4 ม.ค. 2023 เวลา 17:25 • หนังสือ
แฮร์รี่ พอตเตอร์ฉบับหัวขบถ [โหมดเอาจริง]
Ch13: เดรโก มัลฟอย
ทุกคนสามารถเรียนรู้เพื่อจะเป็นคนที่ดีกว่าได้
นี่น่าจะเป็นหนึ่งในตอนที่หลายๆ คนรอคอยมากที่สุดตอนหนึ่งเนื่องจากเดรโกเป็นหนึ่งตัวละครที่ได้รับความนิยมสูงมากในประเทศไทย เล่นเอาผมรู้สึกผิดนิดๆ เลยทีเดียวเพราะผมค่อนข้างเฉยๆ กับตัวละครนี้และไม่ได้กระตือลือล้นที่จะวิเคราะห์เท่าไหร่ แต่เมื่อกลับไปทำการบ้านในช่วงวันหยุดยาวผมก็พบว่าตัวละครนี้มีอะไรมากกว่าที่คิด และอาจจะน่าสนใจกว่าThe Marauders ทั้งแก๊งค์เลยด้วยซ้ำ
เดรโกปรากฏตัวครั้งแรกในฐานะเด็กผู้ชายที่กำลังจะไปฮอกวอร์ตปีแรกคนแรกที่แฮร์รี่พบ เขาพยายามสนิทสนมกับแฮร์รี่ด้วยการชวนคุยและสุดท้ายก็จบลงที่ว่าอยากจะเจอแฮร์รี่อีกครั้งที่ฮอกวอร์ต แต่แฮร์รี่กลับไม่ชอบเขาอย่างยิ่งโดยระบุว่ารู้สึกเหมือนกำลังคุยกับดัดลี่ย์ ซึ่งน่าแปลกเพราะหนังสือไม่ได้แสดงดัดลี่ย์ในแง่มุมแบบนี้เลย แฮร์รี่อาจจะหมายถึงทั้งคู่เหมือนกันกันในแง่ที่ชอบโอ้อวดและดูหมิ่นคนที่ด้อยกว่ารึเปล่า? แต่ผมไม่ได้พบความผิดปกติอะไรมากไปกว่า "เด็กรวยที่พยายามหาเพื่อน"
แฮร์รี่ซะอีกเป็นคนที่เยอะเอามากๆ ผมไม่เห็นหรือแทบไม่เห็นว่าดัดลี่ย์ดูหมิ่นแฮร์รี่ตอนไหน มีแต่แฮร์รี่ดูหมิ่นดัดลี่ย์ ว่าเขาโง่บ้าง น่าเกลียดบ้าง เหมือนหมูบ้าง แล้วไม่ได้มีแต่ดัดลี่ย์ที่โดน แฮร์รี่ว่าให้คนอื่นไปทั่ว จนบางทีผมถึงกับหลุดอุทานว่า "อะไรของมึง!?"
เราเคยคิดรึเปล่าว่าเดรโกเป็นเด็กสปอยที่พ่อแม่เอาอกเอาใจมากเพราะเห็นส่งขนมมาให้ลูกชายในเล่มแรกๆ แต่จริงๆ มันเป็นแรงมโนของแฟนๆ เพราะผมตรวจสอบแล้วมันไม่มีหลักฐานจริงๆ ว่าพ่อแม่ส่งขนมมา แล้วมันไม่มีเหตุผลที่จะมากับนกฮูกด้วยเพราะกว่าจะมาถึงผ่านลมผ่านหมอกคงเสียรสชาดหมด สู้ส่งมากับเอลฝ์ประจำบ้านน่าจะเร็วและอยู่ในสภาพที่ดีกว่า ดังนั้นความจริงคือเดรโกน่าจะสั่งเอลฝ์ประจำบ้านให้ส่งมากับนกฮูกที่ห้องโถงเพื่อจะอวดพวกวิสลี่ย์และแฮร์รี่ คือพยายามสร้างภาพว่าเขาอยู่ในครอบครัวในฝันของทุกคน
แล้วทำไมเขาต้องพยายามสร้างภาพ? เพราะความจริงคือ เดรโกเป็นเด็กคร่ำเครียดมากว่าที่เราจะคาดคิดครับ
อย่างแรกเลย เดรโกเป็นลูกคนเดียว (อ่านจนแล้วไม่ปรากฎว่ามีพี่น้องเลย) อาศัยในคฤหาสที่มีกันแค่ 3 คนพ่อ-แม่-ลูก กับเอลฝ์ประจำบ้านไม่กี่ตัว น่าจะเป็ชีวิตที่เงียบเหงาทีเดียว แล้วอย่างที่บอกครับ "คฤหาส" มันต้องเป็นสถานที่ที่กว้างใหญ่ มีอาณาบริเวณมากมาย มองไปอาจจะไม่เห็นเพื่อนบ้าน กลายเป็นคำถามว่าก่อนเข้าโรงเรียนเด็กชายเคยเห็นมนุษย์มาแล้วกี่คน? น่าจะน้อยมาก! หลักๆ คือคนที่มาติดต่อธุรกิจกับพ่อแม่เท่านั้น ยิ่งเด็กรุ่นเดียวกันยิ่งไม่ต้องพูดถึง ผมว่าเด็กคนนี้คงไม่มีเพื่อนเลยด้วยซ้ำ
เขาน่าจะเติบโตมาท่ามกลางผู้ใหญ่ที่พูดคุยเกี่ยวกับการเมืองและสังคมซึ่งเขาอาจจะเข้าใจบ้าง-ไม่เข้าใจบ้าง แต่ก็เพียงพอที่จะวางรากฐานให้เขา แต่กระนั้นการที่เด็กคนหนึ่งจะเรียนรู้ชั้นเชิงของผู้ใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่าย  โดยการนี้เดรโกจึงต้องเลียนแบบตัวอย่างที่เขามีในชีวิตเพียงไม่กี่คน ซึ่งคนที่เขาประทับใจที่สุดก็คือพ่อของเขา ลูเซียสคืออะไรที่ทำให้เรานึกถึงราชวงศ์ในโลกเวทมนตร์ เขาเป็นบุคคลที่สง่างาม เฉลียวฉลาด มีชั้นเชิงในการเจรจาและเล่มเกม เย่อหยิ่งถือตัวแบบไม่น่าเกลียด
ไม่ต้องสงสัยว่าเดรโกเห็นลูเซียสนั้นเป็นฮีโร่
ก็มีกันแค่นี่นี่นะ
ดังนั้นแค่เริ่มต้นชีวิตเขาก็ไม่ใช่เด็กที่เติบโตมาอย่างปกติสุขแล้ว เขาพยายามเป็นเหมือนพ่อเขา แต่ด้วยความที่เป็นแค่เด็กแทนที่จะเฉียบเหมือนใบมีดโกนอย่างที่พ่อเขาเป็น เดรโกทื่อเหมือนสันขวาน สง่างามน้อยกว่า ขาดความอดทน เลยยิ่งดูเหมือนเด็กรวยนิสัยเสียมากขึ้น ทั้งนี้เพราะเขาไม่มีเด็กรุ่นเดียวกันในระแวกบ้าน ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับเด็กอื่นมากนักเขาจึงไม่รู้วิธีสร้างความประทับใจแรกพบกับเด็กคนอื่น
*อย่างที่เราเห็นที่ร้านตัดเสื้อและที่รถไฟในเล่มแรก จึงเริ่มต้นความสัมพันธ์ครั้งแรกของเขากับเพื่อนคนอื่นได้อย่างยากลำบาก
ยิ่งไปกว่านั้นในเล่ม 2 ยังเผยว่าเดรโกไม่ใช่เด็กสปอยแบบเจมส์หรือดัดลี่ย์ JK Rowling อธิบายเกี่ยวกับเฟลม่อน พอตเตอร์ หรือเขียนเกี่ยวกับเวอร์น่อนในหนังสือในฐานะพ่อที่เอาอกเอาใจจนลูกนิสัยเสีย แต่ลูเซียสไม่ให้แบบนั้นเลยครับ ในเล่มสองเผยให้เรารู้ว่าเขาเป็นพ่อที่เข้มงวดมาก แม้ว่าเขาจะไม่ตีลูกแน่ๆ แต่เขามีมาตรฐานสูงและเอาจริงเอาจัง การจะได้มาซึ่งสิ่งใดต้องมีเงื่อนไขและข้อตกลงที่ชัดเจน ซึ่งหมายความว่าเดรโกไม่ใช่ประเภทของเด็กที่ลงไปดิ้นๆๆ แต่ต้องทำให้ถูกต้องตามเงื่อนไขถึงจะได้รับสิ่งที่ต้องการ
เรารู้ผ่านบทสนทนาของเดรโกกับพ่อของเขาในตรอกน๊อคเทิร์น เช่นบอกไม่ให้ลูกชายแตะต้องอะไร, เมื่อตกลงกันแล้วว่าจะเอาไม้กวาดแข่งก็คือไม่เอาอะไรอีก หรือเด็ดกว่านั้น "I would have thougth you'd be ashamed that a girl of no wizard family beat you in every exam" เหล่านี้ล้วนทำให้เรารู้ว่าเดรโกแทบไม่ได้เป็นเด็กอย่างที่ควรจะเป็นเลย และนาซิสน่าเองก็ใช่ว่าจะแตกต่าง แม้ในเล่ม 6-7 เราจะได้เห็นว่าพวกเขารักกันมาก แต่พวกเขาไม่ใช่ประเภทของครอบครัวสุขสันต์ อย่างน้อยก็ตามที่ pottermore เปิดเผย
เด็กคนไหนโตมาในบ้านนี้คงเครียดน่าดู
จากข้อความที่ผมแปะมาจะเห็นว่ามันค่อนข้างสอดคล้องกับบุคลิกของนาซิสซ่าที่ปรากฏในเล่ม 4 คือดูไม่เหมือนแม่ที่อบอุ่นเลยแต่เย็นชาและเย่อหยิ่ง และถ้าเธอชอบทำหน้าเหมือนมีของเหม็นจ่อมูกตลอดเวลาตามที่แฮร์รี่บอกเราจริงก็แปลว่าเธอน่าจะเหมือนลูเซียส--เป็นผู้หญิงที่มีมาตรฐานสูงมาก ดังนั้นเดรโกที่บ้านนั้นไม่ใช่เด็กสปอยเลย แต่เป็นเด็กที่คร่ำเครียดที่บ้าน เขาทำอะไรตามใจชอบไม่ได้เลย เขาเลยมาระเบิดทุกอย่างที่โรงเรียนจนกลายเป็นคนน่ารำคาญอย่างที่เราเห็น
เด็กเก็บกดนั้นเอง ("- -)
หรือพูดให้ชัด ครอบครัวมัลฟอยที่น่ารักและสปอยลูกจนนิสัยเสียเป็น 1 ในแฟนมโนที่ไม่มีมูลความจริง จึงขออนุญาตขยี้ทิ้งแล้วโยนลงถังขยะตรงนี้เลยนะครับ เอาตรงๆ ครอบครัวนี้มีคาแรคเตอร์แบบชนชั้นสูงในยุคกลางหรือยุคฟื้นฟูศีลปะวิทยา ทำอะไรต้องรักษามารยาท เก็บอาการ ไม่ควรแสดงอารมณ์มากเกินไป การโอบกอดคงแทบไม่มี ดังนั้นครอบครัวนี้จึงไม่น่าจะอบอุ่นเท่าไหร่สำหรับเด็ก
ถ้าเดรโกได้ไปเรียนที่เดิร์มแสตรงตามที่พ่อของเขาวางไว้อาจจะไม่ไม่มีปัญหาอะไรมากเพราะเดิร์มสแตรงมีคาคารอฟที่เป็นพวกหัวอนุรักษ์นิยมเป็นอาจารย์--น่าจะมีความเหลื่อมล้ำระหว่างเด็กเลือดบริสุทธิ์และลูกมักเกิ้ลอยู่ไม่น้อย แต่--เนื่องจากนาซิสซ่าไม่อยากให้ลูกอยู่ไกลเกินกว่าจะวิ่งไปทันเวลาถ้ามีปัญหา เดรโกจึงต้องเข้าเรียนที่ฮอกวอร์ตซึ่งปฏิบัติกับลูกมักเกิ้ลและเลือดบริสุทธิ์เหมือนกัน ทั้งหมดนี้ทำให้เขาช๊อควัฒนธรรมพอสมควรเนื่องจากเขาเติบโตมาในสังคมศักดินาที่ถือว่ามักเกิ้ลด้อยกว่าตน
อีกทั้งครอบครัวของคนธรรมดานั้นดูอบอุ่นมากกว่า ซึ่งเหล่านี้เดรโกจะได้เห็นอยู่แล้วเมื่อไปที่ชานชาลา 9 เศษ 3/4 ในปีแรก นั่นน่าจะทำให้เดรโกเริ่มรู้สึกว่าคนเองขาดบางสิ่งที่เขาต้องการมาตลอด--การที่พ่อแม่โอบกอดและแสดงความรักอย่างเปิดเผย เหล่านี้ทำให้เดรโกเริ่มเปราะบางและเคว้งคว้าง เขาเริ่มคิดว่า "ฉันเหนือกว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมฉันอิจฉาล่ะ!?" และด้วยการถูกสอนว่าเขาสูงส่งกว่าใครทั้งหมด เขาจึงพยายามกอบกู้อัตตา (ที่แตกสลายทุกครั้งที่มารอขึ้นรถไฟ) อย่างยากลำบากมากขึ้นทุกปี
สเนปคงไม่รู้จะว่าไงเหมือนกัน ("- -)
อย่างแรกเลยเดรโกเข้าโรงเรียนด้วยความมั่นใจในทักษะการบินของต้นเพียงเพื่อจะมาพบว่าในโลกนี้มีคนที่เก่งกว่าเขามากมาย ตามที่ผมแปะไว้จะเห็นว่า 'เขารักษาตัวเองไว้ในทีมควิดดิชเพราะใช้นามสกุลมัลฟอยไม่ใช่ด้วยฝีมือ' ผมคิดว่าแม้เขาจะไม่ได้ห่วยในกีฬาควิดดิช--อันที่จริงเก่งเลยล่ะ แต่เขาคงไม่ดีพอจะเป็นตัวจริงของทีม และในหนังสือเราไม่พบว่าเดรโกมีจุดอ่อนด้านใด แฮร์รี่มีนิสัยชอบจับผิด ถ้าเดรโกพลาดคงโชว์ในหนังสือแล้ว ฉะนั้นเดรโกจึงเก่งแทบทุกอย่างแต่ไปไม่สุดซักอย่าง จะว่าเป็นมนุษย์เป็ดก็คงไม่ผิดนัก
นี่เป็น 1 ในสิ่งเล็กๆ ที่เราพบเห็นได้ทั่วไปในหมู่ชาวราศีเมถุน (ตามหลักสายนะที่ใช้กันในโลกตะวันตก) JK Rowling หยิบมาใส่ไว้อย่างฉลาดจริงๆ คนราศีเมถุนส่วนใหญ่ (เดรโกเกิด 5 มิถุนายน) เป็นคนมีความสามารถหลายด้านมากๆ แต่ไม่สุดซักอย่าง และความที่เป็นคนหลายบุคลิก-สนใจหลายเรื่องพร้อมกันทำให้ยากที่จะฝึกด้านใดให้ชำนาญเป็นพิเศษ ซึ่งจุดนี้น่าจะทำให้ลูเซียสมองว่าลูกคนนี้ท่าดีทีเหลวจนไม่อยากจะคาดหวังอะไรมากนัก
แต่การแสดงออกเช่นนี้ทำให้เดรโกเฟลไม่น้อย เขามีความอิจฉาเด็กที่มีความสามารถเฉพาะด้านอย่างแฮร์รี่ทำให้เขาเริ่มระรานอีกฝ่าย โดยการนี้เราจะเห็นพระเอกของเราหมดเวลามากมายไปกับความงี่เง่าและเดรโกก็ฉวยโอกาสจากความงี่เง่าของพระเอกในการที่จะเล่นงานอย่างต่อเนื่องซึ่งก็เป็นไปอย่างทุลักทุเล เพราะเดรโกก็ดันเป็นคนฉลาดแต่ไม่เฉลียว และถ้าใครอ่านภาคเด็กต้องสาปจะรู้ว่าจริงๆ เดรโกชื่นชอบแฮร์รี่มาก แต่แฮร์รี่มีอคติกับเขาเขาจึงแก้แค้นโดยการทำให้แฮร์รี่อยู่ไม่สุข
อีกประการคือ เมื่อพ่อไม่คาดหวังอะไรกับเขามากนัก เขาก็พยายามเรียกร้องความสนใจจากพ่อจนเกิดไดอะล็อคระดับตำนานอย่าง "พ่อฉันต้องรู้เรื่องนี้!" ที่ทอม เฟลตันขับออกมาได้อย่างแจ่ม เดรโกทำทุกเรื่องให้ใหญ่โตได้ตลอด หนึ่งในตอนที่หลายคนไม่พอใจเอามากๆ และถึงขนาดที่ pottermore บอกว่า "it's fair to say Draco is not a nice guy" ก็คือตอนที่เขายุยงให้บั๊คบีคได้รับโทษประหาร อย่างไรก็ตาม ส่วนนี้ผมขอเห็นต่างเล็กน้อย เพราะในมุมมองของผม บั๊คบีคอันตรายจริงๆ ทั้งนี้อยากให้พิจารณาในหนังสือดีๆ
จริงอยู่ว่ามันถูกปูมาแล้วว่าฮิปโปกริฟฟ์เป็นสัตว์ที่เย่อหยิ่งและเราไม่สามารถปลอดภัยถ้าแสดงอาการดูหมิ่นมัน แต่ในหนังสือเดรโกไม่ได้แสดงอาการดูหมิ่นที่ชัดเจนอะไรขนาดนั้น เขาแค่แสดงออกอย่างตื่นเต้นที่พบว่ามันง่าย! แล้วเขาก็ไม่ได้แสดงออกอย่างโจ่งแจ้งขนาดนั้นแล้วไม่ชัดด้วยว่าเขาดูถูกมันจริงๆ สัตว์ที่จะนำมาให้เด็กเรียนรู้ในเริ่มแรกมันต้องมีความเชื่องกว่าปกติระดับหนึ่งใช่มั้ย? ถ้าคุณเอาฮิปโปกริฟฟ์ที่มีเรด้าจับความเย่อหยิ่งระดับสูงเช่นนี้มันย่อมอันตรายอยู่แล้วและสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในความรับผิดชอบของคุณ
ผู้อ่านสามารถไหลไปตามบทสนทนาของแฮร์รี่และผองเพื่อนได้แต่เราต้องหยุดคิดนิดหนึ่งว่า "มาดามพรอมฟรีย์ยืนยันให้เดรโกพันแผลไว้" นั่นแปลว่าเขาต้องเจ็บหนักระดับหนึ่ง เล็บฮิปโปกริฟฟ์มีคำสาปหรือพิษหรือไม่? ผมจึงชอบฉากนี้ในหนังมากว่าเพราะเดรโกในหนังก้าวออกไปแล้วร้องท้าทาย เพราะต่อให้ไม่ใช่ฮิปโปกริฟฟ์ที่เย่อหยิ่งก็อาจจะโจมตีได้เนื่องจากท่าทางแบบนั้นจะทำให้สัตว์ตื่นกลัวหรือตกใจได้ ในภาพยนตร์บั๊คบีคน่ารัก สถานการณ์ที่โจมตีเดรโกก็สมเหตุสมผล
แต่ไม่ใช่ในหนังสือ แม้ผมจะไม่เห็นด้วยกับการฆ่าบั๊คบีคแต่ผมอยู่ข้างลูเซียสที่ต้องการเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ดัมเบิลดอร์ควรแสดงความรับผิดชอบด้วยการตั้งคณะกรรมการสอบสวนแฮกริดพอเป็นพิธี และควรมีการส่งจดหมายหรือกระเช้าของขวัญให้ลูเซียสกับนาซิสซ่าเพื่อแสดงความเสียใจ หรืออาจจะขอให้เดรโกหยุดเรียนเพื่อรักษาตัว แต่นี่ไม่มีใครทำอะไรเลย ผมจึงไม่แปลกใจที่ลูเซียสจะเอาเรื่อเพราะมันสมเหตุสมผลในโลกแห่งความจริงอยู่แล้ว ที่ไม่สมเหตุสมผลคือพฤติกรรมของพนักงานในโรงเรียนต่างหาก
ผมไม่รู้ว่าดัมเบิลดอร์ละเลยสลิธีรีนมามากขนาดไหน แต่นี้เป็นอีกครั้งที่ทำให้เราเข้าใจได้ไม่อยากเย็นว่าทำไมสลิธีรีนที่แยกตัวจากฮอกวอร์ต นี่ยังไม่นับภาค 5 ที่ลูเซียสถูกจับกุม หลังจากนั้นครอบครัวของเขาก็ตกต่ำและกลายเป็นพวกที่ต้อยต่ำที่สุดในหมู่ผู้เสพความตาย มันจึงง่ายมากที่เดรโกจะพาลเชื่อไปว่าโลกนี้จะดีขึ้นถ้าคนอย่างดัมเบิลดอร์ตายห่าไปซะ
เขามีทางเลือกหรือไม่ที่จะเป็นผู้เสพความตาย? เขาทั้งมีและไม่มี ที่ว่ามีก็คือเขาเลือกที่จะไม่รับตรามารได้ แต่ที่ว่าไม่มีคือ "ไม่ว่าเขาจะประทับตราหรือไม่เขาก็ได้รับคำสั่งให้ฆ่าดัมเบิลดอร์อยู่ดี ในช่วงเวลานี้รุนแรงมาก เพราะเดรโกต้องแบกความอยู่รอดของตัวเองและครอบครัว มันเป็นช่วงเวลาที่เขาได้มองโลกตามความจริงว่า "การเป็นฝ่ายมืดกับการเป็นไอ้บ้าอย่างโวลเดอร์มอร์เป็นคนละเรื่อง" เขาได้รับความช่วยเหลือจากสเนปที่เขาทำตัวหยาบคายด้วยตลอดปี 6 และความเมตตา (ที่มาช้า) ของดัมเบิลดอร์ปลุกบางอย่าง
ป้าบอกว่าเขามีความดีอยู่ในตัว
เล่ม 7 เป็นเล่มที่เราได้เห็นเดรโกดิ้นรนกับตัวเองมากจริงๆ เขาช่วยพวกแฮร์รี่โดยแสร้งจำพวกเขาไม่ได้ เขาพยายามที่แก้ไขสิ่งที่พ่อของเขาพลาดโดยการต่อสู้ตามลำพังเพื่อจับตัวแฮร์รี่และได้รับการช่วยชีวิตจากแฮร์รี่ และเขาแสดงความเคารพต่อแฮร์รี่ที่สถานรถไฟในท้ายเล่มก่อนจะกลายเป็นคนที่ทำให้แฮร์รี่กลายเป็นไอ้โง่ในภาคเด็กต้องสาปด้วยการเป็นพ่อที่ดีเลิศ  เขาเต็บโตเป็นคนที่มีพัฒนาการด้านบวกที่เห็นได้ชัดมาก ขณะที่แฮร์รี่ทำผิดพลาดอยู่ที่เดิมซ้ำๆ เดรโกทำให้ชัดในทุกๆ จักรวาลว่าเขาจะไม่ทำผิดซ้ำในสิ่งที่เขาเคยพลาด
เหล่านี้ทำให้ผมเริ่มชอบเขาขึ้นมาจริงๆ แม้ภาคเด็กต้องสาปอาจไม่ใช่ canon แต่มันก็ถ่ายทอดเจตนารมณ์ของ JK Rowling ต่อตัวละครนี้ได้อย่างงดงาม
สุดท้ายนี้ผมขออนุญาตโฆษณาซักหน่อย "แฮร์รี่ พอตเตอร์ ฉบับหัวขบถ" มี e-book แล้วนะครับ เข้าไปดูที่เพจของนักเขียนได้เลย โดยe-book จะเป็นเวอร์ชั่นสมบูรณ์ที่รวบรวมเนื้อหาที่ถูกตัดทิ้งก่อนลงในเวป (ยาวไปกลัวคนอ่านขี้เกียจอ่าน) กลับมาไว้ในแต่ละตอน เล่มแรก (ตอนที่1-ACT1) จะมีความยาวรวมกันมากกว่าสองร้อยหน้า ถ้าใครอยากรู้ว่าอะไรที่หายไปจากเวอร์ชั่นฟรีก็เชิญได้
ขอบคุณสายเปย์ทุกท่านครับและขอโทษล่วงหน้าสำหรับความสะเพร่า เพราะคำผิดมันต้องมีแน่ๆ แม้ผมจะตรวจไปแล้วหลายรอบก็ตาม
โฆษณา