าไม่เลย และถ้าพูดถึงคุณภาพของเสียงก็คงสู้ออดิโอไฟล์ไม่ได้
1
แต่เสียงที่ได้จากแผ่นเสียงมีคุณลักษณะบางอย่างที่ไฟล์ดิจิทัลนั้นให้ไม่ได้
2
ผมเองไม่ได้เป็นคนชอบเครื่องเสียง ผมเลยไปคุยกับเพื่อนๆ ที่ชอบเรื่องนี้มา เกือบทุกคนให้ข้อมูลคล้ายกันว่า ที่ชอบแผ่นเสียงเพราะชอบเอกลักษณ์ของเสียงที่ไม่เหมือนใคร รวมถึงพิธีกรรมของการเล่นแผ่นเสียง ตั้งแต่การเช็ดแผ่น การยกแผ่นมาวางบนเครื่องเล่นแผ่นเสียง (Turntable) แล้วค่อยๆ วางเข็มลงไปอย่างประณีต เหล่านี้คือเสน่ห์ของการเล่นแผ่นเสียงที่เทคโนโลยียุคใหม่ให้ไม่ได้
1
“มันคือความสุนทรียะของชีวิต” เพื่อนผมคนหนึ่งได้กล่าวไว้
2
และอีกวงการที่น่าสนใจคือ วงการรถยนต์ครับ
ในยุคของ EV และรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ (Autonomous Driving) รถยนต์นั้นทำอะไรได้เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นการขับเองหรือจอดเอง ซึ่งจะทำให้การเดินทางจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งนั้นง่ายมากๆ ในอนาคตอันใกล้เราอาจจะได้นั่งในรถที่ขับเอง ดู Netflix พร้อมทานอาหารไประหว่างทาง โดยมือไม่ต้องจับพวงมาลัยเลย เมื่อถึงที่หมายรถก็ไปจอดเองโดยไม่ต้องหาที่จอดรถ เมื่อเสร็จธุระจะกลับบ้านก็เรียกรถมารับกลับได้เลย
1
ท่ามกลางความไฮเทคของรถยนต์สมัยใหม่ ก็มีคนกลุ่มหนึ่งที่เริ่มสะสมรถยนต์เครื่องสันดาปภายในและรถจำนวนมากที่ถูกสะสมคือรถเกียร์ธรรมดา ซึ่งคำว่ารถสะสมผมไม่ได้หมายถึงรถเก่าอย่างเดียว แต่รวมถึงรถใหม่ป้ายแดงด้วย เพราะมีวี่แววว่าบริษัทรถยนต์หลายบริษัทจะหันไปเน้น EV กับ Hybrid 100% ซึ่งแน่นอนว่ารถยนต์ที่จะมีเครื่องสันดาปภายในและเกียร์ธรรมดาก็จะไม่ถูกผลิตขึ้นมาอีก
2
ถ้ามองไปไกลๆ ในอนาคต เราอาจจะมีพื้นที่พิเศษเฉพาะสำหรับคนที่อยากขับรถเอง เพราะเมืองทั้งเมืองรถยนต์อาจจะกลายเป็นรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติอย่างเต็มรูปแบบหมดแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าอยากขับรถเองก็ต้องไปพื้นที่พิเศษ
กิจกรรมการขับรถซึ่งวันนี้เป็นกิจกรรมที่ “ธรรมดา” มากๆ แต่อนาคตอาจจะกลายเป็นกิจกรรม “พิเศษ” ที่เราไปทำเมื่อถึงวันหยุดพักผ่อนก็เป็นได้
3
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ผมนึกถึงการทานอาหารของครอบครัวผมที่เราคุยเรื่องราวต่างๆ กันอย่างออกรสชาติโดยไม่มีใครสนใจหยิบมือถือมาเลยสักคนเดียว
1
พี่สาวผมทั้งสองคนทุกวันนี้อยู่คนละประเทศแต่มีงานอดิเรกที่คล้ายกันคือ ชอบปลูกผักทั้งคู่และปลูกกันแบบจริงจังด้วย
เมื่อสลัดมาเสิร์ฟ พี่สาวผมจะภูมิใจมากที่จะบอกว่า
“ผักที่อยู่ในจานนี้ทั้งหมด พี่ปลูกเอง”
2
แน่นอนว่าผักต่างๆ อาจจะไม่สวยงามเท่าที่เราซื้อจากซูเปอร์มาร์เก็ต แต่สำหรับพวกเราสลัดจานนี้มีความพิเศษมาก
เรากำลังอยู่ในยุคที่เรื่อง “ธรรมดา” กลายเป็นเรื่อง “พิเศษ”
1
#selfdevelopment
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
โฆษณา