อย่าให้ใครมาลิขิตชีวิตของคุณ แต่จงลิขิต ชีวิตคุณด้วยตัวของคุณเอง (Free Yourself)
เรื่องของโชคชะตา เป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยาก ไม่รู้ว่าเรื่องราวในชีวิตของเราจะถูกฟ้ากำหนดไว้แล้วจริง ๆ ดั่งที่เราสันนิษฐานไว้รึเปล่า หรือ อาจไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง กำหนดชีวิตของเราอย่างตายตัว มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะเอามาเป็นข้ออ้างหน่วงรั้งชีวิตตัวเอง ไม่ให้เราพัฒนาเป็นคนที่เราอยากจะเป็นได้
แน่นอนล่ะ มันมีบางครั้งนะที่เราก็เผลอตัดพ้อชีวิตของตนเอง เผลอไปคิดว่าชีวิตเราก็เป็นได้เท่านี้แหละ เราไม่มีทางทำแบบนี้ได้ เราไม่มีทางเป็นแบบนั้นได้ เพราะบลา ๆ ๆ ๆ เหตุผลมากมายนับล้านที่ก่อตัวขึ้น เพื่อสนับสนุนความคิดด้านลบของตัวเรา มันพยายามก่อตัวเป็นกำแพงขึ้นมาอย่างสูงลิ่ว ขวางกั้นเราเอาไว้ ไม่ให้เราได้เติบโต และบรรลุขีดจำกัดของเรา
มันเป็นขีดจำกัดที่พยายามรั้งตัวเราไว้ให้ไม่เจริญก้าวหน้าในทุก ๆ ด้านที่เราคิดไม่ดีด้วย มันไม่เคยผลักดันให้ตัวเราได้หลุดออกจากอะไรเดิม ๆ ที่คอยฉุดรั้งเราอยู่ได้เลย
คำถาม คือ ทำไม เราไม่ผลักมันออกไปกันนะ?
อาจคงเป็นเพราะ กับดักความคิดของเราเอง นั่นแหละ ศัตรูตัวฉกาจ ของมนุษย์เรา โดยที่เราก็ไม่ได้รู้ตัวเองเลยด้วยซ้ำ ว่าตัวเราเองนั่นแหละคือคนที่กำลังฉุดรั้งตัวเองอยู่
จริงใช่ไหมที่เรายังคงกลัวต่อสภาวะที่เราไม่ได้คุ้นเคย หรือวางใจว่ามันจะปลอดภัยจริงๆ หากเราจะพาตัวเอง ก้าวเดินออกไปจากสภาวะตรงนี้ สภาวะที่มันกำลังล่ามโซ่ตัวเราเอาไว้กับสิ่งบางสิ่ง ของบางอย่าง หรือใครบางคน
อะไรคือความกังวล ที่เรายังคงไม่ตัดสินใจลงมือทำอย่างเด็ดขาด ให้มันแน่ชัดไปเลย ว่าเรายืนอยู่ข้างไหน ฝั่งไหนที่ส่งผลดีกับเราจริง ๆ ฝั่งไหนที่กำลังทำร้ายเราอยู่ เรากำลังรักตัวเราเองอยู่จริง ๆ ใช่ไหม ทำไมเราถึงกำลังวิ่งหนีสิ่งที่จะทำให้เรามีความสุข ความสำเร็จ ในอนาคตไปล่ะ เรากำลังยึดติดอยู่กับความคิดอะไรบางอย่าง ที่มันทำให้เราไขว้เขว ลังเลอยู่ใช่หรือไม่
หากเรารักตัวเราเองจริง เราก็น่าจะทำใจยอมรับ และตัดสินใจลงมือทำไปนานแล้ว ไม่หลงคิดมากมานานเช่นนี้
.
ไม่เป็นไรหรอกนะ เชื่อมั่นไว้ว่าทุกอย่างจะมาในเวลาที่เหมาะสม
ชีวิตของเรา “ไม่เคยมีใครมาขีดเส้นจำกัด” เราหรอกนะ ว่าเมื่อเราเกิดมาแล้ว เราจะต้องเป็นคนแบบไหน หยุดพัฒนาตัวเองเมื่อไหร่ ทำอาชีพอะไร มีนิสัยแบบไหน มีเงินทองมากน้อยเพียงใด ใด ๆ ก็ตาม ที่คน ๆ นึงจะสามารถบังคับ ควบคุมเราได้
หรือหากมีคนบังคับในชีวิตจริง ๆ ฉันก็ขอให้คุณลองคิดทบทวนดูใหม่อีกที ว่าจริง ๆ แล้วมนุษย์เรามีอิสระในการเลือกได้จริง ๆ หรือไม่ ชีวิตเป็นของตัวเราเองเสมอนะ ถึงแม้เราอาจจะกำเนิดขึ้นมาเองไม่ได้ แต่ตอนเกิดมา เราก็เกิดมาตัวคนเดียวนะ เราเกิดมาด้วยดวงจิตของเราเพียงผู้เดียว ลงมาอยู่ในร่างกายมนุษย์ อาศัยร่างนี้ดำเนินชีวิต ดูแลตัวเอง ตั้งแต่หัวจรดเท้า ทำทุกสิ่งอย่างด้วยตัวเราเองทั้งหมด เราไม่สามารถที่จะให้ใคร หรือ ผู้ใด มาจัดการทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกเรื่องในชีวิตของเราได้หมด 100% หรอก
มันไม่มีทางที่จะมีใครบังคับให้เรามีความสุขได้ หากเราไม่ได้รู้สึกมีความสุข และไม่มีใครสามารถบังคับให้เราหยุดพัฒนาตัวเองได้ ในขณะที่เรากำลังขยันเรียนรู้ อยู่กับทุก ๆ ขณะของชีวิต
.
ไม่ใช่ทุกอย่างที่คนอื่นจะบังคับเราได้ และรวมถึง “โชคชะตา” ด้วย โชคชะตาเป็นส่วนหนึ่งที่กำหนดวัน เดือน ปีเกิด เวลาเกิดของเราจริง รวมไปถึง เชื้อชาติ สัญชาติ ครอบครัว ด้วย แม้จะเป็นสิ่งที่เราเลือกไม่ได้ แต่หลังจากนั้น ไม่ว่าเราจะคิด จะทำอะไร โชคชะตาก็แทบไม่มีพลังมากพอที่จะบังคับการเคลื่อนไหวทางร่างกายของเราได้ และโชคชะตาก็บังคับความคิดของเราไม่ได้ เพราะฉะนั้น ก็ไม่ต้องไปนึกถึงคนอื่น ๆ ที่พยายามบงการชีวิตของเราเลย เพราะแม้แต่โชคชะตาที่มีพลังอำนาจเหนือกว่า ก็มิอาจมากำหนดชีวิตของมนุษย์เราได้อย่าง 100%
และเมื่อเรารู้แบบนี้แล้ว ศัตรูที่ไม่เคยแสดงตัว “ศัตรูที่แท้จริง” ก็จะโผล่มาให้เห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น นั่นก็คือ “ความคิดของตัวเราเอง” นัั่นแหละ ที่กำลังบล็อค จำกัดความเป็นไปได้ทั้งหมดของชีวิตของตัวเราเอง ทั้ง ๆ ที่บนชีวิตความเป็นจริงของเรา มนุษย์ทุกคนน่ะสามารถเป็นอะไรก็ได้ มีอะไรก็ได้นะ ตามที่เราอยากจะมีและอยากจะเป็น
หืม…รู้ได้ยังไงว่าทุกคนสามารถเป็นอะไรก็ได้ที่อยากจะเป็น ทำอะไรก็ได้ที่อยากจะทำ ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำได้อย่างที่คิดหรอกนะ?
.
มันก็ใช่นะ ที่ทุกคนจะมีผลลัพธ์ในชีวิตที่แตกต่างกันออกไป แต่หากเราคิดเช่นนี้ ก็แสดงว่า เราก็กำลังติดอยู่กับ “กับดักทางความคิดของตัวเราเอง” อยู่เหมือนกัน
จริงหรอ?
ใช่ ตัวฉันเองก็ติดกับดักความคิดของตัวเองมานานเช่นกัน งงกับตัวเองมานานเช่นกัน ว่าทำไมเราถึงติดอยู่ที่เดิมมานานเช่นนี้ แต่ฉันก็ได้ค้นพบ ว่า หากเราเชื่อมั่นในตัวเองสักนิด ให้กำลังใจตัวเองหน่อย ว่าเราก็สามารถทำได้นะ เชื่อมั่นในตัวเองอย่างจริง ๆ จัง ๆ ไม่ว่าใครจะพูดว่าอะไรก็ตาม มันก็ไม่มีใครที่จะมามีอิทธิพลเหนือตัวเราเองนะ โดยเฉพาะความคิดด้านลบของตัวเราเองน่ะ
.
มองเพื่อนมนุษย์ร่วมโลกของเรานี่แหละ เลือกศึกษาและมองคนที่เป็นตัวอย่างที่ดีให้เราได้ ซึ่งจริง ๆ แล้ว มนุษย์ทุก ๆ คนต่างก็เป็นตัวแทนของความเก่งนะ เราเก่งกันคนละแบบ เก่งกันคนละด้าน ติดตามคนที่อิ่มเอมไปด้วยความสุข ความสำเร็จ ความมั่งคั่ง ความดีงาม เลือกที่จะมองมุมมองสันติ ซึ่งคนเหล่านี้ ต่างก็มีมากมายให้เราเห็นอยู่ก่อนแล้วทั้งนั้น
และเราเองก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากพวกเขาเลยนะ เราก็เป็นมนุษย์เหมือนกันกับพวกเขา จะว่าไปเรากับทุกคนก็แทบจะไม่มีอะไรต่างกันเลย เรามีร่างกาย เรามีความคิด เรามีจิตใจ ตัดสิ่งของภายนอกออกไป เพราะนั่นคือสิ่งที่เราเลือกจะมีหรือไม่มีก็ได้ ตามที่ใจมนุษย์เราปราถนา ตัดเรื่องที่เราเลือกไม่ได้ อย่างเพศ สถานที่เกิด สัญชาติ เชื้อชาติ อื่นใดที่เราทุกคนก็ไม่สามารถเลือกได้อีกเช่นกัน
เราทุกคนน่ะ ต่างก็มีชีวิตที่ดำเนินต่างกันออกไป ปัญหาที่เจอมันจึงย่อมมีความแตกต่าง ถึงแม้ว่าหลายครั้งที่เราจะมองว่า หากเรามีรากฐานปัจจัยในชีวิตที่ดีกว่า ย่อมมีชีวิตที่ดีกว่า แต่ยังไง ที่นี่ก็คือโลกมนุษย์ โลกแห่งการเรียนรู้ เพราะฉะนั้นไม่ว่า ไม่เป็นคนรฐานะไหน ทุกคนต่างก็มีปัญหา มีความทุกข์เป็นของตัวเอง อยู่ที่เราจะรู้ถึงความทุกข์ของเขาเหล่านั้นหรือไม่ ทุกคนยังคงต้องเรียนรู้ บทเรียนบนโลกมนุษย์ที่ต้องการจะสอนให้เราเติบโตและพัฒนา เหมือนกันทุกคน
.
ความสุข และความทุกข์ เรามีกันทุกคนแหละ อยู่ที่ว่าใครจะมีมากมีน้อย ก็ขึ้นอยู่กับ ความแข็งแกร่งของจิตใจนะ หากเรามีจิตใจที่แข็งแกร่ง ชอบมองโลกในแง่ดี คิดบวกทุกสถานการณ์ ล้มแล้วลุกขึ้นได้เสมอ ย่อมมีความสุข มากกว่าความทุกข์ อยู่ที่ว่าเราจะโฟกัสสิ่งไหนมากกว่ากัน
และ เจ้าตัว “ความทุกข์” นี่แหละ มันก็คือ “ยาพิษตัวฉกาจ” มันสามารถทำร้ายคน ๆ นึงได้อยู่ร่ำไป หากเราหลงกลมัน เมื่อรู้อย่างนี้ เราก็คงจะต้องเลือกนะ ว่าเราอยากจะใช้ชีวิตต่อไป ให้มีความสุข หรือ อยากจะใช้ชีวิตต่อไปด้วยความทุกข์
เหนือสิ่งอื่นใด โชคชะตาก็ไม่สามาถ กำหนด ให้เรามีความ สุข หรือ ความทุกข์ ได้ โชคชะตา ไม่สามารถ กำหนดชี้นิ้ว ให้เราทำอะไรก็ได้ หากเราไม่ได้ต้องการทำสิ่งนั้น
เราเองต่างหากที่เป็นคนควบคุมเกมชีวิตของตัวเราเองทั้งหมด
Alienaire
.
ตั้งแต่เกิด จน ตาย มนุษย์เรามีเวลาอย่างจำกัดทุกคน จงใช้ชีวิตที่มีอยู่อย่างจำกัดนี้ให้คุ้มค่า “เปิดรับ ความไร้ขีดจำกัด” ของตัวเราเอง ของทุกสิ่งทุกอย่าง เปิดรับความมหัศจรรย์ที่หากเกิดขึ้นได้กับมนุษย์คนอื่น ๆ เราเองก็สามารถได้รับความมหัศจรรย์นั้นด้วยเช่นกัน โดยไม่ใช้ความรู้สึกที่อยากมี หรืออยากเป็น ให้เหมือนกับคนอื่น ๆ นะ เพราะ นั่นเป็น พลังงานของความโหยหา ความขาดแคลน ซึ่งเป็นพลังงานลบมากกว่าน่ะ แต่จงรู้สึกอ่อนโยนต่อทุกสิ่งทุกอย่าง เชื่อมั่นว่าทุกอย่างที่มันเป็นของเรา มันย่อมเดินทางมาหาเรา
มันคือการเปิดประตู พร้อมกับ อนุญาตให้สิ่งดี ๆ เหล่านั้นเข้ามาในชีวิต
โดยที่เราไม่ได้คาดหวังว่ามันจะมาอย่างไร มาทางไหน มามากแค่ไหน
แค่รู้ว่า มันจะมาหาเราอย่างแน่นอน โดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ มาขัดความรู้สึกของเรา
เปิดรับ ความสุข ความอุดมสมบูรณ์ให้เข้ามาในชีวิต เปิดรับทุกทางที่สามารถเข้ามาได้
อย่างมีจิตใจที่รู้ซึ้ง สำนึก และขอบคุณ ทุกสิ่งที่กำลังเดินทางมาหา
น้อมรับด้วยจิตที่เมตตา และเลือกที่จะไม่บ่น หรือคิดลบกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง
มั่นใจ วางใจให้เต็มที่ กับสิ่งที่เราเลือกแล้ว
.
บทความนี้ ถือเป็น พรอันประเสริฐที่ช่วยปลดล็อคตัวฉันเองเช่นกัน ^^
เพราะเรามักจะคิดว่า มันเป็นไปไม่ได้หรอก เราทำไม่ได้หรอก คนนั้น คนนี้เขาว่ามาแบบนี้ และบางทีเราก็หลงเชื่อ นำเอาความคิดนั้นมาเป็นของตัวเองเสียด้วยซ้ำไป ทั้ง ๆ ที่ จักรวาล และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านต่างก็รักพวกเรามาก คอยชี้แนะ นำทางเราอยู่เสมอ แม้เราจะออกนอกลู่นอกทางไปบ้าง ท่านทั้งหลายก็ยังคงอยู่เคียงข้าง ให้กำลังใจเราอยู่เสมอ
และแม้ฉันจะเชื่อว่า เบื้องบนท่านอาจกำหนดเส้นทางเดินชีวิตที่ดีมาให้เราแล้ว โดยที่เราก็ไม่อาจรู้ได้ แต่ท่านก็ยังคงใจดีที่ยังให้มนุษย์เรา ได้มี Free Will ได้มีเจตจำนงค์เสรี อิสระในการเลือกทางเดินชีวิตของตัวเราเองได้ :)
.
สุดท้าย ฉันมีประโยคสั้น ๆ ที่อยากจะบอกกับทุกท่านว่า
จงเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เผชิญหน้ากับสิ่งที่มองไม่เห็น
เชื่อมั่น และวางใจ นั่นจะเป็น ประตูแห่งพระพร
ที่กำลังเดินทางมายังคุณแน่นอน
Alienaire
Alienaire :)
- 8
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
