6 ม.ค. 2023 เวลา 07:08 • กีฬา
"สนามกีฬาแห่งชาติไทย" อายุ 82 ปี แต่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรให้ทันสมัย จากบอล u-23 วันนั้น ถึงคอนเสิร์ต Blackpink ในวันนี้ วิเคราะห์บอลจริงจังย้อนอดีตให้ฟัง
3
สนามศุภชลาศัย เคยสร้างความอับอายให้กับคนไทยมากๆ มาแล้ว เมื่อ 6 ปีก่อน
13
ในปี 2017 ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่น u-23 รอบคัดเลือก กลุ่ม H โดยมี 4 ทีมแข่งแบบพบกันหมด ได้แก่ ไทย, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย และ มองโกเลีย โดยเกมทุกนัดจัดที่สนามศุภชลาศัยทั้งหมด
19 กรกฎาคม 2017 วันแข่งขันมาถึง ไทยลงเล่นนัดแรกเจอมองโกเลีย ก่อนเกมเริ่มเล็กน้อย มีฝนตกลงมา ด้วยความที่สนามศุภชลาศัยไม่มีระบบระบายน้ำที่ดีพอ ทำให้ "สนามเละ" น้ำขังทั้งสนามในพริบตา ไม่สามารถลงแข่งขันได้ตามเวลา 19.00 ที่กำหนดไว้
น้ำเจิ่งนองทั่วสนาม ไม่มีทางเล่นได้ สนามบอล อบต. ยังดูดีกว่านี้ ตอนแรกผู้จัดคุยกันว่าจะเลื่อนแข่ง แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะคู่แข่งทุกทีมเขาจองโรงแรม จองตั๋วเครื่องบินขากลับกันหมดแล้ว ถ้าเลื่อนเกมนี้ มันจะกระทบทุกอย่างไปหมด
9
ด้วยความตื้อไม่รู้จะทำยังไง ผู้จัดฯ เลยสั่งให้ทำการ "รีดน้ำ" ออกจากสนาม คือเอาเจ้าหน้าที่สนามสิบกว่าคน ช่วยดันเอาน้ำออกๆ ไปก่อน ไม่ให้เห็นเป็นบ่อน้ำ แค่พอให้เล่นได้แบบถูๆ ไถๆ ก็ยังดี
20
การรีดน้ำของไทย ไม่ได้มีเทคโนโลยีอะไร ไม่ได้มีเครื่องจักรที่ทันสมัย แต่ใช้ไม้ด้ามยาว ปาดน้ำออกไปทิ้ง นอก Pitch แค่นั้น แต่ด้วยความที่มันน้ำขังหลายจุดเหลือเกิน ด้ามไม้ยาวๆ มีไม่พอ เจ้าหน้าที่เลยต้องไปแบกเอา "ป้ายโฆษณา" กับท่อพีวีซี ที่อยู่ข้างสนาม เอามาใช้เป็นเครื่องรีดน้ำเฉพาะกิจ
16
นี่เป็นภาพที่น่าเศร้ามาก ตอนนั้นในเพจฟุตบอลอาเซียน เราโดนแซวยับว่า เฮ้ย "National Stadium ของคุณแย่ขนาดนี้เลยหรอ ระบบระบายน้ำไม่มีบ้างเลยหรือ"
5
ถ้าใครอยากเห็นว่ามันเละขนาดไหน ลองเข้ากูเกิ้ล แล้วเสิร์ชว่า "U-23 รีดน้ำ" ก็จะเจอวีดีโอเลยครับ
3
ถ้าลองไปดูประเทศอื่นในอาเซียน สนามที่ใช้คำว่า National Stadium คือสวยงามอลังการทั้งนั้น คู่ควรกับคำว่าสนามกีฬาแห่งชาติ เช่น National Stadium, Singapore นี่เป็นสนามที่สวยงามและทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในอาเซียน
3
สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์ จุคนได้ 55,000 คน มีค่าก่อสร้าง 1,870 ล้านดอลลาร์ จอโปรเจ็กเตอร์ยิ่งใหญ่ ที่นั่งเรียงสวยงาม เพอร์เฟ็กต์ทุกอย่าง สเตเดี้ยมแห่งนี้คือความภูมิใจของประเทศเขาเลย แต่กับสนามศุภชลาศัยนั้น ไม่แน่ใจว่าคนไทยจะรู้สึกแบบเดียวกันได้หรือเปล่า?
4
ในเกมกับมองโกเลีย หลังจากรีดน้ำไป 70 นาที ฝนก็หยุด และแม้สนามจะเละแทบเป็นโคลน แต่ก็พอแข่งขันได้ นักเตะก็ต้องจำยอมลงแข่งกันไปแบบตะลุยน้ำอย่างนั้นแหละ
1
ซึ่งเกมนี้เป็นไปอย่างทุลักทุเลเหลือเชื่อ จ่ายบอลลูกเรียดไปไม่ถึงเพื่อนเพราะติดบ่อน้ำ เลี้ยงบอลไม่ได้เพราะลื่น ต้องใช้วิธีโยนตูมไปแบบนั้นแหละ
2
ไทยขึ้นนำไปก่อน 1-0 และรักษาสกอร์มาจนถึงนาทีที่ 87 สนามเราเองก็ทำพิษ เมื่อมองโกเลียโยนบอลยาวมาถึงหน้าเขตโทษของเรา นักเตะไทยก็พยายามสกัดบอลตามปกติ แต่บอลดันตกลงบนบ่อน้ำพอดี ทำให้ลูกหยุดนิ่งเฉยเลย แล้วกองหลังเราก็ลื่นบ่อน้ำอีกบ่อ ล้มกลิ้งกับพื้น กลายเป็นนักเตะมองโกเลียได้ส้มหล่นหลุดเดี่ยว จนผู้รักษาประตูเราไปรวบขาเสียจุดโทษ มองโกเลียซัดเข้าไปตีเสมอ 1-1 จบเกม เราชนะไม่ได้ เพราะสนามของเรานั่นเอง
16
ผลเสมอกับทีมอย่างมองโกเลียก็นับว่าแย่แล้ว แต่สภาพสนามถูกพูดถึงมากกว่า ว่านี่สนามบอลหรือปลักควายกันแน่ นักบอลทั้งสองทีม สภาพเนื้อตัวมอมแมม เลอะโคลนกันหมด
15
เมื่อเราพูดถึงสนามศุภชลาศัย นี่คือ "สนามกีฬาแห่งชาติ" แห่งแรกของประเทศ (ก่อนจะมีราชมังคลากีฬาสถาน) ซึ่ง ณ ปัจจุบันนี้ เราก็ยังใช้คำว่า National Stadium อยู่กับสนามศุภฯ แม้แต่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ก็ชื่อป้ายสนามกีฬาแห่งชาติเช่นกัน
3
ดังนั้นมันเลยเป็นอะไรที่น่าอับอายอย่างมาก ในรายการฟุตบอลระดับเอเชียแท้ๆ คนทั้งทวีปต้องมาตั้งคำถาม ว่าเราดูแลสนามบอลกันยังไง ให้เละตุ้มเป๊ะขนาดนี้
2
อีก 2 วันต่อมา (21 ก.ค.) ไทยมีโปรแกรมนัดต่อไปเจอมาเลเซีย เราทำอะไรไม่ได้แล้ว นอกจากภาวนาเทวดา ว่าขอให้ฝนอย่าตก เพราะถ้าตกก็เป็นบ่อน้ำอีก แล้วก็โชคดี ที่ฝนไม่ตก ทำให้นักเตะได้เล่นกันในสนามแห้งๆ และประเทศไทย ก็เลยเอาชนะมาเลย์ไปสบายๆ 3-0 ต่อบอลกันได้ไหลลื่นมาก
2
กลายเป็นว่าจะลุ้นสนามให้มีคุณภาพ ลุ้นปักตะไคร้ให้ฝนไม่ตกง่ายกว่า
14
จากนั้นเกมสุดท้าย (23 ก.ค.) ไทยเจอกับอินโดนีเซีย คราวนี้เทวดาไม่ใจดีอีกแล้ว ผ่านไป 15 นาทีแรก ฝนยังไม่ตกก็เล่นกันได้อยู่ แต่พอนาทีที่ 16 ปั๊บ ฝนลงเม็ด และเพียงแค่พริบตาเดียว สนามศุภชลาศัยกลายเป็นบ่อน้ำเหมือนเดิม น้ำขังแบบสยองขวัญมาก ได้ฟีลเหมือนเตะกลางน้ำบนเกาะปันหยี
13
หมดคำบรรยาย หมดคำจะพูด หากเทียบกับสนามกีฬาแห่งชาติของคู่แข่งอินโดนีเซียล่ะก็ ของเขาสวยกริ๊บ ระบายน้ำเป็นเลิศ สนามยิ่งใหญ่จุ 80,000 แล้วพอมาเจอสนามกีฬาแห่งชาติของเราที่เละเทะขนาดนั้น ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน
3
แน่นอน ฝนตกขนาดนั้น จ่ายบอลไปก็ติดบ่อน้ำ ใครมันจะไปเล่นได้ จบเกมด้วยสกอร์ 0-0 ซึ่งสุดท้ายทัวร์นาเมนต์นี้ ไทยก็ผ่านเข้ารอบ แต่ภาพจำของแฟนบอลที่ยังติดตาจนถึงวันนี้คือเรื่องสนาม ไม่ใช่เรื่องผลการแข่งขัน
1
ในข้อเท็จจริงนั้น สนามศุภชลาศัยตั้งอยู่ในทำเลที่ดีที่สุด อยู่ใจกลางเมืองอย่างแท้จริง มีรถไฟฟ้าตัดผ่าน เหมาะสมกับการใช้งานทุกประเภท แข่งกีฬา จัดคอนเสิร์ต จัดอีเวนต์ แต่จนถึงวันนี้ ตัวสนามยังมีศักยภาพน้อยเกินไป Facility ยังไม่ทันสมัยพอ
1
สนามศุภฯ ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ใช้งานได้จริงในปี ค.ศ. 1941 หรือเมื่อ 82 ปีที่แล้ว ถ้าย้อนกลับไปในยุคนั้น ก็ถือเป็นสนามกีฬาระดับท็อปของอาเซียน ดร.นิวัตน์ ลิ้มสุขนิรันดร์ อธิบดีกรมพลศึกษากล่าวว่า "ตอนก่อสร้างเมื่อ 80 กว่าปีก่อน ชาติยักษ์ใหญ่ทั้งญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ยังต้องมาศึกษาดูงาน"
2
ถ้าดูจากประวัติแล้ว สนามศุภชลาศัย ก็ล้ำสมัยก่อนชาติอื่นจริงๆ ที่มาเลเซีย กว่าจะสร้างสนามเมอร์เดก้าขึ้นมาได้ ก็เกิดขึ้นในปี 1957 , อินโดนีเซีย กว่าจะสร้างสนามเสนายัน ก็ต้องรอถึงปี 1962 หรือ แม้แต่ญี่ปุ่นกว่าจะสร้างสนามกีฬาแห่งชาติที่โตเกียว ก็เกิดขึ้นในปี 1958
1
แต่ประเด็นคือสนามศุภชลาศัย ผ่านมา 82 ปี มันกลับได้รับการพัฒนาน้อยกว่าที่ควรจะเป็น จริงอยู่ว่ามีการเปลี่ยนหญ้า เปลี่ยนที่นั่งอยู่บ้าง แต่มันก็ยังมีความเชยอยู่ดี ถ้าเทียบกับสนามกีฬาสมัยนี้ เขาล้ำหน้าไปไหนต่อไหนแล้ว ยิ่งถ้าดูด้านนอกสนามศุภฯ ก็ยังเป็นโครงสร้างแบบเดิม ยังยึดแนว Retro เอาไว้อยู่
5
จริงๆ แล้ว ทุกสนามกีฬาในโลก ถ้าคุณต้องใช้งานเป็นประจำ ก็ต้องมีการอัพเกรดให้ทันสมัยอยู่เรื่อยๆ เช่นสนามเสนายัน ก่อสร้างปี 1962 แต่ผ่านการรีโนเวทใหญ่สองครั้ง ในปี 2006 และ 2016
3
หรือสนามเวมบลีย์ ของประเทศอังกฤษ ก่อสร้างในปี ค.ศ.1923 แต่พอใช้มาเกือบร้อยปี ก็ทุบทิ้งในปี 2000 แล้วแปลงร่างจากรูปทรงโบราณ Twin Towers มาเป็นทรง Arc แทน และ Facility ทุกอย่างก็อัพเกรดหมด คือโลกมันเปลี่ยนไปขนาดนี้ จะมาใช้สนามดั้งเดิมเหมือนศตวรรษที่แล้วได้ยังไง
1
แต่ของไทยนั้น เรายังคงหยุดนิ่งอยู่ ปล่อยให้ Retro แบบนั้นต่อไป คือจริงอยู่ว่า เราอาจมีสนามกีฬาแห่งใหม่คือราชมังคลากีฬาสถานแล้ว แต่สนามศุภฯ ก็ยังคงถูกใช้อยู่เป็นประจำ ถ้าหากรีโนเวททำให้สวยงามทันสมัย ก็ย่อมมีประโยชน์มากกว่าแน่ๆ
4
มีข้อถกเถียงว่า สนามศุภชลาศัย ที่รีโนเวทไม่ได้ เพราะเป็นโบราณสถานหรือเปล่า?
1
คำตอบคือ "สนามศุภชลาศัยยังไม่ได้เป็นโบราณสถาน"
3
นิยามทั่วไปของโบราณสถานคือ อาคารหรือสิ่งก่อสร้างที่มีอายุ 100 ปีขึ้นไป ซึ่งอาจอนุโลมให้ต่ำกว่านี้ได้ตามคุณค่าของสถานที่นั้นๆ ปัจจุบันสนามศุภฯ อายุ 82 ปี จึงยังไม่ถูกขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน
2
ถ้าหากสถานที่ใดขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแล้ว สิ่งสำคัญคือ "ห้ามเปลี่ยนแปลงรูปแบบ" คุณสามารถซ่อมแซมได้ แต่ต้องอยู่ในรูปแบบสถาปัตยกรรมเดิม ใช้วัสดุเดิม แปลว่าเมื่อสนามศุภฯ ยังไม่ได้เป็นโบราณสถาน ก็สามารถรีโนเวทได้ทุกอย่าง เปลี่ยนสถาปัตยกรรมใหม่ ทุบแล้วทิ้งเลยก็ยังได้
แต่ทำไมไม่ทำ?
คำตอบคือ
1- พื้นที่บริเวณสนามกีฬาแห่งชาติทั้งหมด ทั้งสนามศุภชลาศัย, สนามนิมิบุตร, สนามเทพหัสดิน ฯลฯ เจ้าของที่แท้จริงคือ สำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬาฯ แต่จุฬาฯ ปล่อยให้กรมพละเช่ามาตั้งแต่ 82 ปีก่อนแล้ว
จุฬาฯ ไม่พอใจกรมพละ ที่ใช้ประโยชน์จากพื้นที่ไม่เต็มประสิทธิภาพ จึงขอทวงพื้นที่คืน เตรียมเอามาจัดการเอง แต่กรมพละไม่พร้อมที่จะคืน เพราะถ้าย้ายออกจากสนามศุภชลาศัยไป แล้วกรมพละจะไปอยู่ที่ไหน สำนักงานของกรมก็อยู่ตรงนี้ แล้วอีเวนต์การจัดแข่งขันต่างๆ ที่กรมพละดูแลอีก ไม่มีสนามศุภฯ จะไปจัดแข่งตรงไหนได้ ดังนั้นจึงยืดเยื้อมาเรื่อยๆ ไม่ยอมย้ายออก
10
ดร.นิวัฒน์ อธิบดีกรมพละอธิบายว่า "เราขอเจรจาเช่าพื้นที่จากจุฬาฯ ต่อไปก่อน จนกว่าจะหาพื้นที่ใหม่ไปลงได้ ยิ่งมาเกิดเรื่องโควิดอีก ทำให้กรมไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณสำหรับย้ายไปอยู่ในสถานที่ใหม่ และกรมพละก็ยังจำเป็นต้องใช้พื้นที่จัดกิจกรรมสำหรับเด็กและเยาวชน และประชาชนทั่วไปอีก"
1
เมื่อกรมพละไม่ย้ายออก จุฬาฯ จะไปไล่ที่ยังไงได้ โดยมติชนออนไลน์ถาม อธิบดีกรมพละ ในปี 2021 ว่า แล้วพร้อมจะย้ายออกจากตรงนี้เมื่อไหร่ อธิบดีตอบว่า ก็ขึ้นอยู่กับว่า หาสถานที่ใหม่ไปลงได้เมื่อไหร่ อาจจะราวๆ 5-7 ปี แต่ก็ยังตอบไม่ได้ชัดเจน
3
เรื่องมันเลยคาราคาซังแบบนี้ กรมพละจะควักเงินรีโนเวทไปทำไม ในเมื่ออีกไม่นานตัวเองก็ย้ายออก เช่นเดียวกับจุฬาฯ ก็รอให้ตัวเองได้ที่ดินคืนมาก่อน ถึงจะเริ่มโปรเจ็กต์พัฒนาอะไรต่อไปได้
2
2- มีคนจำนวนไม่น้อยที่มองว่า "รูปทรง" ของสนามศุภชลาศัยที่มีความ Retro ควรอนุรักษ์ให้เป็นโบราณสถานไปเลย ตอนนี้อายุ 82 ปีแล้ว อีก 18 ปี ก็จะครบ 100 ปี ขึ้นทะเบียนได้
1
หลายคนบอกว่า ถ้าจะสร้างสนามกีฬาแบบใหม่ที่ทันสมัย ก็ไปสร้างส่วนอื่นในกรุงเทพสิ ไม่เห็นต้องมาทำลายโครงสร้างสถาปัตยกรรมคลาสสิคอันนี้เลย เก็บสนามเอาไว้เป็นตำนานแบบนี้ก็ดีแล้ว
เหตุผลสองข้อรวมกัน ทำให้การรีโนเวทครั้งใหญ่กับสนามศุภชลาศัยไม่เกิดขึ้นเสียที การบูรณะใดๆ ก็เป็นแค่ Minor Change ปรับนี่นั่นนิดหน่อย แต่ไม่มีการรื้อทำลายโครงสร้างทั้งหมด คนไทยก็เลยต้องใช้สนามนี้กันไปด้วยสภาพแบบนี้
1
จริงๆ อย่างที่อธิบดีกรมพละบอกนั่นก็ถูกครับ ว่า สนามศุภชลาศัย ถือว่ามีความล้ำสมัยเมื่อ 82 ปีก่อน เป็นสนามชั้นดีในยุคนั้น
แต่ปัญหาคือ 8 ทศวรรษผ่านไป มันแทบไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมเลย โลกเปลี่ยนไป วิวัฒนาการใหม่ๆ มีมากขึ้น แต่ไม่ได้ถูกนำมาใช้ในสเตเดี้ยมของเรา
National Stadium ของประเทศอื่น เขาจะเน้นความทันสมัย แต่ National Stadium ของไทยจะเน้นความคลาสสิค แนว Retro
1
สนามกีฬาแห่งชาติ ชื่อเหมือนกัน แต่กลับมีแนวคิดที่แตกต่างกันจริงๆ
จากนี้ไป ก็ต้องรอดูว่า กรมพลศึกษาจะส่งคืนให้จุฬาฯ เมื่อไหร่ และเมื่อวันที่จุฬาฯ ได้รับคืน ก็ต้องมาดูกันว่า จุฬาฯ จะตัดสินใจอย่างไร
เก็บรักษาอนุรักษ์ต่อให้อยู่สภาพเดิมถึง 100 ปี จนเป็นโบราณสถาน, ทุบทำลายทิ้งเอาไปสร้างห้างสรรพสินค้า หรือ พัฒนาให้กลายเป็นสนามกีฬาระดับคุณภาพสูงสุดของประเทศ
1
National Stadium ของไทย จะมีรูปโฉมเป็นอย่างไรในอนาคต ก็ยากที่จะคาดเดาจริงๆ
โฆษณา