ช่อง 7 สี เป็นบริษัทโฮลดิง หมื่นล้าน ที่หลายคนไม่รู้
ภาพจำของช่อง 7 ในความคิดของใครหลายคน ก็น่าจะเป็นเพียงสื่อ ผู้ผลิตรายการข่าว ละคร และผู้ถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาต่าง ๆ
แต่รู้หรือไม่ว่า นอกจากธุรกิจสื่อแล้ว ช่อง 7 ยังเป็นนักลงทุนในกิจการอื่น ในฐานะบริษัทแบบช่อง 7 เราก็จะเรียกว่า Holding Company
วันนี้ เรามาดูกันว่าพอร์ตการลงทุนของช่อง 7 ใหญ่ขนาดไหน และเข้าไปลงทุนในธุรกิจอะไรบ้าง ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
หากเรามาดูผลประกอบการในปี 2564 ของช่อง 7 หรือบริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด
รายได้ 5,016 ล้านบาท
กำไร 1,965 ล้านบาท
คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ สูงถึง 39% หรือรายได้ที่ช่อง 7 ทำได้ทุก ๆ 100 บาท เป็นกำไรมากถึง 39 บาท
ซึ่งก็เรียกได้ว่าเป็นระดับที่สูง จึงไม่แปลกเลยที่กำไรเพียงปีเดียวของช่อง 7 จะมากกว่าธุรกิจสื่อรายใหญ่ ทั้งเวิร์คพอยท์ ช่อง 3 และช่องวัน รวมกัน..
เหตุผลสำคัญ ที่ช่อง 7 มีกำไรสูงขนาดนี้ ก็เป็นเพราะว่าบริษัทมีรายได้จาก “เงินปันผล” จากการเข้าไปถือหุ้นในบริษัทต่าง ๆ ด้วย
แล้วช่อง 7 ลงทุนในธุรกิจอะไรบ้าง ?
เฉพาะหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ช่อง 7 ลงทุนอยู่ด้วยกัน 5 บริษัท ได้แก่
- BAY หรือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
- SCCC หรือ ปูนซีเมนต์นครหลวง
- GLAND หรือ แกรนด์ คาแนล แลนด์
- AYUD หรือ อลิอันซ์ อยุธยา แคปปิตอล
- ESTAR หรือ อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท
โดยมูลค่าหุ้นที่ช่อง 7 ถืออยู่ในทั้ง 5 บริษัทนี้ รวมกันสูงถึงเกือบ 14,000 ล้านบาท ซึ่งทางบริษัทก็ยังมีการลงทุนในธุรกิจนอกตลาดอื่น ๆ อีกด้วย
หากเราลองคำนวณเงินปันผล ที่ช่อง 7 ได้รับก็จะพบว่า ในปี 2564 ช่อง 7 ได้รับเงินปันผลจากการถือหุ้นทั้ง 5 บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ราว 440 ล้านบาท
คิดเป็นเกือบ 1 ใน 4 ของกำไรทั้งหมดที่บริษัททำได้เลยทีเดียว จึงอาจกล่าวได้ว่า เงินปันผลเป็นอีกหนึ่งช่องทางการหารายได้สำคัญ
นอกจากนี้ เราจะเห็นได้ว่า ทั้ง 5 บริษัทที่ช่อง 7 เข้าไปถือหุ้น ล้วนแต่ไม่ใช่บริษัทสื่อ
ซึ่งการเข้าไปถือหุ้นบริษัทอื่น ที่ไม่ได้ทำธุรกิจเหมือนตน ก็เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ การใช้เงินสดเพื่อกระจายความเสี่ยง
โดยเราจะเห็นได้ชัดว่า ในปี 2563 อุตสาหกรรมสื่อทั้งโลกต้องเผชิญกับวิกฤติอย่างหนัก จากการแพร่ระบาดของโควิด
หลายบริษัทตัดลดงบโฆษณา จนทำให้บริษัทสื่อหลายรายขาดทุน และต้องปิดตัวไป แต่ช่อง 7 ยังสามารถทำกำไรได้เกือบ 1,000 ล้านบาท ทั้ง ๆ ที่ผู้เล่นรายอื่นขาดทุน ส่วนหนึ่งก็มาจากเงินปันผล นั่นเอง
ทีนี้ เราลองมาดูกันว่า หากช่อง 7 จดทะเบียนเข้ามาอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ บริษัทแห่งนี้จะมีมูลค่าเท่าไร ?
เมื่อเราลองมาดูบริษัทสื่อที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เช่น
- BEC
บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน)
ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกลุ่มบริษัทตระกูลมาลีนนท์
เจ้าของช่อง 3
ซื้อขายกันที่อัตราส่วนมูลค่าบริษัทต่อกำไร หรือ P/E 27 เท่า
- ONEE
บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน)
เจ้าของช่องวัน 31
ซื้อขายกันที่ P/E 24 เท่า
- WORK
บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน)
เจ้าของช่องเวิร์คพอยท์ 23
ซื้อขายกันที่ P/E 69 เท่า
ซึ่งหากให้ P/E 24 เท่า อย่างน้อยช่อง 7 ก็จะมีมูลค่าบริษัท มากถึง 47,136 ล้านบาท
ถึงตรงนี้ เราก็สามารถสรุปได้ว่าช่อง 7 แม้จะมีธุรกิจหลักเป็นสื่อ แต่ก็มีกลยุทธ์ในการนำเงินสดของบริษัทมาลงทุนในกิจการอื่น ๆ เพื่อหาช่องทางรายได้เข้าบริษัทเพิ่มเติม
ซึ่งกลยุทธ์นี้เอง ก็อาจจะเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งในเคล็ดลับ ที่ว่าทำไมช่อง 7 แม้จะทำธุรกิจในอุตสาหกรรมดั้งเดิม แต่ยังสามารถทำกำไรได้ ในระดับพันล้านบาท เป็นประจำทุกปี..
ใครอยากมีความรู้เรื่องตลาดหุ้น ลงทุนแมนแนะนำ หนังสือ BLACK SWAN เล่มนี้ ราคา 380 บาท ที่เล่าถึงความล้มเหลวก่อนที่จะสำเร็จของนักลงทุนในตำนาน 12 คน สามารถสั่งซื้อ ได้ที่
- 12
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
