ชาวประมงวอนสภาทนายความช่วยเหลือ เหตุน้ำมันดิบรั่วอ่าวระยอง กระทบระบบนิเวศ-รายได้
วันนี้ เวลา 10.00 น. ผู้ประกอบอาชีพประมงพื้นบ้านและอาชีพต่อเนื่องการประมง อำเภอมาบตาพุด จังหวัดระยอง ประมาณ 30 คน ประกอบด้วย 3 กลุ่ม 1. กลุ่มประมงพื้นบ้าน จำนวนเรือกว่า 150 ลำ 2. กลุ่มพ่อค้า-แม่ค้าที่ขาดทุนจากการค้าขายสัตว์น้ำที่ซื้อต่อจากเรือประมงและขายไม่ออก จำนวนกว่า 50 คน 3. กลุ่มลูกจ้างเรือประมง จำนวนกว่า 50 คน
เดินทางมายื่นหนังสือขอความช่วยเหลือทางกฎหมายกับสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ กรณีเกิดเหตุน้ำมันดิบใต้ทะเล บริเวณทุ่นผูกเรือน้ำลึกหรือจุดขนถ่ายน้ำมันในทะเลของบริษัทบริษัทสตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) รั่วไหลบริเวณนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2565 ปริมาณ 4 แสนลิตรและในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 ปริมาณ 5 พันลิตร ทำให้ชาวประมงพื้นบ้านและอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการประมงในพื้นที่ได้รับผลกระทบในเรื่องรายได้และเรื่องระบบนิเวศ
ทางสภาทนายความที่รับเรื่องจากชาวบ้านไว้ คือ นายวิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ,นายสัญญาภัชระ สามารถ อุปนายกฝ่ายปฏิบัติการ และว่าที่ร้อยตรีสมชาย อามีน ประธานอนุกรรมการสิ่งแวดล้อมฝ่ายคดีและปฏิบัติการและคณะ
นายวิเชียร ชุบไธสง กล่าวว่า เหตุการณ์น้ำมันรั่วที่ทางสภาทนายความได้ให้การช่วยเหลือของจังหวัดระยอง เป็นครั้งที่ 2 เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและรายได้ของชาวประมงพื้นบ้าน แนวทางในการให้ความช่วยเหลือชาวบ้าน ทางสภาทนายความจะจัดตั้งคณะกรรมการในการดำเนินงานและพูดคุยกับขาวบ้าน เพื่อนำหลักเกณฑ์ไปไกล่เกลี่ยกับบริษัทน้ำมัน หาแนวทางเยียวยาให้ชาวบ้าน ถ้าการเจรจาสำเร็จจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย
หากการเจรจาไม่สำเร็จจะต้องมีการเก็บข้อมูล พยานหลักฐาน เพื่อเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายดำเนินการให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมารับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหาย และในทางคดีความเรื่องสิ่งแวดล้อมและแหล่งกำเนิดมลพิษนั้นมีอายุความ 10 ปี
นายสัญญาภัชระ สามารถ อุปนายกฝ่ายปฏิบัติการ สภาทนายความ กล่าวว่า ก่อนจะมีการฟ้องร้องทางคดีความจะต้องมีการไกล่เกลี่ยให้ทั้งสองฝ่ายทำข้อตกลงกัน ถ้ามีผลเป็นที่พอใจทั้งสองฝ่ายจะเป็นผลดีต่อพี่น้องชาวประมง แต่หากไกล่เกลี่ยไม่สำเร็จจะดำเนินการฟ้องร้องตามคดีความต่อไป
นายสมพร ดำพริก อุปนายกฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย สภาทนายความ กล่าวว่า การฟ้องร้องต้องให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย จากข้อมูลและข้อเท็จจริงของพี่น้องชาวประมง ทางสภาทนายความมีความจำเป็นที่จะต้องให้ความช่วยเหลือในเรื่องนี้
นายบรรลูน รื่นรมย์ กรรมการสิ่งแวดล้อม สภาทนายความ กล่าวว่า สภาทนายความต้องทำงานอย่างเที่ยงธรรมและเป็นกลาง ยึดถือความถูกต้องเป็นหลัก เรื่องเกี่ยวกับโรงงานอุตสาหกรรมเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อย หลายครั้งที่มีการทำประชาพิจารณ์ ทางโรงงานอุตสาหกรรมจะมีมาตรการรองรับว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งโรงงานอุตสาหกรรมเหล่านี้มีความทันสมัยของเทคโนโลยี เราจะสามารถหาข้อเท็จจริงได้จากข้อมูลเทคโนโลยีแน่นอน
ว่าที่ร้อยตรีสมชาย อามีน ประธานอนุกรรมการสิ่งแวดล้อมฝ่ายคดีและปฏิบัติการ สภาทนายความ กล่าว หน่วยงานรัฐจะต้องให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพของประชาชนมากกว่านี้ ควรเข้ามาเก็บข้อมูลสุขอนามัยของชาวบ้านในพื้นที่เกิดเหตุน้ำมันดิบรั่ว
จากเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ก่อนหน้านี้ชาวบ้านได้รวมกลุ่มเข้าไปเจรจากับทางบริษัทน้ำมัน เรื่องการเยียวยาชดใช้ค่าเสียหาย เนื่องจากชาวบ้านไม่สามารถออกเรือทำประมงได้ตามปกติ และหาอาหารทะเลได้จำนวนน้อยลง ส่งผลกระทบต่อรายได้และชีวิตความเป็นอยู่
นายละม่อม บุญยงค์ ชาวประมงในพื้นที่อำเภอมาบตาพุด จังหวัดระยอง เล่าว่า ตนเองทำอาชีพประมงพื้นบ้านมากว่า 60 ปี ปกติทุกปีจะสามารถจับกุ้งแชบ๊วยได้ เนื่องจากสภาพแวดล้อมอุดมสมบูรณ์ แต่มาปีนี้ไม่สามารถจับกุ้งแชบ๊วยได้เลย และในส่วนของเงินเยียวยาที่ได้รับจากทางบริษัทน้ำมัน ชาวบ้านจำเป็นต้องรับไว้ ถึงแม้จะมีจำนวนไม่มาก แต่ที่ผ่านมาชาวบ้านขาดรายได้ และได้รับผลกระทบตลอดห่วงโซ่อุปทานที่ประกอบอาชีพการประมง
แต่การเยียวยาเบื่องต้นที่ชาวประมงได้รับกลับไม่ทั่วถึง เนื่องจากจะได้รับเฉพาะชาวประมงที่มีเรือขึ้นทะเบียนเท่านั้น และพ่อค้า-แม้ค้าอาหารทะเลเพียงบ้างส่วน แต่ลูกจ้างต่างๆ กลับไม่ได้รับการช่วยเหลือเยียวยาเลย
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
